บทที่ 176
เหมือนไม่ใช่คนเดียวกันเลย!
จะว่าไปแล้วก็แปลก หลังกู้ซีจิ่วออกจากถ้ำในภูเขาแห่งนั้นมา ถึงแม้จะประทับใจเรื่องรูปสลักหยกนั้นอย่างยิ่ง แต่ใบหน้ารูปสลักหยกกลับเลือนรางขึ้นทุกที จนสุดท้ายก็นึกไม่ออก ราวกับมีชั้นหมอกเกิดขึ้นในหัว ปกคลุมใบหน้าทั้งหมดของรูปสลักหยกนั้นเอาไว้ ทำให้เธออยากเห็นก็เห็นได้ไม่ชัดเจน
จำได้แค่รางๆ ว่ารูปสลักหยกงดงามยิ่งนัก งามจนไม่คล้ายเป็นมนุษย์ในโลกา ทำให้เธออยากเรียกขานอีกฝ่ายว่าท่านเทพบุตร
หลังเธอข้ามมิติมาก็เกิดเรื่องไม่หยุดหย่อน จึงไม่ได้ใส่ใจว่าลักษณะของรูปสลักหยกในความทรงจำรางเลือนไปแล้ว
ยามนี้พอได้เห็นภาพนี้ที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเพิ่งวาดออกมา ใบหน้าของรูปสลักหยกที่แต่เดิมพร่าเลือนยิ่งพลันแจ่มชัดขึ้นอีกทันที!
เธอมองแวบเดียวก็นึกออก!
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้มีพรสวรรค์ในการวาดภาพเหลือเกิน วาดได้สมจริงนัก ราวกับเขาตวัดพู่กันลงไปบนภาพอีกไม่กี่ที คนที่อยู่ในภาพนั้นจะสามารถเดินออกมาจากภาพได้
กู้ซีจิ่วมองภาพเหมือนนั้น แล้วมองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้วาดภาพต่อ เธอสงบเยือกเย็นอยู่เสมอ ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมา ทว่า บัดนี้หัวใจกลับเต้นกระหน่ำดังตุบๆ!
รูปโฉมของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้กับรูปโฉมของรูปสลักหยกชิ้นนั้น…คล้ายคลึงกันจนน่าตกใจ!
เพียงแค่ผู้หนึ่งสวมชุดม่วง ผู้หนึ่งสวมชุดขาว บุคลิกก็แตกต่างกันนัก
ความงามของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเผยเสน่ห์อันแสนเกียจคร้าน คล้ายจะแฝงกลิ่นอายมืดมนสลัวๆ ไว้
แต่รูปสลักหยกชุดขาวดุจเมฆาลอยล่องบนท้องฟ้า กระดูกน้ำแข็งวิญญาณหยก[1]ดั่งเทพเซียนผู้สูงส่งที่ไม่แปดเปื้อนโลกีย์แม้แต่น้อย ชวนให้รู้สึกว่าหากมองมากไปจะเหมือนเป็นการดูหมิ่น
ด้วยเหตุนี้บุคลิกของทั้งสองจึงต่างกันมาก ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่เคยนำสองคนนี้มาเปรียบเทียบกันเลย
ยามนี้ทันทีที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่บนกระดานวาดภาพของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ทันใดนั้นเธอถึงได้พบว่าทีแท้ทั้งสองเหมือนกันถึงเพียงนี้!
สุดท้ายแล้วทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เกี่ยวข้องอะไรกับรูปสลักหยก?
หรือเขาจะแกะสลักรูปปั้นหยกออกมาตามรูปลักษณ์ตัวเขาเอง?
แต่บุคลิกแตกต่างกันมากเกินไปหรือเปล่า?!
เหมือนไม่ใช่คนเดียวกันเลย!
บางทีต้นแบบของรูปสลักหยกนี้อาจจะเป็นพี่น้องฝาแฝดของเขา?
เขาเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เช่นนั้นพี่น้องฝาแฝดของเขาเป็นใครล่ะ?
ด้วยรูปโฉมโนมพรรณแบบนี้ ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนก็ล้วนเป็นตัวตนที่เจิดจรัสมิใช่หรือ? เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ชื่อไร้นาม…
กู้ซีจิ่วหวนนึกถึงโครงสร้างของถ้ำแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เหมือนก่อสร้างขึ้นมาภายหลัง
เรื่องภาระหน้าที่ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ลึกลับอย่างยิ่ง ไม่ว่าเขาจะเสแสร้งหลอกลวงก็ดี หรือว่ามีฝีมือเลิศลํ้าจริงๆ ก็ช่าง ด้วยฐานะเช่นนี้ของเขาจะทำอะไรลึกลับไปบ้างก็ไม่ทำให้ใครประหลาดใจ
บางทีรูปสลักหยกนั้นอาจเป็นค่ายกลอะไรสักอย่างที่เขาสร้างขึ้น รูปสลักหยกเหมือนจะเป็นตัวขับเคลื่อนค่ายกล…
คงเหมือนค่ายกลโบราณอะไรพวกนั้นที่เธอเคยได้ยินในยุคปัจจุบัน เหมือนมีการฝังหุ่นหินหุ่นเหล็กหลายชนิดไว้ในสถานที่พิเศษ เพื่อป้องกันภัยพิบัติ
เพียงแต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของที่นี่ค่อนข้างมือเติบนัก ถึงกับฝังรูปสลักหยกลงไป…
หากเขาใช้รูปสลักหยกเป็นตัวขัมเคลื่อนค่ายกล คาดว่าคงไม่ใช่รูปสลักตัวเขาเองหรอก หาไม่แล้วคงซวยมากกว่าเดิม!
ดังนั้นรูปสลักหยกนั้นก็คือพี่น้องฝาแฝดของเขาสินะ? ไม่อย่างนั้นจะเป็นใครได้ล่ะ?
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ทว่าในใจกลับคาดคะเนไปแล้วนับไม่ถ้วน
“รู้จักเขาไหม?” ตี้ฝูอีเปิดปากเอ่ย ปลายนิ้วแตะภาพเบาๆ
น้ำเสียงเขาคล้ายไม่อีนังขังขอบ กู้ซีจิ่วใช้คำตอบที่ปลอดภัยที่สุด “ไม่รู้จักเจ้าค่ะ”
ตี้ฝูอีเท้าคาง แย้มยิ้มทรงเสน่ห์นิดๆ “ไม่รู้จักจริงหรือ? ไม่เคยเห็นเลยหรือ?”
ไม่รู้จักจริงๆ แต่เคยเห็นแล้วแน่นอน
ไม่เพียงแต่เคยเห็น เธอยังเคยลูบคลำ เคยถอดเสื้อผ้ามาแล้ว…
…………………..
[1] กระดูกนํ้าแข็ง วิญญาณหยก อุปมาถึง สูงส่งและบริสุทธิ์