Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 39

บทที่ 39

ผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง

สำนักถามสวรรค์เป็นหนึ่งในสามสำนักหลักของทวีปนี้ วิชาหลักของศิษย์ทั้งสำนักคือการแพทย์และหลอมกลั่นโอสถ แม้ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาอาจจะไม่เก่งกาจนัก ทว่าด้านการแพทย์กลับลํ้าเลิศไม่เป็นสองรองใคร เม็ดยาที่หลอมออกมานับเป็นสิ่งลํ้าค่าที่เหล่าผู้ฝึกตนต่าง เฝ้าใฝ่ฝันหา

ยิ่งกว่านั้นคือประมุขของสำนักถามสวรรค์ ผู้มีฉายาว่า เซียนแพทย์ รํ่าลือกันว่าไม่ว่าผู้ป่วยจะอาการหนักหนาสาหัสเพียงไหนขอเพียงถึงมือเขาไม่มีคนที่รักษาไม่หาย ลือกันกระทั้งว่าฝีมือของเขามหัศจรรย์นัก มีผู้ป่วยที่โดนผ่าท้องเปลี่ยนหัวใจเจาะศีรษะเปิดกะโหลก ทว่าผู้ป่วยกลับไม่ตาย

ส่วนสตรีศักดิ์,สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ผู้นี้นับเป็นศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดของเขา ทั้งยังเป็นศิษย์หญิงเพียงคนเดียวอีกด้วย ได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์อย่างยิ่ง ถึงแม้ทักษะการแพทย์จะยังเทียบกับอาจารย์ของนางไม่ได้ แต่ก็นับว่ายอดเยี่ยมนัก ทั้งยังเคยรักษาโรคต่างๆ ที่เกินจะเยียวยาจนหายดีได้จึงมีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปนี้ เพราะนางมีรูปโฉมงดงามเหนือมนุษย์ด้วยเหตุนี้ จึงถูกขนานนามว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์

ปลายนิ้วของกู้ซีจิ่วเคาะราวกั้นเบาๆ พลางมองที่ด้านล่าง เธออยากเห็นนักว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ำลือกันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ก็ไม่ทำให้ผู้คนต้องผิดหวังจริงๆ เป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นหญิงงามที่แสนจะเยือกเย็นด้วย นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนโปร่งบางพลิ้วไสว ท่วงท่าเยื้องกรายดุจเทพธิดาดอกกล้วยไม้ ทุกอากัปกิริยาล้วนสง่างามบริสุทธิ์สูงส่ง ประดุจหลุดพ้นจากโลกีย์

หลังจากที่กู้ซีจิ่วได้เห็นรูปลักษณ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นชัดๆ หัวใจก็พลันกระตุกวูบ!

ไม่นึกเลยว่ารูปโฉมของหญิงสาวคนนี้จะคล้ายคลึงกับหน้าตาของกู้ซีจิ่วในชาติก่อนถึงเจ็ดส่วน!

ยังมีชายหนุ่มทรงพลังยิ่งผู้หนึ่งติดตามอยู่ข้างกายนางด้วย อายุราวๆ 20 ปี ร่างกายสูงใหญ่ มีรูปลักษณ์หล่อเหลาดูเย่อหยิ่งชั่วร้าย สวมเสื้อคลุมสีม่วงปักลวดลายมังกรสี่เล็บ เมื่อยืนข้างกายสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์แล้วดูประดุจเมฆาม่วงโอบล้อมพิทักษ์บุปผา

สายตาของกู้ซีจิ่วจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมลายมังกรสี่เล็บคนนั้น หรือนี่ก็เป็นองค์ชายอีกคน?

แต่ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วขององค์ชายหรงเหยียนก็ช่วยยืนยันแล้วว่าการคาดเดาของเธอถูกต้อง สายตาขององค์ชายหรงเหยียนเปล่งประกาย ร่างกายสั่นไหว โผนทะยานลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว “เสด็จพี่สี่!”

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายคือใคร องค์ชายสี่หรงฉู่

จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเฟยซิงมีพระโอรสจำนวนมาก แต่องค์ชายสี่หรงฉู่ผูนี้คือผู้ที่มีหวังมากที่สุดว่าจะเป็นคู่แข่งกับองค์รัชทายาทได้

