Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 452

บทที่ 452

ล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอย 7

เมื่อเห็นปลายเล็บคนทั้งสองกำลังจะตะครุบลงบนศีรษะกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วที่นอนหลับอยู่ตรงนั้นพลันกลิ้งตัวทันใด! หลบหลีกกรงเล็บสีดำของสองคนนั้นได้ฉิวเฉียด!

เกิดเสียงดัง ‘ครืด!’ ขึ้น ปลายเล็บแหลมคมของคนทั้งสองปักเข้าไปในเนินหินที่กู้ซีจิ่วเคยนอนอยู่เมื่อครู่!

เดิมทีศิลาเขียวคือหินที่แข็งแกร่งทนทานอย่างยิ่งชนิดหนิง ต่อให้ใช้ค้อนเหล็กทุบก็ไม่แน่ว่าจะทุบให้แตกได้สักมุม แต่ปลายนิ้วคนทั้งสองกลับปักเข้าไปเสมือนปักลงบนเต้าหู้ ปักลงไปจนสุด!

เสียง ‘ตูม!’ ดังกึกก้อง แท่นศิลาเขียวที่ยาวกว่าช่วงตัวคนพลันแหลกเป็นผุยผงกระจายไปทั่ว!

เจ้าหอยยักษ์ที่แต่เดินเอนร่างอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว เมื่อกู้ซีจิ่วกลิ้งตัว ก็พามันกลิ้งไปด้วย เพียงแต่ปลายเปลือกของมันยังอยู่บนแท่นหิน เมื่อแท่นหินแหลก สั่นสะเทือนมันอย่างรุนแรง กรีดร้องเสียงแหลม แล้วตื่นขึ้นมา

แผ่นดินไหวรึ?!

เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาแล้วมองไปรอบๆ ในที่สุดก็มองเห็นกู้ซีจิ่วยืนอยู่ไม่ไกล มีเงาร่างมนุษย์สองเงาโจมตีนางดุจพายุหมุน

มีคนลอบทำร้ายเจ้านาย!

เจ้าหอยยักษ์เดือดดาล เริ่มร่ายวิชาด้วยเสียงงึมงำ เริ่มปล่อยพิษมายาหลอนลวงออกมา แพร่ไปทางคนทั้งสามที่ต่อสู้กันอยู่…

กู้ซีจิ่วทำพันธสัญญาโลหิตกับมันแล้ว ดังนั้นพิษมายาหลอนลวงของมันย่อมไม่มีผลต่อกู้ซีจิ่ว ควรจะมีผลกับสองคนนั้นเท่านั้น

ขอเพียงสองคนนั้นมีชีวิตจิตใจ ก็จะตกอยู่ในภาพมายาของมัน มันจะสังหารพวกเขาได้อย่างไร้สุ้มเสียง!

พิษมายาหลอนลวงแพร่กระจายรวดเร็วยิ่งนัก แทบจะในชั่วพริบตาเดียวก็แผ่คลุมคนทั้งสามที่ต่อสู้กันอยู่…

ฝานไปครู่หนึ่ง เจ้าหอยยักษ์ก็ต้องตกใจจนอ้าฝาค้าง!

สองคนนั้นไม่มีจิตใจ! มันสัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งลมหายใจและจังหวะหัวใจของพวกเขา…

พิษมายาหลอนลวงของมันไร้ผลกับพวกเขา!

เมื่อครู่นี้กู้ซีจิ่วมิได้แสร้งหลับ แต่เหตุผลที่เธอตอบสนองได้รวดเร็วเช่นนี้ก็เพราะสัมผัสที่หกในฐานะนักฆ่าของเธอ การช่วยเหลือตนเองเมื่อตกอยู่ในอันตรายกลายเป็นสัญชาตญาณของเธอไปแล้ว!

สองคนนั้นโจมตีว่องไวยิ่งนัก เธอประมือกับอีกฝ่ายไปสามสี่กระบวนท่า แล้วก็ยังไม่เห็นหน้าตาอีกฝ่ายชัดๆ จวบจนเธอเคลื่อนย้ายเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อหลบหลีก ทั้งระยะห่างกับพวกเขาชั่วขณะถึงได้เห็นชัดๆ ต่อให้เป็นเธอก็ยังตกตะลึงอยู่ดี!

ดวงตาทั้งสองข้างพลันเบิกกว้าง!

หรงเหยียน กู้เทียนฉิง!

หรงเหยียนและกู้เทียนฉิงทั้งสองคนนี้ควรจะถูกประหารไปเมื่อหลายวันก่อนแล้วนี่!

เพียงแต่เธอค้นพบอย่างรวดเร็วว่าสองคนนี้ผิดปกติ

ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่ออยู่ในการต่อสู้ล้วนต้องมีการแสดงอารมณ์ความรู้ลึก ต่อให้ใบหน้าเป็นอัมพาต ก็ยังแสดงอารมณ์เล็กน้อยได้ เช่นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แสดงความโหดเหี้ยม เกรี้ยวกราด หรือเอาจริงเอาจัง…

แต่สองคนนี้กลับไม่แสดงอารมณ์ใดเลย เสมือนใบหน้าสลักจากหยก เศษเสี้ยวอารมณ์ไม่มีติดค้าง

มีเพียงดวงตาที่แดงฉานดุจโลหิต แดงก่ำไปหมด มองไม่เห็นแม้กระทั่งตาขาว

เล็บมือก็งอกยาวถึงหนึ่งฉื่อ!

เล็บมือทั้งสิบนิ้วของพวกเขาทั้งสองประหนึ่งมีดสั้นสีดำขลับ ส่องประกายยะเยือกข่มขวัญคนอยู่ในรัตติกาล

ไอแค้น! บนร่างสองคนนี้มีไอแค้นมหาศาล!

พวกเขาไม่ใช่มนุษย์!

แถมวรยุทธ์ของพวกเขาในยามนี้ก็สูงส่งกว่าเมื่อก่อนถึงสิบเท่า! กรงเล็บนั้นตวัดไปที่ใด ที่นั่นก็จะมีเศษหินปลิวว่อน

ที่สำคัญกว่านั้นคือกรงเล็บของพวกเขามีพิษ!

ยามที่กรงเล็บของพวกเขาตวัดผ่านก่อให้เกิดสายลมหอบหนึ่งพัดโดนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป ต้นไม้ต้นนั้นพลันแห้งเหี่ยวโรยราด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ใบไม้ปลิวว่อนเต็มฟ้า สลายเป็นผุยผงกลางอากาศทันที…

พิษร้ายแรง!

พิษนี้แตกต่างจากพิษทั่วไปที่กู้ซีจิ่วเคยพบ มันคล้ายจะเป็นพิษศพ แถมยังรมควันคนด้วยกลิ่นเหม็น…

เคราะห์ดีเนื่องจากกู้ซีจิ่วใช้พิษอยู่บ่อยๆ จึงมีภูมิต้านทานพิษ อีกทั้งเธอกินยาแก้พิษกันไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงพอทนรับพิษที่ฟุ้งกระจายอยู่ไหว แต่ก็รู้สึกคันคอ ลำคอหวานคาว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version