Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 286

บทที่ 286

งานรื่นเริง

เมื่อเสียงต่างๆ ผสมผสานกันก็กลายเป็นคลื่นเสียงที่สับสนอลหม่าน แผ่ขยายไปรอบทิศ

ในหมู่คนด้านล่างมียอดฝีมืออยู่มากมาย เมื่อยอดฝีมือสนทนากัน ย่อมพูดจาเสียงดังกระโชกโฮกฮาก ผนวกกับมีพลังวิญญาณช่วยเสริม เสียงจึงดังเข้าไปใหญ่

เสียงแหลมสูงของกู้เทียนอีก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย “น่าอับอาย! น่าอับอายจริงๆ! ทำให้จวนแม่ทัพของพวกเราต้องขายหน้า! เพียงเรียนรู้วิชาแพทย์ไม่กี่แขนงก็ไม่รู้จักประมาณฐานะตนเสียแล้ว แถมยัง สวมรอยเป็นศิษย์สวรรค์เบื้องบนด้วย หน้าไม่อายนัก จวนแม่ทัพของพวกเราต้องอัปยศอดสูก็เพราะเจ้า!”

“ฮ่าๆ ใช่แล้ว น่าขันจริงๆ หลงนึกว่านางจะมีความสามารถมากมาย ที่แท้ก็ไม่เท่าไหร่” มีคนด้านล่างผสมโรงทันที

“สวะไร้พลังคนหนึ่งคิดเพ้อเจ้อว่าจะโบยบินขึ้นสู่คาคบไม้กลายเป็นพญาหงส์ยามนี้ในที่สุดก็กลับคืนร่างเดิมแล้วกระมัง? สวะก็คือสวะ จะยามไหนก็เป็นสวะ” พวกเขาผสมโรงต่อ…

“หรือว่าทักษะการแพทย์ของนางในยามนั้นก็เป็นของปลอมด้วย เป็นแมวบอดพบหนูตายบังเอิญรักษาคนให้หายได้…”

“อาจจะใช่ วิชาแพทย์ของนางจะเหนือกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกัน ยามนั้นน่าจะบังเอิญเท่านั้นแหละ”

“เฮ้อ เหมือนประโยคนั้นที่ว่าไว้จริงๆ คนอัปลักษณ์มักสร้างปัญหา นี้เป็นทั้งคนอัปลักษณ์และไร้ค่า…”

คำพูดสารพัดที่คนต้องการทำร้ายจิตใจของจำเลยโผล่ออกมาเรื่อยๆ ดังไปถึงบนแท่น

เมื่อตี้ฝูอีได้ยิน กู้ซีจิ่วก็ย่อมได้ยินเช่นกัน

ถูกคนมากมายถึงเพียงนี้เยาะเย้ยต่อหน้าฝูงชน คนทั่วไปคงรับไม่ได้แล้ว สถานการณ์ตอนนี้สามารถบรรยายได้เพียงฉากเดียวเท่านั้น ดาราถูกแฉข่าวฉาวต่อหน้าฝูงชน แสงแฟลชสาดวูบวาบรอบทิศ จำเลยตกอยู่ในวงล้อมการประณามหยามหมิ่น นํ้าลายที่พ่นออกมาแทบจะทำให้จมนํ้าตายได้!

ราวกับเป็นงานรื่นเริง งานรื่นเริงที่สามารถด่าทอผู้อื่นได้อย่างสนุกสุดเหวี่ยง

ยามนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม ยืนอยู่ในจุดที่เยาะเย้ยถากถางด้วยความมีคุณธรรม ต่อให้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา ต่อให้จำเลยอาจจะไร้ซึ่งความผิดก็ตาม

ตี้ฝูอีหรี่ตาลงเล็กน้อยมองกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากเล็กๆ ไม่เอื้อนเอ่ยอันใด ทว่าสีหน้ากลับสุขุมเยือกเย็นนัก ราวกับผู้ที่ถูกด่าทอไม่ใช่ นาง เพียงแต่นิ้วมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสั่นไหวเล็กน้อย

ตี้ฝูอีชูมือส่งสัญญาณ มู่เฟิงพลันกล่าวด้วยนํ้าเสียงแจ่มชัด “หยุดโวยวาย ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีเรื่องจะพูด!”

เสียงเขาไม่ดัง ทว่าสะกดทั้งลานได้ในบัดดล สะกดข่มเสียงทั้งหมดลงไปได้!

ผู้ชมสงบลงอีกครั้ง เฝ้ารอท่าทีต่อไปของตี้ฝูอี หากไม่มือะไรเหนือความคาดหมาย เขาคงจะจัดการเรื่องลงโทษกู้ซีจิ่ว!

เหลิ่งเซียงอวี้เบิกตามองมาทางนี้ รอคอยให้นังเด็กน่าตายคนนั้นได้รับจุดจบที่สมควร ให้นางได้ระบายความแค้นในใจ

ตี้ฝูอีเปิดปากเอ่ย น้ำเสียงของเขายังคงเฉื่อยชาเหมือนเคย “นางไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์เบื้องบน แต่ภูมิหลังของวรยุทธ์นางก็ไม่ธรรมดา เมื่อครู่นางดูดซับอสรพิษสายฟ้าห้าสีทั้งหมด ร่างกายเปล่งแสงห้าสี ทุกท่านไม่คิดถึงคนผู้หนึ่งบ้างหรือ?”

ฝูงชนด้านล่างแท่นแสดงสีหน้าเหลอหลา

ทว่าฮวาอู๋เหยียนและเชียนเยวี่ยหร่านที่อยู่บนแท่นกลับใจเต้นขึ้นมาทันที!

เชียนเยวี่ยหร่านพูดโพล่งออกมา “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!”

วาจาที่กล่าวออกมาดุจเป็นคำสาป สะกดจุดฝูงชนในลานได้ในชั่วพริบตา ทั้งลานกว้างเงียบลง ราวกับถ้าเข็มสักเล่มหล่นลงพื้นก็ยังได้ยิน

ตี้ฝูอียิ้ม กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “มิผิด! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์! วรยุทธ์นางสัมพันธ์กับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!”

หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันระลอกคลื่น[1] ฝูงชนโง่งมกันไปหมดแล้ว!

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!

หากกล่าวถึงความสามารถที่สวรรค์ประทานให้ยังดูเลื่อนลอยอยู่บ้าง ทำให้ผู้คนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ในจิตใจของมวลชน ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เทพเจ้าประจำดินแดนมีตัวตนอยู่จริงๆ!

ท่านเทพที่ประชาชนมากมายกราบไหว้บูชา ถ้าวรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วสัมพันธ์กับเขา นั่นมิใช่การยืนยันว่านางเป็นศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ?!

กู้ซีจิ่วบื้อใบ้ไปแล้ว!

เธอไปผูกสัมพันธ์กับเทพศักดิ์สิทธิ์ยามไหนกัน? เหมือนว่าเธอ… แค่เคยถอดเสื้อผ้าของรูปสลักเทพศักดิ์สิทธิ์ออกเท่านั้นเอง…

……………………….

[1] หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันระลอกคลื่น อุปมาถึง การกระทำเล็กน้อยแต่ส่งผลกระทบในวงกว้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version