บทที่ 395
เด็กน้อย ที่แท้เจ้าก็ชอบแบบนี้ 2
ดรุณีชุดเขียวอีกนางกล่าวว่า “คุณหนูเข้าป่าทมิฬหนนี้ มีคนจ้องจะเล่นงานอย่างลับๆ ไม่น้อย ครานี้กวาดล้างอย่างหมดจดเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคุณหนู…ยามนี้ใครหน้าไหนก็เข้าไปไม่ได้แล้ว พวกเราเข้าไปไม่ได้ คนที่คิดร้ายต่อคุณหนูเหล่านั้นย่อมเข้าไปไม่ได้เช่นกัน”
สตรีชุดแดงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ยามเงยหน้าขึ้นอีกครั้งดวงตาวาวโรจน์ “ก็ดี! เช่นนั้นพวกเราเฝ้าระวังอยู่ด้านนอกชั่วคราว คอยเก็บกวาดผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อจิวเอ๋อร์เหล่านั้นไปด้วย!”
“เจ้าค่ะ! หัวหน้า!”
………………………….
ก่อนหน้านี้กู้ซีจิ่วเตรียมการไว้ไม่น้อย แต่พอเข้าสู่ยอดเขาที่สามอย่างแท้จริง เธอถึงรู้ว่าที่แท้สถานที่แห่งนี้บัดซบยิ่งนัก!
เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและกับดักมากมาย!
เมื่อก่อนถึงแม้องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวจะเคยมาเยือนยอดเขาที่สาม แต่เขาก็ได้สัมผัสเพียงชายขอบของยอดเขาที่สามเท่านั้น ไม่ได้เข้าสู่ส่วนลึกของที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบว่าส่วนลึกของยอดเขาที่สามจะอันตรายเช่นนี้!
ทั้งหมาป่าครามดุร้ายที่พ่นวารีพิษ งูยักษ์สีครามที่พ่นหมอกพิษ กิ้งก่าสีครามที่คลานไปทั่ว แม้แต่กระต่ายของที่นี่ก็สามารถกัดคนได้ และไล่พ่นควันพิษเข้าใส่คน!
ดูเหมือนเนินหินลาดชันที่เธอร่อนลงมาจะมีสัตว์ร้ายอยู่ไม่มาก ส่วนสัตว์ร้ายในสถานที่อื่นเรียกได้ว่าต้องคอยระวังทุกฝีก้าว
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่อยู่กลางอากาศเธอจดจำสภาพภูมิประเทศของยอดเขาที่สามไว้แล้ว จำได้ว่าทิศทางไหนคือทางออกจากหุบเขา
แต่หลังจากร่อนลงก็พบว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบของที่นี่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว! ทุกทิศล้วนเป็นป่าทึบแบบเดียวกัน เธอหยิบเข็มทิศที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา ผลปรากฎว่าเข็มทิศหมุนติ้ว สนามแม่เหล็กของที่นี่ซับซ้อนมาก เข็มทิศจึงไร้ประโยชน์!
เคราะห์ดีที่เธอยังสามารถจับทิศทางจากดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าได้ ดังนั้นหลังจากเข้าสู่ป่าทึบแล้ว เธอก็รีบใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือทันที
หลังจากนั้นฝันร้ายของเธอก็เริ่มต้นขึ้น!
ยามที่ลงสู่พื้นได้พบกับรังของพยัคฆ์คราม ตอนที่เธอปรากฎกายขึ้น เท้าข้างหนึ่งเกือบจะเหยียบลงบนหัวพยัคฆ์แล้ว!
โชคดีที่เธอตอบสนองว่องไว ไม่รอให้พยัคฆ์ครามตัวนั้นทันอ้าปากขยํ้า เธอก็รีบใช้วิชาเคลื่อนย้ายหลบหนีไปอีกครั้ง
เนื่องจากไม่คุ้นกับสภาพภูมิประเทศ เธอเลยทำได้เพียงคาดคะเนทิศทางการเคลื่อนย้ายอย่างคร่าวๆ
เธอรู้สึกว่าบนพื้นไม่ปลอดภัย ดังนั้นยามปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งเธอ จึงร่อนลงบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เพียงแต่เธอยังไม่ทันได้พักหายใจ จู่ๆ ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นก็สั่นไหว ลำต้นพลันแยกออกเป็นโพรงกว้าง สีแดงฉาน กลิ่นเหม็นคาวโชยมาเตะจมูก…
มารดามันเถอะ ใช่ต้นไม้เสียทีไหน? นี่มันงูเหลือมที่แสร้งปลอมเป็นต้นไม้ชัดๆ!
กู้ซีจิ่วจึงรีบใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาอีกครั้ง จากนั้นก็พบกับหมีครามสองตัวที่กำลังหาอาหารอยู่ ยามที่กู้ซีจิ่วปรากฎตัวขึ้นก็หวิดจะถูกหมีตัวหนึ่งตวัดกรงเล็บใส่!
ทุกครั้งที่เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายมักจะพบสัตว์ร้ายสักตัวหรือหลายตัวอยู่เช่นนี้เสมอ ทำให้กู้ซีจิ่วเกือบจะสงสัยว่าสัตว์ร้ายบนยอดเขาที่สามกำลังจัดการชุมนุมสัตว์ร้ายอะไรอยู่หรือไม่ นี่มันชุกชุม เกินไปแล้ว!
เนื่องจากต้องเคลื่อนย้ายยามหน้าสิ่วหน้าขวานบ่อยๆ ย่อมไม่มีเวลาเลือกทิศทาง ถึงขนาดที่ว่าไม่มีแม้แต่เวลาจะหอบหายใจ!
รอบด้านล้วนมีเสียงคำราม เสียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของสัตว์ร้ายสารพัดชนิด ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกเสียวฟันขึ้นมา
เธอเดินทางเช่นนี้อยู่ครึ่งค่อนวัน ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวฟ้าก็มืดเสียแล้ว
เมื่อรัตติกาลมาเยือน กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แหงนหน้ามองท้องฟ้าเหนือศีรษะ แล้วมองดูป่าทึบแบบเดียวกันที่มืดมิดทั่วสารทิศ ในใจเอ่ยทักทายโคตรเหง้าศักราชของตี้ฝูอีอีกครั้ง ตั้งแต่บรรพบุรุษในยุคมนุษย์ถ้ำจนถึงทายาทในศตวรรษที่ 28 ซึ่งยังไม่เกิด เธอทักทายจนครบทั้งสิ้น!
ดูเหมือนเจ้าคนบัดซบผู้นี้จะเล่นงานเธออีกแล้ว!
ไม่เพียงแต่โยนเธอลงมาจากอากาศเท่านั้น ยังโยนลงมาในดงสัตว์ประหลาดอีกด้วย!
สถานที่ที่เขาโยนเธอลงมาจะต้องเป็นจุดที่มีสัตว์ประหลาดชุกชุมที่สุดในยอดเขาที่สามเป็นแน่!