Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 451

บทที่ 451

ล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอย 5

จากนั้นมันก็ปิดฝาหอยนอนกรนคร่อกๆ อยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว ส่วนลู่อู๋จะอย่างไรมันก็เป็นเพียงลูกสัตว์ยามที่ใคร่จะนอน มันหลับก่อนเจ้าหอยยักษ์เสียอีก ซ้ำยังรวดเร็วด้วย!

ช่างน่าสงสาร ภาระการเฝ้ายามจึงตกเป็นของเพรียกวายุซึ่งทั้งบาดเจ็บและวิ่งเต้นมาทั้งวัน

เพรียกวายุก็พึ่งพาได้ ฝืนถ่างตาเฝ้ายาม แต่มันก็ทั้งเหนื่อยทั้งง่วงยิ่งนึก เปลือกตาพับลงมาอยู่ตลอด ระหว่างที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น มันพลันรู้สึกถึงสายลมยะเยือกที่พัดโชยมา สายลมนั้นเยียบเย็น เมื่อพัดผ่านเส้นขนทั่วร่างมันลุกชันขึ้นมา!

เพรียกวายุกระเด้งตัวขึ้น จากนั้นมันมองเห็นอีกฟากของแม่นํ้าที่อยู่ห่างไปไม่ไกลมีคนสองคนปรากฎตัวขึ้นมา

คือหนึ่งหญิงหนึ่งชาย สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกัน การเดินเหินมิใช่การย่างก้าว แต่เป็นการลอยโดยตรง!

เส้นผมของสองคนนั้นแผ่สยาย บดบังใบหน้า ทำให้คนมองไม่เห็นหน้าตา

ทั้งสองคนปรากฎตัวขึ้นเงียบๆ หลังจากสองคนนี้ปรากฎตัว บรรยากาศรอบๆ ก็คล้ายจะหนักหน่วงขึ้นมาทันที

เดิมทีบนฝั่งแม่น้ำมีสายลมพัดผ่าน แต่ก็เป็นเพียงสายลมปกติ ทว่าหลังจากสองคนนี้ปรากฎตัว จู่ๆ สายลมก็แปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น บรรยากาศอึมครึมดุจล่องลอยบนใบมีด

ถึงแม้เพรียกวายุจะเคยพบเห็นสิงสาราสัตว์มามากมาย แต่ถึงอย่างไรมันก็กำเนิดบนยอดเขาที่ห้า พบเห็นมนุษย์น้อยยิ่ง แล้วยังเป็นเหล่ายอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณสูงส่งอีกด้วย ดังนั้นมันจึงดูไม่ออกว่าสองคนนี้มีบางอย่างแตกต่างกับมนุษย์ที่มันเคยพบ

ในสายตามัน เมื่อมนุษย์ปรากฎตัวล้วนเป็นภัยต่อสัตว์ มนุษย์จะร่วมมือกันต่อสู้เสมอ

ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของมันก็คือสองคนนี้จะมาจับมัน! ไม่ทำอันตรายต่อกู้ซีจิ่ว…

มันหันไปมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง เห็นนางกำลังหลับใหลอยู่ จึงไม่คิดจะเรียกนาง เพียงแค่เหล่มองเท่านั้น

แม่นํ้าสลายกระดูกแห่งนี้ไม่สามารถข้ามได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นมันก็ต้องทุ่มเทจิตวิญญาณทั้งหมด ทุ่มเทพลังกำลังทุกส่วนถึงจะกระโดดข้ามไปได้

ดังนั้นเจ้านายของมันจึงพักผ่อนอยู่ที่นี่หนึ่งคืน คงจะรอให้มันฟื้นฟูพละกำลังก่อนแล้วค่อยข้ามไป…

สองคนนั้นหยุดอยู่ที่ริมฝั่งอีกฟาก ร่างกายเหินลอยขึ้น ทะยานข้ามมายังฝั่งนี้ทันที

เมื่อทะยานมาถึงกลางแม่นํ้าก็ดูเหมือนจะถูกอะไรบางอย่างกีดขวางไว้ครู่หนึ่ง แต่ก็ขวางเอาไว้ไม่ได้ ทะลุผ่านมาได้ตรงๆ เพียงชั่วพริบตาก็ร่อนลงริมฝั่งนี้แล้ว!

สายลมเย็นเฉียบยิ่งขึ้น เส้นขนทั่วร่างเพรียกวายุลุกชัน!

กลิ่นอายดุร้ายมากถึงเพียงนี้! ไม่เหมือนมนุษย์เลย!

เส้นผมของสองคนนั้นพลิ้วแยกดุจกระแสธารา เผยให้เห็นดวงตาเย็นชา และพุ่งตรงไปหากู้ซีจิ่วที่นอนอยู่ตรงนั้น! ดวงตาที่เดิมทีเป็นสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานดั่งโลหิต! ประหนึ่งได้พบศัตรูคู่แค้นที่เคยทำลายล้างบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของพวกเขา…

เกิดลมพัดกรรโชกขึ้น ร่างกายสองคนนั้นวูบไหวดุจสายฟ้า ตรงเข้าจู่โจมกู้ซีจิ่ว!

แย่แล้ว มิใช่มาโจมตีมัน แต่มาโจมตีเจ้านาย!

เพรียกวายุโง่งมไปชั่วขณะ รอจนปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา กรงเล็บสีดำอันแหลมคมสองข้างของทั้งสองคนนั้นก็กำลังจะตะครุบศีรษะกู้ซีจิ่วแล้ว!

เพรียกวายุอยากจะช่วยเหลือก็สายไปเสียแล้ว จึงหลับตาลงอย่างทนดูไม่ได้!

มันคือสัตว์ที่หยิ่งผยอง ไม่คิดจะเป็นสัตว์พาหนะให้ผู้ใด ถึงขั้นเคียดแค้นชิงชังมนุษย์ด้วยซ้ำ

หนนี้ที่ติดตามกู้ซีจิ่วก็เพราะไม่มีทางเลือก

ถ้าลูกรักมิได้ติดมนุษย์ผู้นี้แจ มันคงไม่ต้องอับจนหนทางทำได้เพียงเป็นสัตว์พาหนะให้คนผู้นี้ ในใจลึกๆ มันยังคงอคติต่อกู้ซีจิ่วอยู่บ้าง

ยามนี้พอเห็นทั้งสองคนเข้าไปจู่โจมกู้ซีจิ่ว ประการแรกคือมันช่วยเหลือไม่ทัน ประการที่สองคือไม่ได้ภักดีสักเท่าไหร่

หากมนุษย์ผู้นี้ตายไปเสีย บางทีลูกน้อยของมันอาจจะกลับมาอยู่ข้างกายมัน

ด้วยมีความคิดเช่นนี้ เจ้าเพรียกวายุตัวนี้ถึงไม่ลงมือให้ทันท่วงที มันถือว่าตนยังมิได้กลายเป็นสัตว์พาหนะที่มีเจ้านาย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version