บทที่ 306
ถูกเจ้าทำให้เข้าใจผิดอย่างไร?
เธอพลันถอยหลังไปหลายก้าว เรียกขวัญคืนมา “เจ้า…ท่านคือเทพศักดิ์สิทธิ์หรือ?!”
เมื่อถึงยามนี้ เธอก็งพบว่าแม้เรือนผมของคนผู้นี้จะสีเงินยวงแบบเดียวกับรูปสลักหยก แต่กลับเป็นของจริง
เพียงแต่เมื่อครู่เธอเชื่อในสิ่งที่เคยเห็นมาก่อนมากเกินไป คิดว่าเขาเป็นรูปสลักหยกชิ้นนั้น…
ดวงตาของคนผู้นั้นเป็นสีฟ้าเรืองรอง ดุจท้องทะเลยามราตรี มีประกายแสงล่องลอยอยู่ด้านใน ยามที่มองให้ความรู้สึกกดดันนัก ทำให้อยากคุกเข่ากราบไหว้เขา
คนผู้นี้ดุจเทพเจ้าที่นั่งอยู่บนเมฆา ต่อให้ไม่เอื้อนเอ่ยวาจา เพียงมองเช่นนี้ก็ทำให้คนเข่าอ่อนได้
หากเป็นผู้อื่นถูกแรงกดดันจากร่างเขากดดัน คงจะทรุดลงไปคุกเข่าโขกศีรษะแล้ว
แต่ชั่วชีวิตนี้กู้ซีจิ่วไม่เคยกราบไหว้ผู้ใด หากมิใช่เพราะทะลุมิติมา แม้แต่เรื่องผีสางเทวดาเธอก็ไม่เชื่อ ยามนี้ถึงแม้หัวใจจะเต้นกระหน่ำอย่างยิ่ง ถึงขั้นมีหยาดเหงื่อผุดซึมบนหน้าผาก เธอก็ไม่มีความคิดที่จะคุกเข่าลง เพียงถอยหลังไปอีกหลายก้าวตามสัญชาตญาณ
คนผู้นั้นมองเธออยู่ตลอด มองไม่เห็นอารมณ์ใดในดวงตา
หัวใจกู้ซีจิ่วพลันเต้นกระหน่ำอีกหน เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธออยู่ใกล้กับคนผู้นี้ยิ่ง ระยะห่างเพียงสามสี่เมตรเท่านั้น แต่เธอเบิกตาจนกว้างก็มองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเจน ถึงขั้นแม้แต่ลวดลายหน้ากากบนหน้าเขาก็เห็นไม่ชัด ราวกับรอบกายเขามีวัตถุพรางกายอยู่
“ข้าหลงทางเข้ามาที่นี่ ขออภัยด้วย” ถึงอย่างไรก็บุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของผู้อื่น กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าควรต้องขออภัย
“ข้าเรียกเจ้ามา” ในที่สุดคนผู้นั้นก็เปิดปากเอ่ย น้ำเสียงลื่นไหลดุจธารน้ำแข็งในสระหยก ไพเราะดึงดูดอย่างยิ่ง
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่ออย่างที่พบเห็นได้ยากยิ่ง “หา?”
คนผู้นั้นหลุบตามองเธอ “ประหลาดใจมากหรือ?”
“ประหลาดใจนิดหน่อย” กู้ซีจิ่วพยักหน้ารับซื่อๆ
“ในเมื่ออ้างตนว่าเป็นศิษย์ข้า เหตุใดเห็นข้าแล้วไม่คารวะ?” น้ำเสียงคนผู้นั้นเย็นชายิ่ง
กู้ซีจิ่วชะงักงัน “ขออภัย ข้ามิได้อ้างตนว่าเป็นศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้อื่นตัดสินเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบ…”
“ผู้ใดตัดสิน?” น้ำเสียงคนผู้นั้นยะเยือกเล็กน้อย ไอรอบกายเยียบเย็นราวเหมันต์
เงาร่างตี้ฝูอีแวบเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว เธอหลุบตาลงเล็กน้อย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น คงถูกข้าทำให้เข้าใจผิดเอง ถ้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องการกล่าวโทษ เช่นนั้นก็กล่าวโทษข้าเถิด”
“ถูกเจ้าทำให้เข้าใจผิดอย่างไร?” คนผู้นั้นไม่ยินดียินร้าย
หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ทว่าสีหน้ากลับสงบนิ่งยิ่งนัก “ข้าดูดซับอสรพิษสายฟ้าทั้งหมด เรืองแสงเจ็ดสี กล่าวกันว่าจุดนี้คล้ายคลึงกับวรยุทธ์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาก”
“ได้ยินว่าเจ้าฝันว่าข้าถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เจ้า? จริงรึ?” นิ้วมือเขาเคาะฐานดอกบัวข้างกายเบาๆ นํ้าเสียงเฉื่อยชายิ่ง “ข้าต้องการฟังความจริง”
ความคิดสารพัดวนเวียนอยู่ในใจกู้ซีจิ่ว ทราบแจ่มแจ้งว่าทุกเหตุการณ์บนแท่นเบิกสวรรค์ล้วนล่วงรู้ถึงหูเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้แล้ว คนผู้นี้สามารถกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของทวีปนี้ได้ ไม่สิ เป็นเทพอันดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามิใช่ผู้ที่จะตบตาได้ คนเช่นนี้สามารถปลิดชีพเธอได้ทุกเมื่อ!
กู้ซีจิ่วหลุบสายตา เธอตอบอย่างซื่อตรงยิ่ง “ความฝันสับสนเลอะเลือน ข้าจำได้รางๆ ว่ามีคนถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ แต่จำไม่ได้ว่าใช่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
“แต่ยามนั้นเจ้ากล่าวถึงอาภรณ์ข้าไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด! เจ้าเคยพบข้าหรือ?”
กู้ซีจิ่วเริ่มปวดหิวนิดๆ แล้ว คำถามของคนผู้นี้ยิ่งถามยิ่งเฉียบคม เธอเม้มริมฝีปาก แล้วพูดความจริงที่จริงครึ่งเท็จครึ่ง “เคยพบ ในฝันข้าเคยมาที่ถ้ำแห่งนี้ พบรูปสลักหยกชิ้นหนึ่งที่กลางถ้ำ หยกสลักนั้นคงเป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นข้าไม่ทราบ ค่อยมาทราบอีกทีในภายหลัง”
“รูปสลักหยก? เจ้าแน่ใจหรือว่านั่นคือรูปสลักหยก?” คนผู้นั้นดูเหมือนจะสนใจ