บทที่ 453
ล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอย 8
ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่คนแล้ว เป็นศพพิษ!
ชาติก่อนกู้ซีจิ่วเคยคลุกคลีกับวิชากู่และวิชาพิษของหนานเจียง ถึงขั้นเคยศึกษาวิชาหมอผีหนานเจียงด้วย
ศพพิษทั้งสองร่างในยามนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับผีดิบที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหมอผีหนานเจียง แต่ก็มิใช่เสียทั้งหมด
ผีดิบประเภทนั้นจะมีหมอผีคอยควบคุมอยู่ไม่ไกล ใช้คาถาเพื่อบงการให้เคลื่อนไหว แถมผีดิบประเภทนั้นยังเคลื่อนไหวด้วยการกระโดด ร่างกายแข็งทื่ออย่างยิ่ง
แต่ทั้งสองร่างที่อยู่เบื้องหน้านี้กลับเคลื่อนไหวได้อิสระ ดูไม่เหมือนว่าถูกใครควบคุมอยู่ ร่างกายอ่อนนุ่มราวกับไม่มีกระดูก ยามที่ต่อสู้สามารถบิดโค้งได้ตามต้องการ ถึงขั้นหมุนหัวได้ 360 องศา คอบิดได้เหมือนขนมเกลียว…
หนำซ้ำทั้งสองยังประสานงานเข้าขากันยิ่งนัก เมื่อทั้งสองเข้าโจมตีพร้อมกัน แรงกดดันจะเพิ่มเป็นเท่าตัวอย่างไม่มีสาเหตุ
หลังจากกู้ซีจิ่วประมือกับพวกเขาหลายสิบกระบวนท่าก็ทราบว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา!
ลู่อู๋น้อยก็ตื่นนานแล้ว มันเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย ถึงมันจะยังเล็ก แต่ฝีมือและพละกำลังกลับไม่เล็ก มันหมุนวนรอบร่างศพพิษทั้งสองดั่งลูกบอลสายฟ้า บางทีก็ซัดกรงเล็บน้อยๆ ลงไปหลายครา
กรงเล็บน้อยๆ ของมันทรงพลังจนทลายหินได้ เมื่อซัดลงบนร่างศพพิษทั้งสอง ทุกการซัดล้วนได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวแว่วออกมา
ดูเหมือนศพพิษทั้งสองจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร กระดูกแตกก็แล้ว กระดูกหักก็แล้ว พวกเขายังคงเคลื่อนไหวได้เช่นเดิม
ถึงขนาดที่ว่าลู่อู๋น้อยเคยซัดกรงเล็บใส่กะโหลกของหรงเหยียน เพื่อทำลายเขาให้สิ้นซาก แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกเลยสักนิด เนื้อหนังส่วนที่ได้รับบาดเจ็บเสียหายฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วย ความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…
‘เจ้านาย! พวกเขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว! ศักยภาพการฟื้นฟูของพวกเขาน่าหวาดหวั่นเกินไป! เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้การแน่ หนีกันเถอะ!’ หยกนภากรีดร้องขึ้นมาในหัวกู้ซีจิ่ว
‘พวกเขาเป็นอะไร?’ กู้ซีจิ่วถามในขณะที่วุ่นอยู่
‘ไม่รู้! ข้าก็เพิ่งเคยพบเห็นเช่นนี้เป็นครั้งแรก! ผีดิบก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง’
กู้ซีจิ่วใช้ท่าร่างอันปราดเปรียววนรอบศพพิษทั้งสองอย่างรวดเร็ว เธอเคยใช้วิชาบงการศพ เคยใช้คาถาที่เอาไว้จัดการผีดิบโดยเฉพาะ ใช้วิชาจัดการสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดที่เธอทราบไปแล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น
ผู้ใดกันที่เปลี่ยนทั้งสองคนให้เป็นเช่นนี้แล้วส่งมาจัดการเธอ?
ด้วยอยู่ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด กู้ซีจิ่วจึงวิเคราะห์อย่างแม่นยำไม่ได้
เป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ได้การแน่ แถมที่นี่เธอก็ไม่มีผู้ช่วยคนอื่นด้วย เธอทำได้เพียงต้องหาทางหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น!
กู้ซีจิ่วตัดสินใจโดยพลัน ผิวปากส่งสัญญาณเรียกลู่อู๋น้อยกลับมา และสั่งให้เจ้าหอยยักษ์ที่เข้าสู่สนามรบเช่นกันหนีบตนไว้ เคลื่อนย้ายข้ามแม่น้ำโดยตรง จากนั้นร่อนลงในป่าฝั่งตรงข้าม
เมื่อข้ามแม่น้ำมาแล้วถึงพบความผิดปกติ ยังมีเพรียกวายุนี่นา! เพรียกวายุยังไม่ได้ข้ามมา!
หยกนภาร้อนรน ‘เจ้านาย เป้าหมายหลักของทั้งสองคนคือท่าน ไม่เป็นภัยต่อเพรียกวายุตัวนั้นหรอก รีบไปเถอะ! ไปเร็ว!’
กู้ซีจิ่วไม่สนใจมัน มองไปที่อีกฝั่ง เมื่อศพพิษสองตัวนั้นสูญเสียเป้าหมายโจมตีก็วิ่งพล่านไปทั่วริมแม่น้ำ บางทีอาจเป็นเพราะบนร่างเพรียกวายุเคยมีกลิ่นอายของกู้ซีจิ่วอยู่ ศพพิษทั้งสองจึงมุ่งเป้าไปที่เพรียกวายุทันที…
พวกมันตรงเข้าจู่โจมเพรียกวายุ!
เพรียกวายุตื่นตระหนกจนเส้นขนทั่วร่างลุกชัน!
ศพพิษทั้งสองดุร้ายเกินไป ทำให้เพรียกวายุกระวนกระวาย สัตว์มีสัญชาตญาณหลีกเลี่ยงอันตราย หากเป็นเมื่อก่อนมันคงวิ่งหนีไปนานแล้ว!
แต่มันยังคงพะวงถึงลูกน้อยของตนอยู่ ดังนั้นจึงลังเลที่จะจากไป ตอนที่กู้ซีจิ่วต่อสู้กับศพพิษทั้งสอง มันก็ดูอยู่ด้านข้าง
เมื่อกู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายหลบหนี หายไปในชั่วพริบตา ปฏิกิริยาตอบสนองของมันยังไม่ทันกลับมา ศพพิษทั้งสองก็ล้อมมันไว้เรียบร้อย!
มันคิดจะหลบหนีก็สายไปเสียแล้ว