Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 305

บทที่ 305

เวรแล้ว! รูปสลักนี้มีชีวิต!

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การที่เขาไม่มาถือเป็นเรื่องดี กู้ซีจิ่วหวังว่าเขาจะไม่มาตลอดไป

ส่วนตี้ฝูอีที่ชั่วร้ายผู้นั้น หลังการทดสอบเสร็จสิ้น เขาก็ไม่สนใจกู้ซีจิ่วอีก ไม่โผล่หน้ามาเลย

ภายหลังเธอทราบจากปากองค์ชายหรงเช่อว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหายตัวไปอีกแล้ว เขาไปจากวังคํ้านภา ไม่มีใครทราบว่าไปไหน จักรพรรดิซวนมีธุระจะพบเขาก็ไม่ได้เจอแล้ว…

ยังมีท่านทูตสวรรค์ฝ่ายขวาผู้นั้นอีก เขายังไม่กลับมาเลย เพียงส่งข่าวคราวถึงเด็กรับใช้ในวังของเขา บอกว่าอีกครึ่งเดือนให้หลังจะกลับมา

จักพรรติซวนทราบว่ากู้ซีจิ่วต้องเร่งเวลาในการฝึกฝน ดังนั้นสามวันต่อมาจึงมีราชโองการห้ามมิให้ข้าราชการขุนนางรวมถึงสมาชิกในครอบครัวไปเยี่ยมเยือนจวนแม่ทัพอีก

ในที่สุดชีวิตของกู้ซีจิ่วก็กลับสู่ความสงบชั่วคราว

……………………

ไม่ทันรู้สึกตัวเวลาก็ผ่านพ้นไปหนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งเดือนมานี้กู้ซีจิ่วเอาแต่ฝึกฝนและฝึกฝน พลังวิญญาณก็ชำนาญขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเธอบำรุงตัวเองอย่างถูกวิธี แม้กระทั่งส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เมื่อก่อนเธอสูงไม่ถึง 150 เซนติเมตร ทว่าตอนนี้สูงถึง 155 เซนติเมตรแล้ว ที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นคือในที่สุด ร่างกายเธอก็เริ่มพัฒนา นูนขึ้นมานิดๆ ไม่แบนราบจนขี่ม้าวิ่งทะยานได้อีกต่อไปแล้ว..

ส่วนปานแดงบนใบหน้ายังคงจางลงไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเชื่องช้ามาก แต่ก็เพียงพอทำให้กู้ซีจิ่วเบิกบานใจได้

ตรงหน้าผากนั้นจากที่แดงเกือก ก็กลายเป็นสีชมพูอ่อนราวกับดอกท้อ หาแป้งให้หนาหน่อยก็อำพรางได้แล้ว

นับว่ากู้ซีจิ่วผ่านพ้นหนึ่งเดือนนี้ไปอย่างสบายอกสบายใจ ไม่มีใครมารบกวน อยากก็นก็กิน อยากฝึกก็ฝึก

อย่างเดียวที่ไม่สบายใจคือหยกนภายังไม่ฟื้น!

ดูเหมือนเจ้าสิ่งนี้จะเสพติดการนอนไปเสียแล้ว หากมิใช่ยามกู้ซีจิ่วพูดคุยกับมัน มันจะส่องแสงบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อยืนยันว่าตนยังสบายดี เธอเกือบคิดว่ามันถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงซ็อตจนพังแล้ว!

ถ้าหยกนภาไม่ฟื้นขึ้นมา เธอก็ไม่มีหนทางฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุลมจริงๆ ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้เธอไปค้นหาอีกมากมายหลายที่ แม้กระทั่งจวนของทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเธอก็ไปเดินเล่นมารอบหนึ่งแล้ว จนปัญญาที่ไม่มีตำราธาตุนี้เลย แม้ว่าในใจเธอจะร้อนรน แต่ก็ไม่มีหนทางอื่นใด

คืนนี้ จู่ๆ เธอก็ฝัน

ในฝันเธอเดินทางเข้าไปในภูเขา จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง หลังจากเข้าไปในถ้ำเธอถึงรู้สึกรางๆ ว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างคุ้นตา เมื่อมองอย่างละเอียดถึงนึกออก

นี่คือถ้ำที่เธอเคยมาหลบฝนตอนที่เพิ่งทะลุมิติมา ได้พบ ‘รูปสลักหยก’ ชิ้นนั้นที่นี่ และลอกคราบเสื้อผ้าของผู้อื่น…

เธอนึกไม่ถึงว่าจะได้มาเยือนสถานที่เคยมา สองขาก้าวไปสู่ด้านใน อยากเห็นว่ารูปสลักหยกนั้นยังอยู่หรือไม่

ในที่สุดเธอก็เข้ามาถึงด้านในอีกครั้ง พอเงยหน้าก็มองเห็นรูปสลักหยกชิ้นนั้น!

ยังคงสวมชุดขาวราวกับเมฆหมอกเหมือนเก่า ผมยาวสยายดุจม่านน้ำตก คล้ายจะมีหมอกควันปกคลุมอยู่รอบกาย สิ่งที่แตกต่างคือ บัดนี้ใบหน้าของมันสวมหน้ากากปีศาจอันหนึ่ง หน้ากากนั้นเสมือนสร้างจากน้ำแข็งเย็นเฉียบ ราวกับมีไอเย็นแผ่ออกมาจางๆ นั่งอยู่ตรงนั้นราวกับพระพุทธเจ้า

ในความฝันกู้ซีจิ่วยังมีความทรงจำอยู่ ยามนี้เมื่อได้เห็นรูปสลักหยก ในใจก็พลันเบิกบาน ที่แท้มันยังอยู่ที่นี่!

เธอเคลื่อนกายแวบเดียวก็มาถึงเบื้องหน้ารูปสลักหยกนั้น เริ่มมองหน้ากากก่อน มันทำจากวัสดุที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน คล้ายมีแสงเรืองรองรางๆ

ในถ้ำมีแค่ตัวเธอ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่กังวลอะไร ยกมือขึ้นหมายจะหยิบหน้ากากนี้ลงมาดู

ทว่านิ้วมือยังไม่ทันแตะถูกขอบหน้ากาก ก็รู้สึกว่าไอเย็นรอบๆ กดดันขึ้นมาโดยพลัน แรงกดอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างรูปสลักหยก กดดันจนหัวใจเธอเต้นถี่รัวอย่างบ้าคลั่ง เธอช้อนตามองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสบตากับรูปสลักหยกที่เพิ่งลืมตาขึ้น!

กู้ซีจิ่วตกตะลึง!

เวรแล้ว! รูปสลักนี้มีชีวิต!

ไม่สิ เขาไม่ใช่รูปสลักหยก เขาคือมนุษย์ที่มีชีวิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version