บทที่ 450
ล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอย 5
กู้ซีจิ่วก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้พวกมันสองแม่ลูกสานสัมพันธ์กัน
เพรียกวายุเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะตำหนิที่มันไม่รู้ดีรู้ชั่ว หลังจากมอบผลไม้ให้ลูกน้อย ก็เข้ามาถูไถเธออย่างเอาใจ
กู้ซีจิ่วลูบศีรษะของมัน ไม่ได้ว่ากล่าวมัน
เธอยังหิวอยู่ ทว่าไม่คิดจะกินผลไม้ที่เคยถูกนํ้าลายเจ้าหอยยักษ์อาบเยิ้มมาก่อนอีก จึงคิดจะไปล่าสัตว์สักหน่อย
ยามนี้เธอมีเจ้าลู่อู๋กับเจ้าหอยยักษ์อยู่ข้างกาย มีแต่สัตว์ประหลาดที่สายตาไม่กว้างไกลเท่านั้นถึงจะวิ่งเข้ามาหาที่ตาย สัตว์ตัวอื่นๆ ล้วนหลีกลี้ให้ห่างไกล
ตอนนี้เธอเลยมีเวลาว่างพอจะย่างเนื้อกินแล้ว
เธอล่ากวางตัวหนึ่งได้ในป่า แน่นอน ในป่าทมิฬแห่งนี้แทบจะไม่มีสัตว์กินพืชอยู่เลย เจ้ากวางตัวนี้ก็เป็นกวางโหด
เดิมทีมันคิดจะกินกู้ซีจิ่วเป็นอาหาร แต่กู้ซีจิ่วก็ไม่ใช่ไก่อ่อนแล้ว เมื่อต่อสู้กับมันไปได้สองสามยกขณะที่สถานการณ์กำลังดุเดือด เจ้าลู่อู๋ตัวนั้นได้ยินเสียงจึงวิ่งเข้ามา…
กู้ซีจิ่วทันกล่าวแค่ว่า “อย่าสูบเลือดเนื้อมัน!”
ลู่อู๋กระโดดขึ้นไปบนหลังกวางตัวนั้นทันที เดินทีมันต้องการหมอบแล้วดูดลำคอเจ้ากวางโหด ทว่าเมื่อได้ยินประโยคนั้นของกู้ซีจิ่วมันก็ไม่กล้าฝ่าฝืน ด้วยเหตุนี้จึงฟาดกรงเล็บลงบนศีรษะเจ้ากวางทันที
เจ้ากวางโหดดั่งถูกไฟช็อต ดับดิ้นในทันใด
ภายใต้อุ้งเท้าน้อยๆ ของมัน สัตว์ร้ายขั้นสี่ตัวนี้กลับเปราะบางดุจแตงกวาก็มิปาน
กู้ซีจิ่วพลันทอดถอนใจ สัตว์ขั้นแปดช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ เพิ่งถือกำเนิดก็เป็นนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่เสียแล้ว ลู่อู๋ลากกวางตัวนั้นกลับไป
เมื่อก่อไฟแล้ว กู้ซีจิ่วก็นั่งย่างเนื้อกวางข้างกองไฟ มีหอยยักษ์หนึ่งตัว ลู่อู๋หนึ่งตัว และเพรียกวายุหนึ่งตัวอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนเธอ
ทักษะการย่างของกู้ซีจิ่วยอดเยี่ยมมาก เพิ่งจะย่างสุกเพียงครึ่งเดียว เจ้าหอยยักษ์ก็เริ่มนํ้าลายไหลแล้ว
เจ้าลู่อู๋ก็เหยียดหางทั้งเก้ายันร่างขึ้นมา
เมื่อเนื้อกวางสุกจนทั่ว กู้ซีจิ่วก็กินเนื้อขากวางเพียงครึ่งเดียว เจ้าลู่อู๋ฉลาดกิน มันกินเนื้อส่วนที่เหนียวที่สุดตรงสันหลังของกวาง เนื้อส่วนอื่นที่กินง่ายตกเป็นของเจ้าหอยยักษ์และเพรียกวายุ
ถึงอย่างไรเพรียกวายุก็ยังบาดเจ็บอยู่ ศักยภาพการกินจึงไม่สูงนัก มีเพียงเจ้าหอยยักษ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความตะกละ ตัวมันเองกินไปแล้วถึงสองในสามส่วน!
