บทที่ 329
ข่าวด่วนข่าวร้อน
ซานซิงส่ายหน้านิดๆ “ผู้ที่อยู่อาfนาจักรเฮ่าเยวี่ยนี้ต่างจากคนอื่น นางอาจเป็นศิษย์สวรรค์เบื้องบนตัวจริง!”
ทุกคนพากันเบิกตากว้าง ฟังเขาเล่าอย่างละเอียด
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าที่อาณาจักรเฮ่าเยวี่ยมีนิกายหนึ่งนามว่านิกายเมฆาเหิน”
“รู้สิ นิกายใหญ่แห่งอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยไงเล่า ได้ยินว่าภายในนิกายล้วนเป็นยอดฝีมือจอมคาถา เจ้านิกายของพวกเขาแซ่อวิ๋น และเป็นยอดนักบวชของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ย ได้ยินมาว่าเจ้านิกายผู้นี้ไม่เพียงลํ้าเลิศด้านวิชาอาคมเท่านั้น ยังเป็นวิชาทุ่นเชิดด้วย มหัศจรรย์ยิ่งนัก สามารถสังหารคนโดยไม่รู้ตัว มีพลังเรียกลมเรียกฝนได้..เอ๊ะ ศิษย์สวรรค์เบื้องบนผู้นั้นเกี่ยวของอะไรกับนิกายเมฆาเหินนี้?”
ซานซิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นศิษย์สวรรค์ของเบื้องบนคนนั้นก็คืออวิ๋นชิงหลัวบุตรสาวคนเดียวของเจ้านิกายอวิ๋น นางก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยเหมือนกัน ฐานะ เดิมสูงส่งกว่าคุณหนูหกตระกูลกู้ของอาณาจักรเรามากนัก”
ทุกคนตะลึงงัน
ทุกคนต่างรู้จักอวิ๋นชิงหลัวผู้นี้ ยามถือกำเนิดร่ำลือกันว่ามีนกสาลิกา 28 ตัวบินร่อนอยู่ท้องฟ้าเหนือท้องคลอด ไอมงคลล่องลอย เป็นผู้มีบุญมาเกิด เกิดมาก็สามารถพูดจาได้เลย
หนึ่งขวบรู้หนังสือ สองขวบท่องกลอนได้ ถูกขนานนามว่าทารกอัจฉริยะ ตอนอายุสามขวบตรวจพบว่ามีรากฐานวิญญาณธาตุสายฟ้าขั้นกลาง จักรพรรดิอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยมีรับสั่งให้แต่งตั้งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์พิทักษ์แผ่นดิน สร้างวังสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้นางโดยเฉพาะ
นางกลายเป็นจอมคาถาที่เลื่องชื่อยิ่งนักตอนอายุ 15 ปี ยันต์ของนางหนึ่งแผ่นมีค่าหมื่นตำลึง ปัจจุบันอายุ 18 ปีแล้ว วิชาอาคมลํ้าเลึศยิ่งกว่าเก่า ร่ำลือกันว่าถึงขั้นที่เสกถั่วให้กลายเป็นกองทัพได้แล้ว ยันต์หนึ่งแผ่นสามารถเรียกอัสนีสวรรค์ได้ 9 วัน อานุภาพยิ่งใหญ่มหัศจรรย์
สตรีผู้นี้นิสัยเงียบขรึม ยามปกติมักศึกษาวิชาอาคมอยู่ในวังสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่คบค้าสมาคมกับผู้อื่น นานๆ ทีถึงจะออกมาข้างนอก โดยสวมผ้าแพรคลุมหน้าไว้
อย่างไรก็ตาม คนส่วนน้อยที่เคยพบเห็นนางต่างกล่าวว่าอวิ๋นซิงหลัวผู้นี้งดงามยิ่งนัก งามกว่ากู่ซีซีสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ผู้นั้นหลายเท่า
เพียงแต่ปกติแล้วสตรีผู้นี้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นน้อยมาก ด้วยเหตุนี้ความงามถึงไม่เป็นที่เลื่องลือ
ตามที่ลือกัน ถึงแม้นางเพิ่งอายุ 18 แต่วิชาอาคมลํ้าหน้าผู้เป็นบิดาไปแล้ว ประชาชนเล่าลือกันมานานว่านางอาจจะเป็นศิษย์สวรรค์เบื้องบน เพียงแต่ตัวนางเองไม่เคยพูด ดังนั้นจึงไม่มีใครตรวจสอบนาง
นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเป็นที่สนใจในยามนี้
จากทีซานซิงเล่า อวิ๋นซิงหลัวผู้นี้เริ่มอ้างตนว่าเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนเมื่อครึ่งเดือนก่อน ยามนั้นทั่วทั้งอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยฮือฮากันอยู่พักหนึ่ง แต่ก็เป็นไปตามความคาดหมายของทุกคน
ถึงแม้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีจะเป็นทูตสวรรค์ของอาณาจักรเฟยซิง แต่ก็เป็นผู้ตรวจสอบสานุศิษย์สวรรค์ของทวีปนี้ ดังนั้นเซียนเยวี่ยหรานราชครูของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยจึงส่งจดหมายหาตี้ฝูอีภายในคืนนั้น เพื่อเชิญเขามาตรวจสอบอวิ๋นซิงหลัวที่อาณาจักรเฮ่าเยวี่ย…
เมื่อซานซิงเล่าตามที่เขาเข้าใจ ทุกคนก็พากันพยักหน้า
มีคนถามขึ้นว่า “เช่นนั้นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องพาอวิ๋นซิงหลัวกลับไปทดสอบที่แท่นเบิกสวรรค์หรือไม่?”
ซานซิงพยักหน้า “น่าจะใช่ ถึงอย่างไรทั่วทั้งทวีปนี้ก็มีแท่นเบิกสวรรค์แค่แท่นเดียวเท่านั้น”
“ข้าได้ยินมาว่าการตรวจสอบสานุศิษย์สวรรค์เบื้องบนของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมิได้ใช้แค่แท่นเบิกสวรรค์วีทีเดียวนะ คนส่วนใหญ่มิใช่ว่าถูกท่านทูตจับได้ทันทีว่าเป็นตัวปลอม แล้วโยนเข้าป่าทมิฬไปเลยหรอกหรือ?”
บางคนพยักหน้า “นี่ก็ใช่ ทูตสวรรค์’ฝ่ายซ้ายมองคนได้แม่นยำนัก หลายปีมานี้ผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนมีอยู่มากมาย ส่วนใหญ่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมองแวบเดียวก็ตรวจสอบได้แล้ว ไม่ต้องรอขึ้นแท่นเบิกสวรรค์หรอก ผู้’ที่เคยขึ้นแท่นเบิกสวรรค์ความจริงแล้วไม่เกินสิบคนด้วยซ้ำ…ได้ยินว่ามีแค่ยามที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่แน่ใจเท่านั้นถึงจะเปิดใช้แท่นเบิกสวรรค์นี้”
“เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วคุณหนูกู้ซีจิ่วของอาณาจักรเรายังนับว่าไม่เลว สามากทำให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่แน่ใจได้!”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ถึงแม้คุณหนูกู้จะไม่ใช่ศิษย์สวรรค์เบื้องบน แต่ก็เป็นศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ความจริงก็ไม่แตกต่างกับสานุศิษย์สวรรค์เบื้องบนมากนัก”