บทที่ 313
เห็นทีว่าติดตามเจ้านายคนนี้จะไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิด
แน่นอน ไม่มากไม่ได้แปลว่าไม่มี มีคนบางส่วนที่มีวรยุทธ์สูงส่ง ทว่าชอบใช้ชีวิตแบบอิสระเสรี ไม่อยากถูกผูกมัด ไม่อยากรับใช้ราชวงศ์ พวกเขาจึงทำอาชีพนักล่ารางวัลเพื่อเลี้ยงชีพ
ลักษณะค่อนข้างคล้ายทหารรับจ้างในยุคปัจจุบัน ขอเพียงจ่ายเงินให้พวกเขามากพอ ก็สามารถจ้างให้ทำงานได้
วรยุทธ์ของนักล่ารางวัลแตกต่างกัน ค่าจ้างก็ย่อมแตกต่างกัน
นักล่ารางวัลพลังวิญญาณขั้นสี่ขึ้นไปมีน้อยยิ่งนัก หายากกว่าหมีแพนด้า และมีค่ากว่าหมีแพนด้าด้วย
หากกู้ซีจิ่วว่าจ้างยอดฝีมือเช่นนี้สี่คนมาร่วมเดินทางเที่ยวนี้ จะต้องจ่ายอย่างน้อย 2 ล้านตำลึง!
ช่วงนี้กู้ซีจิ่วมีรายรับไม่มาก จับจ่ายซื้อของไปไม่น้อย 2 ล้านตำลึงสำหรับเธอแล้วเป็นเงินจำนวนมหาศาล เธอรวบรวมไม่ได้ในช่วงสั้นๆ ดังนั้นหลังจากได้ยินราคาจากชุมนุมล่ารางวัลแห่งนั้น ก็ถอยออกมาทันที แล้วมาด้วยตัวเอง
เธอมีแผนการของเธอ มีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา เมื่อเก็บเกี่ยวอสูรเหมันต์ได้จะใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปจากทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ทันที ค้นหาสถานที่ปลอดภัยสักที่แล้วค่อยหลอมยา เช่นนี้จะเสียเวลาไปมากที่สุดหนึ่งชั่วยาม และสรรพคุณของยาก็ไม่ลดน้อยลง อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูง
ทุ่งนํ้าแข็งแห่งนี้มีสัตว์รายมากเป็นพิเศษ
ตลอดทางที่เธอมา พบจระเข้น้ำแข็งไปแล้วห้าหกตัว งูเหลือมหิมะอีกสามสี่ตัว ถึงขั้นปะทะเข้ากับหมาป่าหิมะฝูงหนึ่ง…
หลักการที่กู้ซีจิ่วยึดถือคือ ถ้าเจอเดี่ยวๆ หรือสองสามตัวจะดวลกันตรงๆ เลย ถ้าเจอเป็นกลุ่มเป็นฝูงเธอจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันทีไม่ยุแหย่หาเรื่อง…
เพียงแต่การใช้วิชาเคลื่อนย้ายในทุ่งนํ้าแข็งแห่งนี้ก็อันตรายยิ่งนัก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของที่นี่ซับซ้อนเป็นพิเศษ ทุกหนแห่งมีธารน้ำแข็งซ่อนอยู่ใต้พื้น ยามที่เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายครั้งแรกเกือบจะตกลงไปกลางธารนํ้าแข็งแล้ว!
ร่างกายของเธอเดิมทีก็ขี้หนาวอยู่แล้ว ห่อหุ้มตัวด้วยชุดนวมมากเพียงพอแล้วก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ ไม่ว่าจะโคจรพลังอย่างไรมือเท้ายังหนาวเย็นอยู่ตลอด ทำให้เธอคิดถึงเสื้อขนเป็ดสั่งทำพิเศษของตนในยุคปัจจุบันยิ่งนัก
ในสภาพอากาศเช่นนี้ หากตกลงไปในธารนํ้าแข็งอาจหนาวตายได้!
ดังนั้นช่วงหลังกู้ซีจิ่วจึงพยามยามไม่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา ควรสู้ก็สู้ ไม่ควรสู้ก็หนี…
“โฮก…” หมีขาวยักษ์ตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหน แกว่งอุ้งเท้าที่มีกรงเล็บขนาดใหญ่โผเข้าหากู้ซีจิ่ว!
ร่างกายกู้ซีจิ่วไหววูบ กระบี่ล้ำค่าในมือส่องประกายแวววาวอยู่ท่ามกลางนํ้าแข็งและหิมะ กวัดแกว่งจนเกิดรัศมี…
ผ่านไป่ครู่หนึ่ง หมีขาวยักษ์ล้มอยู่บนทุ่งน้ำแข็ง บนกะโหลกหนามีรูใหญ่เพิ่มมารูหนึ่ง
‘เจ้านาย ท่านเท่มาก!’ หยกนภาฮึกเหิมเร่าร้อน
หมีขาวยักษ์ตัวนี้ไม่ใช่หมีขาวธรรมดา ขนบนร่างลื่นกว่าน้ำมัน อีกทั้งทนทานยิ่ง ต่อให้เป็นกระบี่ลํ้าค่าหรือมีดลํ้าค่า เมื่อฟันถูกร่างมัน ก็ลื่นกระเด็นออกหมด ทำร้ายมันไม่ได้เลยสักนิด
แกมเจ้าหมีตัวนี้ก็ดุร้ายมาก นักรบพลังวิญญาณขั้นสี่สองสามคนยังเข้าใกล้ร่างมันไม่ได้เลย เมื่อพบมันจะปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่ง จะไม่ต่อสู้กับมันถ้าไม่จำเป็น
แต่กู้ซีจิ่วก็แทงเข้าที่จุดอ่อนของหมีขาวยักษ์ตัวนี้ตรงๆ ระหว่างที่หลบซ้ายป่ายขวา ถึงทำให้มันสิ้นชีพได้
เมื่อครู่ยามกู้ซีจิ่วประมือกับหมีขาวยักษ์ หยกนภามองเห็นแจ่มแจ้งชัดเจน เจ้านายของมันแตกต่างจากคนก่อนๆ มาก!
เห็นทีว่าติดตามเจ้านายคนนี้จะไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิด…
หยกนภาอดจะปิติยินดีอยู่ในใจไม่ได้
ล้วนกล่าวกันว่าอัจฉริยะชอบให้ชมเชย ดังนั้นหยกนภาจึงยกยอปอปั้นนางอย่างไม่ประหยัดคำ
เพิ่งจะกล่าวยกย่องจบ มันก็ต้องกลัดกลุ้มอีกครั้ง ‘เจ้านาย นี่ท่านทำอะไร?’
กู้ซีจิ่วสาละวนกับงานได้ทะมัดทะแมงยิ่ง ‘ถลกหนัง ขนหมีตัวนี้ไม่เลว ต้านทานความหนาวได้เยี่ยม เหมาะสมให้ข้าใช้’
หยกนภานิ่งงัน
มันมองร่างกู้ซีจิ่วที่กลมป้อมเล็กน้อยอย่างเห็นได้ข้ชัเนื่องจากสวมชุดบุนวมแน่นหนา แล้วมองขนหมีขาวยักษ์ที่ถูกถลกออกมา ออกความเห็นกับเธอว่า ‘เจ้านาย ข้ารู้ลึกว่าที่ท่านสวมอยู่ก็อวบพองพอแล้ว ถ้าคลุมหนังหมีเข้าไปอีกชั้น ท่านจะกลมดิกเลย! ไม่น่ามอง’