บทที่ 285
พวกเจ้าสองคนคิดเห็นว่าอย่างไร
ฮวาอู๋เหยียนส่ายหน้าเล็กน้อย นางคือผู้มีประสบการณ์ จึงทราบว่าผ่านไปอีกสักครู่ ปราการสายฟ้าห้าสีนั้นก็จะสลายหายไป…
นางอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ “เห็นทีว่านางคงไม่ใช่จริงๆ…”
กล่าวประโยคนี้ยังไม่ทันจบ จู่ๆ นางก็ชะงักงัน! ดวงตาเบิกกว้าง!
นึกไม่ถึง…นึกไม่ถึงว่าอสรพิษสายฟ้าห้าสีล้วนทะลวงเข้าไปในร่างกู้ซีจิ่ว! หายเข้าไปในร่างนั้นเส้นแล้วเส้นเล่า…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ปราการแสงห้าสีหายไป อสรพิษสายฟ้าทั้งหมดก็ไม่มีเหลือแล้ว ร่างกายกู้ซีจิ่วเปล่งแสงห้าสี เพียงแต่แสงห้าสีนี้มิได้กระจายไปตามค่ายกลผังแปดทิศ แต่วนรอบกายนางด้วยตัวเอง แล้วก่อตัวเป็นวงแสงอันหนึ่งด้านหลัง ครอบคลุมร่างนางที่อยู่ตรงกลาง มองจากไกลๆ แล้วดูคล้ายแสงแห่งพระพุทธ…
ฮวาอู๋เหยียนและเชียนเยวี่ยหร่านตกตะลึง!
ฝูงชนต่างสับสนงงงวย
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ นอกจากตี้ฝูอีกับเจ้าสำนักทั้งสองคน ผู้อื่นล้วนไม่ทราบว่าหากเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน ผลจะออกมาเป็นเช่นไร ดังนั้นพอเห็นสภาพอันน่าอัศจรรย์ยิ่งนักของกู้ซีจิ่วชัดๆ สายตาของทุกคนจึงมองไปที่ตี้ฝูอี
จักรพรรดิซวนเอ่ยปากถาม “ท่านทูตสวรรค์ซ้าย เป็นเช่นนี้ สามารถพิสูจน์ได้แล้วใช่หรือไม่ว่าซีจิ่วเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน?”
ตี้ฝูอีกลับมองไปทางฮวาอู๋เหยียนและเชียนเยวี่ยหร่าน “พวกเจ้าสองคนคิดเห็นว่าอย่างไร?”
ฮวาอู๋เหยียนค่อนข้างรอบคอบ นางมองไปที่เชียนเยวี่ยหร่าน
เชียนเยวี่ยหร่านก็ตรงไปตรงมาจริงๆ “อัตลักษณ์ของนางประหลาดมาก แต่มิใช่รูปแบบการปรากฏของศิษย์สวรรค์เบื้องบน ข้าคิดว่านางคงไม่ใช่ศิษย์สวรรค์เบื้องบน!”
ฮวาอู๋เหยียนก็พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าก็คิดแบบเดียวกับท่านเชียน”
เมื่อทั้งสองคนกล่าวเช่นนี้ ฝูงชนด้านล่างแท่นส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาอีกหน บ้างกล่าวว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ บ้างกล่าวว่านึกไม่ถึงว่าที่แท้อัตลักษณ์ประหลาดเช่นนี้จะไม่ใช่…บ้างก็เห็นใจ บ้างก็ชมดูอย่างครื้นเครง ทั้งยังมีผู้ที่ยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นด้วย สรรพสิ่งทั้งมวลล้วนแตกต่างกันไป
ในใจเหลิ่งเซียงอวี้ชอบใจนัก ทว่าภายนอกกลับทอดถอนใจราวกับโศกเศร้า
กู้เทียนอีกลับยินดีอย่างออกนอกหน้า หัวเราะคิกคัก “ข้าว่าแล้วเชียว นางจะเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนไปได้อย่างไร?! เป็นคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์ฟ้าชัดๆ! เป็นแค่สวะไร้พลังก็ยังกล้าแอบอ้างว่าสวรรค์ประทานความสามารถให้ ยามนี้ความจริงคงเปิดเผยแล้วกระมัง?!”
“เทียนอี อย่าพูดเหลวไหล!” เหลิ่งเซียงอวี้ตำหนิ “ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวของเจ้า เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพของพวกเรา อีกอย่างท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ยังไม่ได้ตัดสินชี้ขาด”
จะใช้ศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนหรือไม่สุดท้ายแล้วมีเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่เป็นผู้ตัดสิน ท่านเจ้าสำนักทั้งสองเป็นได้เพียงประจักษ์พยานเท่านั้น
สายตาของทุกคนมองไปที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย รอคำตัดสินสุดท้ายจากเขา
ตี้ฝูอีกลับมองดูกู้ซีจิ่ว เขาสวมหน้ากากเอาไว้ กู้ซีจิ่วจึงมองไม่เห็นว่าสีหน้าเขาเป็นเช่นไร มองเห็นเพียงดวงตาที่ราวกับมีประกายแสงพร่างพราวอยู่ภายใน ทว่าทำให้คนมองอารมณ์ไม่ออก
“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” ตี้ฝูอีเปิดปากเอ่ยถามกู้ซีจิ่วที่เพิ่งเป็นอิสระจากเสา
กู้ซีจิ่วขยับแขนขาเล็กน้อย “ไม่เลว”
รู้สึกเหมือนถูกเผาผลาญเส้นโลหิต เพียงแต่ยังอยู่ในขอบเขตที่อดกลั้นได้
ตี้ฝูอีค่อยๆ เอ่ย ”เจ้าไม่ใช้ศิษย์สวรรค์เบื้องบน!”
เสียงไม่ดัง แต่ทั้งลานกว้างล้วนได้ยินกันอย่างชัดเจน
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงไม่เอื้อนเอ่ยวาจา ผลลัพธ์นี้เป็นไปตามที่คาดไว้ เธอจึงไม่แปลกใจ
สำหรับฝูงชนด้านล่างแท่นแล้ว ผลลัพธ์นี้เก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเช่นกัน แต่ยามที่ได้ยินตี้ฝูอีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ด้านล่างก็ยังเกิดเสียงฮือฮาขึ้น!
อันที่จริงบางครั้งต่อให้คนเราทราบผลชัดเจนอยู่แล้ว ในใจก็ยังคงคาดหวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แต่ยามนี้เมื่อผลปรากฏออกมา ก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ทั้งหมด มีทั้งผิดหวัง ส่ายหน้า ไม่พอใจ สบถ และหัวเราะเยาะ….