บทที่ 438
เจ้าชอบข้ามากขึ้นอีกนิดหรือไม่ 1
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
มู่เฟิงขมวดคิ้วทันที “ที่นี่มิใช่สถานที่พูดคุยกัน ถ้าท่านมีเรื่องอยากขอคำชี้แนะออกจากที่นี่แล้วค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้รีบไปเสียก่อน!”
มู่เฟิงผู้นี้คือกู้ซีจิ่วที่ปลอมตัวมา ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ข้างกายก็รับบทโดยซือเฉิน
กู้ซีจิ่วเกรงว่าถ้าซือเฉินพูดจะเป็นการเผยพิรุธ ดังนั้นก่อนปรากฎตัวจึงสั่งว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูด เธอจะจัดการทุกอย่างเอง
เธอรู้วิชาเลียนเสียง ก่อนปรากฎตัวจึงเอ่ยด้วยเสียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก่อนเพื่อยับยั้งพวกเขาไว้ เธอนึกว่าพอคนเหล่านี้เห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็จะเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าเตาชิงหยางผู้นี้จะใจกล้ายิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้ว!
ยามนี้จะให้ซือเนินเปิดปากเอ่ยไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดกู้ซีจิ่วก็ต้องผลักหัวข้อสนทนาทิ้งไปให้ได้
แต่การที่เธอทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้เตาชิงหยางสงสัยหนักกว่าเดิม สายตาแหลมคมดุจใบมีดของเขาตกลงบนร่างกู้ซีจิ่ว “เหตุใดผู้พิทักษ์มู่ต้องรีบร้อนปานนี้? คำถามข้อนี้ของซิงหยางตอบได้ง่ายดายนัก ขอเพียงท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตอบข้าไม่กี่ประโยคก็พอแล้ว”
ยามที่กล่าวประโยคสุดท้าย แม้แต่วาจานบน้อบให้เกียรติเขาก็ลืมพูดแล้ว
หัวจกู้ซีจิ่วพลันเต้นถี่รัว อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอปลอมเสียงท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ได้อีกแล้ว ด้านล่างมีสายตาแปดคู่จับจ้องอยู่!
เธอตัดสินใจทันที ขณะที่กำลังจะยื่นคำขาดเพื่อลองดูว่าจะทำให้พวกเขาตกใจจนล่าถอยไปได้ไหม จู่ๆ ซือเฉินที่อยู่ข้างกายกลับเปิดปากเอ่ยเนิบๆ “เตาชิงหยาง เจ้ากล้าสงสัยข้าหรือ?”
กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อทันที!
เสียงของซือเฉินยามนี้ดุจแว่วจากหุบเขาวังเวง เป็นสุ้มเสียงของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในยามปกติ ไม่ต่างกันเลยสักนิด!
เตาซิงหยางก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว รีบกล่าว “ซิงหยางมิกล้า”
“ไม่กล้าหรือ?” ซือเฉินสะบัดแขนเสื้อ ท่วงท่างามสง่าดั่งบทกลอน ยิ้มบางๆ “เจ้ามีอะไรไม่กล้ากัน? อยู่เบื้องหน้าข้าก็ยังเรียกขานตนว่า ‘ข้า’ ซ้ำยังคิดจะบีบให้ข้าตอบคำถามอะไรของเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติข้อนี้หรือ?”
นํ้าเสียงเขาแผ่วเบา ทว่าแฝงด้วยเจตนาสังหารอันน่าพรั่นพรึง
จิตใจเตาซิงหยางหวาดผวา คุกเข่าเสียงดังตึง โขกศีรษะติดๆ กันหลายครั้ง “เป็นซิงหยางล่วงเกินแล้ว ขอทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายโปรดละเว้นด้วย”
บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องของเขาก็พากันคุกเข่าขอความเมตตาแก่เตาซิงหยาง
“ข้าจะไม่ละเว้นผู้อื่นเปล่าๆ เจ้าคิดว่าเพียงเข่าไม่กี่คู่ของเจ้าข้าก็จะอภัยให้เจ้าหรือ?” ซือเฉินยังคงยิ้มน้อยๆ เช่นเดิม ทว่าวาจากลับคมดุจมีด
ยามนี้เตาชิงหยางเสียใจยิ่งนัก แต่เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจะต้องชดใช้แก่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…
เขาตัดสินใจได้ทันทีพลันกัดฟัน ยกมือตัดแขนข้างหนึ่งของตน จุดที่แขนขาดมีโลหิตไหลนอง ใบหน้าเขาซีดเซียวโขกศีรษะต่อ “ชิงหยางตัดแขนเป็นการชดใช้ ขอท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายโปรด ละเว้นด้วย”
ครั้งนี้ซือเฉินไม่พูดมากความ เอ่ยเพียงประโยคเดียว “ไสหัวไป!”
เตาชิงหยางที่ได้รับการอภัยโทษ รีบจากไปพร้อมกับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเขาทันที
พื้นที่กลับสู่ความสงบอีกครั้ง กู้ซีจิ่วถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก “เกือบแล้ว!” แล้วมองซือเฉินแวบหนึ่ง “นึกไม่ถึงว่าท่านจะรับบททูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้เหมือนขนาดนี้!”
ดูจากกลิ่นอายของเขาเมื่อครู่แม้แต่เธอก็เกือบจะถูกขู่ไปด้วยเลย
ซือเฉินยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก “เกือบไปแล้วเชียว! โชคดีที่ข้าเคยศึกษาวิชาเลียนเสียง อีกทั้งเคยพบเห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาก่อน มิเช่นนั้นเกรงว่าครั้งนี้คงเผยพิรุธไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะช่วยเจ้าเพรียกวายุตัวนี้ไว้ไม่ได้ ซ้ำยังต้องพ่วงชีวิตน้อยๆ ของข้ากับเจ้าเข้าไปด้วย ”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้เสียงเขาก็เป็นซือเฉินเหมือนเดิมแล้ว กลับมาเป็นบัณฑิตจอมกะล่อนอีกครั้ง
“เมื่อกี้กลิ่นอายของท่านก็เหมือนมากนะ ไม่ได้เหมือนแค่เสียง” กู้ซีจิ่วมองเขาอีกแวบหนึ่ง
ซือเฉินดูยินดีปรีดา “จริงหรือ?” เขามองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาแวววาว “เช่นนั้นเจ้าชอบข้ามากขึ้นอีกนิดหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
เจ้าคนผู้นี้ไม่ลืมที่จะหยอดทุกเวลาเลย!