หากจะให้กล่าวตอนแรก เจ้าหอยยักษ์ยังไม่ใคร่เต็มใจจะทำพันธสัญญากับกู้ซีจิ่วอยู่บ้าง ยามนี้กลับพึงพอใจอย่างยิ่ง
เนื้อที่เจ้านายย่างช่างอร่อยเหลือเกิน! อร่อยกว่าเนื้อทั้งหมดที่มันเคยกินอีก!
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากกู้ซีจิ่วย่างเนื้อครั้งนี้ก็คือ หลังจากที่เจ้าลู่อู๋กับเจ้าหอยยักษ์ได้กินเนื้อที่เธอย่าง ก็ไม่ชอบกินเนื้อดิบแล้ว เรื่องโปรดปรานที่สุดก็คือการล่าสัตว์ เมื่อล่าสัตว์ที่อร่อยที่สุดมาได้ ก็จะให้เธอย่าง…
แน่นอน นี่คือเรื่องราวในอนาคต
กู้ซีจิ่วลองประมาณเวลาดู น่าจะกลางดึกแล้ว
ตั้งแต่เธอเข้าสู่ป่าทมิฬแห่งนี้ ก็ไม่เคยได้หลับเต็มอิ่มเลย นอกเหนือจากหลบหนีก็คือต่อสู้ หากมิใช่เพราะผลไม้เหล่านั้นมีสรรพคุณพิเศษ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความหิวให้เธอเท่านั้น ยังสลายความอ่อนเพลียง่วงงุนได้ด้วย มิเช่นนั้นเกรงว่าหลายวันที่ผ่านมาเธอคงคํ้ายันไว้ไม่ไหว
ยามนี้เธออยากพักเหลือเกิน เพียงแต่ข้าวของประเภทกระโจมและถุงนอนในถุงเก็บของของเธอถูกตี้ฝูอีริบไปหมด ถ้าเธออยากพักผ่อนก็ทำได้เพียงนอนบนหินกรวด
แต่หินกรวดนี้ค่อนข้างลื่น ขณะที่เธอกำลังกลัดกลุ้มอยู่ จู่ๆ เพรียกวายุตัวนั้นก็ใช้อุ้งเท้าเคาะพื้น เนินศิลาเขียวแห่งหนึ่งพลันปรากฎขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เนินศิลาเขียวราบเรียบยิ่งนัก แถมด้านบนยังมีต้นหญ้าอ่อนนุ่มเติบโตอยู่ เมื่อเหยียบลงไปราวกับเหยียบบนพรม
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย ดวงตายิบหยีชมเชยมันหลายประโยค จากนั้นก็เอนกายลงไปในพงหญ้าอ่อนนุ่ม สั่งให้เจ้าหอยยักษ์ค่อยเฝ้ายาม
อันที่จริงเธอไม่ได้อยากนอนหลับเท่าไหร่ แค่อยากงีบเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าความง่วงงุนจะหนักหนายิ่งนัก พอเอนกายลงไปก็หลับสนิทเลย
เจ้าหอยยักษ์เจ้านี่พึ่งพาไม่ได้เท่าไหร่ มันเองพอกินอิ่มก็อยากนอนเหมือนกัน ดังนั้นมันอ้าฝาเฝ้าอยู่ได้ครึ่งชั่วยามก็ทนไม่ไหว จึงสั่งการเจ้าเพรียกวายุให้มันเฝ้ายามแทน