บทที่ 281
สนอกสนใจ
ฮวาอู๋เหยียนถอนหายใจเบาๆ “เป็นครั้งแรกที่มีเด็กอายุน้อยขนาดนี้ยอมรับอย่างเปิดเผยว่าเป็นผู้ที่สวรรค์ประทานความสามารถให้ กล้าหาญน่ายกย่อง จิตใจก็ไม่เลว”
สายตาเบื้องหลังหน้ากากของเชียนเยวี่ยหร่านเพ่งพิศกู้ซีจิ่วครู่หนึ่ง สายตาของเขารุกรานยิ่งนัก ราวกับสามารถมองทะลุผิวหนังไปถึงกระดูกเธอได้ มองอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ “มิใช่ กล่าวกันว่าเจ้าไม่มีพลังวิญญาณหรอกหรือ? เหตุใดข้าจึงเห็นว่าพลังวิญญาณในร่างเจ้าบรรลุถึงขั้นที่สองแล้ว?”
คนผู้นี้สายตาดุจเฉียบแหลม!
กู้ซีจิ่วเม้มปากน้อยๆ ไม่กล่าวอันใด
“แต่ก่อนชีพจรนางตีบตัน ข้าใช้ตัวยาเล็กน้อยช่วยนางเปิดออก” นํ้าเสียงตี้ฝูอีแผ่วเบา
ฮวาอู๋เหยียนตะลึงงัน เงยหน้ามองตี้ฝูอี ดวงตาฉายแววซับซ้อนรางๆ อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
เชียนเยวี่ยหร่านกลับเลิกคิ้วมองตี้ฝูอีราวกับมองสิ่งแปลกใหม่ “ชีพจรของนางคงมิได้ตีบตันเช่นธรรมดาทั่วไป? มิฉะนั้นด้วยความสามารถของจวนแม่ทัพ คงช่วยนางเปิดไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้นางต้องแบกรับฉายาสวะไร้พลังหรอก จะเห็นว่ารักษาได้ยากยิ่งนัก ตัวยาที่พี่ตี้มอบให้นางคงมิใช่ยาสูตรลับที่ท่านไม่เคยเผยแพร่สู่ภายนอกกระมัง? ท่านใจกว้างถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เขาไม่เพียงแต่สวมหน้ากากดุดันผ่าเผย วาจาที่กล่าวก็ตรงไปตรงมายิ่ง ไม่อ้อมค้อมสักนิด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเกิดความสนใจใคร่รู้ในตัวกู้ซีจิ่วมาก เดินวนเวียนรอบตัวเธอถึงสองรอบ “แม่นางผู้นี้มีสิ่งใดแปลกประหลาดถึงทำให้ท่านสนอกสนใจได้ขนาดนี้?”
ตี้ฝูอียิ้ม “เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าสนอกสนใจในตัวเจ้าบ้างหรือไม่?”
ดูเหมือนเชียนเยวี่ยหร่านจะนึกถึงบางอย่าง จึงสั่นสะท้านโดยพลัน โบกไม้โบกมือ “ไม่ต้อง! ขอบคุณท่านมาก!”
ฮวาอู๋เหยียนที่อยู่ด้านข้างยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนค่อนข้างยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น “ความสนใจของฝูอีมิใช่จะมอบให้เรื่อยเปื่อยได้ มอบให้หนก่อนทำให้ท่านต้องผิวหนังลอกออก ข้ายังจดจำ ‘ความ สนใจ’ ที่ฝูอีมอบให้ข้าในปีนั้นได้ ข้าเกือบจะเก็บชีวิตน้อยๆ กลับมาไม่ได้แล้ว ยามนี้นึกถึงยังเสียวสันหลังอยู่บ้าง”
พวกเขาสามคนรำลึกความหลังกันอยู่ตรงนั้น ทอดทิ้งกู้ซีจิ่วไว้ด้านข้าง
จากบทสนทนาของพวกเขา กู้ซีจิ่วสามารถสรุปอกมาได้สองข้อ หนึ่ง ปกติแล้วสามคนนี้มีความสัมพันธ์กันไม่เลว สอง ปกติแล้วตี้ฝูอี ชมชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกันการกลั่นแกล้งก็ยังมีขอบเขตอยู่ ไม่ได้กลั่นแกล้งจนทำให้คนตายจริงๆ
แม้กระทั่งศัตรูเขาก็ปฏิบัติด้วยท่าทีเช่นนี้เหมือนกัน เฉกเช่นที่ปฏิบัติต่อทูตสวรรค์ฝ่ายขวา หากเมื่อคืนเขาเอาจริง ไม่แน่เทียนจี้เยวี่ยอาจจะตายจริงๆ ก็ได้!
แต่สุดท้ายเขาก็ยังปล่อยเทียนจี้เยวี่ยไป…
กู้ซีจิ่วหวนนึกถึงวิธีการที่ตี้ฝูอีปฏิบัติต่อตน ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ดูเหมือนในที่สุดฮวาอู๋เหยียนก็นึกถึงตัวละครเอกเช่นเธอขึ้นมาได้ จึงยิ้มให้เธอน้อยๆ “แม่นางกู้ก็คงถูกเขากลั่นแกล้งไม่น้อยเป็นแน่กระมัง? ผู้ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนล้วน ถูกเขา ‘สนอกสนใจ’ เช่นนี้ทั้งสิ้น แม่นางกู้ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจหรอก”
กู้ซีจิ่วก็ยิ้มน้อยๆ ให้นางเช่นกัน “ข้าย่อมไม่เก็บมาใส่ใจเจ้าค่ะ ที่แท้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ปฏิบัติต่อข้าเหมือนที่ปฏิบัติต่อท่านเจ้าสำนักทั้งสอง นี่ถือเป็นเกียรติของข้า ข้ายินดีมากเจ้าค่ะ”
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตะวันลอยอยู่เหนือยอดศีรษะแล้ว เธอมองไปทางตี้ฝูอี “เวลาไม่เช้าแล้ว เริ่มได้หรือยังเจ้าคะ? ข้าคิดว่าจัดการเรื่องของข้าให้เสร็จก่อน ทั้งสามท่านค่อยรำลึกความหลังต่อก็ไม่สาย”
ทั้งสามคนนิ่งงัน
หลังจากขึ้นมาบนแท่นเบิกสวรรค์แห่งนี้ ตี้ฝูอีก็วางท่าจริงจังเป็นการเป็นงาน แทบจะไม่เคยพูดคุยกับเธอเลย ถึงขั้นไม่มองเธอด้วยซ้ำ
ยามนี้ในที่สุดสายตาเขาก็หันมามองใบหน้าเธอ ราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่างจากในแววตา