บทที่ 439
เจ้าชอบข้ามากขึ้นอีกนิดหรือไม่ 2
เธอคร้านจะสนใจเขาอีก ไปดูเพรียกวายุตัวนั้นด้วยตัวเอง สัตว์ตัวนั้นบาดเจ็บสาหัส หมอบอยู่ตรงนั้นลุกไม่ขึ้น ไม่เช่นนั้นมันคงฉวยโอกาสหนีไปนานแล้ว
ท่าทางที่มันนอนหมอบค่อนข้างประหลาด เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคํ้ายันไว้ไม่ไหวแล้ว แต่สองขาหน้ายังฝืนยันพื้นไว้ ราวกับเกรงกลัวว่าจะ ทับอะไรบางอย่าง
กู้ซีจิ่วเข้าใกล้มัน มันรีบกู่ร้องอย่างโกรธเกรี้ยวทันที ราวกับเป็นการเตือน
แต่มันบาดเจ็บสาหัส แรงโกรธแค้นในเสียงคำรามก็ลดลงไปมากอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่ง
กู้ซีจิ่วจึงเอ่ย “ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก แค่อยากรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า” เธอหยิบยาสมาแผลออกมา เป็นการบอกใบ้ให้เพรียกวายุตัวนั้น
ทว่าเจ้าเพรียกวายุกลับไม่ซาบซึ้งในพระคุณเลยสักนิด เงยหน้ากู่ร้องอีกครั้ง โทนเสียงสูงๆ ต่ำๆ
“เจ้านาย มันบอกว่าท่านเป็นพังพอนมอบของขวัญแก่ไก่หาใช่ด้วยความหวังดี[1]” เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาหอยอยู่ในแขนเสื้อกู้ซีจิ่ว แปลอย่างเกียจคร้าน
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง หยิบมันออกมา “เจ้ารู้ภาษาสัตว์หรือ? เจ้ามาแปลหน่อยสิ บอกมันว่าข้าไม่ได้จะรับมันเป็นสัตว์พาหนะ หลังจากรักษามันเสร็จก็จะปล่อยมันไป”
เจ้าหอยยักษ์คืนร่างเดิมที่มีขนาดเท่าเรือนหลังเล็ก ฝาของมันอ้าๆ หุบๆ นํ้าลายไหลอยู่ตรงหน้าเพรียกวายุ “เจ้านาย บาดแผลของมันสาหัสมาก ไม่สามารถฟื้นฟูได้ในระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายเช่นนี้ มิสู้ให้ข้ากินมันซะ เนื้อของมันเลิศรสยิ่ง…”
สีหน้ากู้ซีจิ่วถมึงทึง ยกมือตบฝาหอยมันป้าปหนึ่ง “ถ้าเจ้ากล้ากินมันก็ลองดู! ระวังข้าจะเอาเจ้าไปตุ๋น!”
เจ้าหอยยักษ์ไม่ยินยอม “เจ้านายท่านช่างลำเอียงจริงๆ…” มันบ่นกระปอดประแปดไปพลางแปลภาษาไปพลาง ถ่ายทอดถ้อยคำทึ่กู้ซีจิ่วกล่าวเมื่อครู่แก่เจ้าเพรียกวายุตัวนั้น
แน่นอนว่ามันยังเสริมคำพูดที่ตัวเองคิดลงไปในตอนท้ายด้วย “เพรียกวายุหรือ? เจ้าก็วิ่งได้ไม่เร็วเท่าไหร่นี่ เจ้ายังห่างชั้นกับข้านัก! เจ้านายเพิ่งรับข้าไว้ แล้วจะชายตามองเจ้าอีกได้อย่างไร? นางแค่โรคใจอ่อนกำเริบอยากรักษาบาดแผลให้เจ้าเท่านั้นจริงๆ แต่เจ้ากลับเชิดหน้าไม่คิดสำนึกบุญคุณ! หากนางมีจุดประสงค์อันใดต่อเจ้าจริง ด้วยฝีมือของเจ้าในยามนี้จะสามารถหลบเลี่ยงได้หรือ? แม้แต่ข้อนี้ก็ยังคิดไม่กระจ่าง เพรียกวายุเช่นเจ้าโง่งมสินะ?”
เห็นได้ชัดว่าประโยคสุดท้ายของมันจี้จุดของเจ้าเพรียกวายุเข้าแล้ว ทำให้เจ้าเพรียกวายุสลายการป้องกันตัวออกจนสิ้น จากนั้นมันก็ผงกหัวให้กู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก มีสัตว์เป็นตัวกลางแปลภาษาให้ช่วยได้มากจริงๆ
ดูเหมือนเจ้าหอยยักษ์ที่เธอรับไว้ตัวนี้จะมีประโยชน์มากเหมือนกัน ไม่ใช่คิดแต่จะกินลูกเดียว
บนร่างเพรียกวายุมีบาดแผลไม่น้อย บาดแผลจำนวนมากจำเป็นต้องเย็บแผล
กู้ซีจิ่วเข้าป่าทมิฬครั้งนี้ ย่อมต้องพกอุปกรณ์การแพทย์ติดตัวมาอย่างครบครัน เธอถึงขั้นพกเข็มเงินที่ใช้ในการผ่าตัดมาด้วย เธอนั่งลงข้างกายเพรียกวายุแล้วจัดการบาดแผลเหล่านั้นให้มันอย่างรวดเร็ว…
ซือเฉินยืนมองนางอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้ามาเป็นลูกมือให้นาง ยิ้มบางๆ พลางเอ่ย “อาเซิง ที่แท้เจ้าก็เป็นแม่นางที่ใจบุญถึงเพียงนี้”
กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ ไม่เอ่ยวาจา
ถึงแม้ปกติแล้วเธอจะแบ่งแยกบาปบุญอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ชอบสอดเรื่องชาวบ้าน
เหตุผลที่ลงมือช่วยเหลือคราวนี้เป็นเพราะเธอมองเจ้าเพรียกวายุตัวนี้แล้วรู้สึกถูกชะตาอย่างน่าประหลาด…
อีกอย่างการที่เจ้าสัตว์ตัวนี้ยืนหยัดไม่ยอมจำนนเช่นนี้ก็ทำให้เธอชื่นชมอย่างยิ่ง เมื่อช่วยได้ย่อมต้องช่วย
เพรียกวายุก็สัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีของเธอ ในที่สุดก็คลายความระแวงเธอ ยอมให้เธอรักษาบาดแผลบนร่างตนด้วยยาสมานแผลหรือแม้กระทั่งเย็บแผล…
แต่มันก็ป้องกันบางจุดด้านหน้าทรวงอกอย่างเจตนาและไม่เจตนาอยู่ตลอด ไม่ให้ใครแตะต้อง
บริเวณนั้นของมันไม่มีบาดแผล ดังนั้นตอนแรกเริ่มกู้ซีจิ่วจึงไม่ได้สนใจ จวบจนบริเวณนั้นเปิดอ้าเป็นรูกว้างถึงทำให้เธอตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะมองหลายๆ ครั้ง