พระมารดาของเขาคือโจวกุ้ยเฟยผู้ได้ร้บความโปรดปรานที่สุดในยามนี้ ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังก็เข้มแข็งและทรงอิทธิพลยิ่งนัก ท่านตาของเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้ บัญชาการทหารสูงสุดของอาณาจักรเฟยซิง ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะปลดเกษียณไปแล้วเพราะความชรา ทว่าอำนาจของตระกูลยังคงอยู่เช่นเดิมจึงไม่อาจดูแคลนได้ ทั้งยังมีลูกน้องที่จงรักภักดีอยู่มากมาย และลูกน้องเหล่านี้ล้วนอยู่ในตำแหน่งสำคัญทางการทหารและการเมือง สามารถกล่าวได้ว่าอำนาจครึ่งหนึ่งของอาณาจักรเฟยซิงอยู่ในกำมือตระกูลโจว ขนาดจักรพรรดิเองก็ยังต้องให้ ความสำคัญกับตระกูลโจวเป็นพิเศษถือเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งยิ่ง

ขุนนางในราชสำนักเกินกว่าครึ่งคิดกระทำการใดก็ต้องสังเกตสีหน้าตระกูลโจวเสียก่อน

ด้วยความสัมพันธ์เหล่านี้ องค์ชายสี่หรงฉู่ที่กำเนิดจากโจวกุ้ยเฟยจึงมีอำนาจมากกว่าโอรสของฮองเฮา

ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวองค์ชายหรงฉู่ผู้นี้เองก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เขาอายุน้อยกว่ารัชทายาทหรงเจียหลัวเพียงปีเดียว แถมเป็นอัจฉริยะด้านพลังวิญญาณ ด้วยเคย ติดตามท่านตาไปออกรบ จึงชำนาญการรบทัพจับศึกอย่างยิ่ง กล่าวกันว่าผู้นำในเขตชายแดนเหล่านั้นต่างก็นับถือเขาอย่างมาก กู้เซี่ยเทียนบิดาของกู้ซีจิ่วเองก็เป็นฝ่ายเดียวกับองค์ชายสี่ ให้ความสำคัญกับองค์ชายสี่ยิ่งนัก

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเป็นโอรสของฮองเฮาที่สิ้นพระชนม์ไปก่อนวัยอันควร ตระกูลฝั่งมารดาไม่ได้มีอำนาจมากนัก หากไม่ใช่เพราะเขาเฉลียวฉลาดตั้งแต่ เล็กทั้งยังเป็นยอดอัจฉริยะพลังวิญญาณที่โด่งดัง เกรงว่าตำแหน่งรัชทายาทของเขาคงจะถูกองค์ชายสี่ผู้นี้แย่งชิงไปนานแล้ว

แต่ถึงกระนั้น ตำแหน่งรัชทายาทของหรงเจียหลัวก็ยังคงอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง และไม่ได้รับความสำคัญจากข้าราชบริพาร

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับองค์รัชทายาทมีอยู่ไม่มาก บรรดาองค์ชายส่วนใหญ่ต่างประจบเอาใจองค์ชายสี่ กับองค์รัชทายาทนั้นเพียงเคารพตามศักดิ์ฐานะแต่ไม่มาข้องเกี่ยวด้วย

ดังนั้นต่อให้เป็นหรงเหยียนช่วงก่อนจะได้รับความโปรดปรานก็ไม่ได้รู้สึกเคารพองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวอย่างแท้จริง เคารพเพียงยามที่อยู่ต่อหน้าเท่านั้น

หลังจากที่เขาได้รับความโปรดปรานแล้วองค์ชายสี่เลยหยิบยื่นมิตรภาพแก่เขาเล็กน้อย เขาจึงโผเข้าไปร่วมกลุ่มกับองค์ชายสี่

เขาเพิ่งจะถูกองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวทำให้ขายหน้า ยามนี้พอได้เห็นองค์ชายหรงฉู่มาถึง จึงรีบพุ่งออกมาอย่างลิงโลด หลังจากนั้นสักพักก็นำทางองค์ชายหรงฉู่ และสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าองค์ชายหรงฉู่ได้ฟังองค์ชายหรงเหยียนเล่าแล้วว่ารัชทายาทอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขายังไม่ทันเข้าห้อง รับรองของรัชทายาทก็พลันหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยทักทาย “เสด็จพี่รัชทายาทอยู่ที่นี่หรือไม่? ผู้น้องมาทำความเคารพ…”

แล้วสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านใน

เสียงหัวเราะที่กังวานก้องไปทั่วพลันหยุดลง หลังจากนั้นสักครู่เขาก็ถอยหลังกลับมา สีหน้านอบน้อมทั้งยังมีสีหน้าเคารพนับถืออีกด้วย

องค์ชายหรงเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “เสด็จพี่สี่? ด้านในยังมี…”

องค์ชายหรงฉู่ไม่รอให้เขาเอ่ยจบก็พลันโบกมือไปมา ส่งสัญญาณให้เขาหุบปากเสีย สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์ผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “องค์ชายสี่? ด้านใน คือ…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version