บทที่ 1194 จากไป (4)
บวกกับพวกองครักษ์ในวังใต้พิภพเดิมทีก็ไม่พอใจโม่เจ้า คอยทำลายจอสังเกตการณ์กล้องวงจรปิดอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นคนของตี้ฝูอีเคลื่อนไหวภายในอีกครั้งย่อมสะดวกมากขึ้น คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนฉลาด กระทำการอันใดย่อมระมัดระวัง ไม่ให้เหลือร่องรอยอย่างแน่นอน…
กู้ซีจิ่วเป็นคนมีเหตุมีผล เธอเข้าใจปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว และเอ่ยถามส่วนที่สำคัญขึ้นมาอีก “วิชาการแพทย์ของหลงฟั่นน่าพิศวง วิชาพิษก็สูงส่ง พวกเจ้าใส่ยาอะไรลงไปทำให้หลงฟั่นไม่ทันได้รับรู้ก่อน? มันคือพิษอะไร?”
ตี้ฝูอีกระแอมเสียง “เนื่องจากหลงฟั่นมีประสาทสัมผัสไวต่อยามากเกินไป หากใช้พิษอย่างเดียว เขาจะรับรู้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นต้องทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ต้องดำเนินการหลายขั้นตอน เริ่มต้นที่ภายในห้องโถงนั้นมีเครื่องเรือนที่ทำมาจากไม้จินซือหนาน มีเสียงพิณของอาซี เลือดของข้า ท้ายสุดบวกกับเม็ดผงยาชนิดหนึ่ง ทั้งสี่อย่างนี้ไม่มีพิษในตัวมันเอง หากแต่อยู่รวมกัน และมีเสียงพิณบรรเลงพิเศษถึงจะมีผล อีกทั้งยังไม่มีสี ไม่มีกลิ่น หลงฟั่นย่อมตรวจสอบไม่ได้”
กู้ซีจิ่วชะงักงันไปครู่หนึ่ง “เหตุใดต้องพูดให้ข้าฟังละเอียดเยี่ยงนี้?”
เมื่อสักครู่โม่เจ้าถามอันใดไม่ออก คาดว่าจนถึงตอนนี้ เจ้านั่นยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่ตรงนั้น
ระลอกเสียงของตี้ฝูอีอ่อนโยน “ข้าย่อมไม่มีทางปิดบังอะไรเจ้า”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
ตี้ฝูอียังเอ่ยถามอีก “ยังโกรธข้าอยู่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วยกมุมปากโค้งยิ้ม ไม่สนใจเขา กลับถอนหายใจในใจ เรื่องราวเหล่านี้บางทีอาจไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ทว่าถ้าจะทำให้สำเร็จกลับต้องมีความคิดสุขุมรอบคอบอย่างแรงกล้าเพื่อวางแผน วงแหวนหนึ่งเชื่อมโยงกับอีกวงแหวนหนึ่ง หากวงแหวนวงใดเกิดผิดพลาด ความพยายามทุกอย่างที่ทุ่มเทไปก็จะสูญเปล่า แท้จริงแล้วอันตรายยิ่งนัก
ตอนที่ตี้ฝูอีถูกจับตัวมาก็เกรงว่าจะเป็นการวางแผนเฉพาะหน้า เขาพยายามเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอ!
เธอย่อมไม่โกรธเขา ตอนนั้นที่เธอสูญเสียความทรงจำ และค่อนข้างโง่เขลา หากตี้ฝูอีบอกแผนการให้เธอฟังก่อน เกรงว่าเธอในตอนนั้นจะเก็บความลับเอาไว้ไม่ได้ ทว่า เธอก็โมโหนิดหน่อย ทั้งๆ ที่คนผู้นี้ไม่ได้สูญเสียพลังวิญญาณ อีกทั้งยังเป็นเทพที่แค่สะบัดมือก็ทำให้คนหายวับไปกับตาได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอที่ฟื้นคืนความทรงจำแล้ว กลับทำท่าทางอ่อนแอราวกับแค่ลมพัดก็ปลิวล้มลงได้ ทำให้เธอตึงเครียดไม่น้อย…
ถึงแม้ว่าเขาทำไปเพื่อเล่นละครตบตาต่อหน้าโม่เจ้า แต่ก็แอบส่งกระแสเสียงมาบอกให้เธอรู้หน่อยก็ได้!
ดังนั้น เธอจึงไม่อยากสนใจเขาไปชั่วขณะ หันหน้าไปคุยกับหลงซือเย่
ทั้งสองคุยกันถึงเรื่องโม่เจ้ากับหลงฟั่น กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ทั้งสองคนนี้ต่างหนีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้ เป็นปัญหาที่ไม่อาจจบลงด้วยดี”
หลงซือเย่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตี้ฝูอีก็พูดแทรกขึ้นมา “ไม่มีทาง โม่เจ้าถึงแม้จะหนีไปได้ แต่กายจิตของเขาบาดเจ็บสาหัส เขาจะก่อกรรมทำชั่วไม่ได้ไปอีกห้าสิบปี ส่วนหลงฟั่นเมื่อกี้เป็นพวกกู่ฉานโม่กับมู่เฟิงสกัดกั้นเขาไว้ ท้ายที่สุดแล้วด้วยความคุ้นชินกับพื้นที่เขาจึงหลบหนีผ่านทางลับทางหนึ่งออกไปได้ แต่เขาก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ต้องใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อยแปดถึงสิบปี”
หลงซือเย่กับกู้ซีจิ่วต่างโล่งใจ หลังจากครั้งนี้ พวกเขาสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างน้อยสิบกว่าปี ส่วนหลังจากสิบกว่าปีนั้น ไม่รู้ว่าโลกใบนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอีกหรือไม่!
กู้ซีจิ่วยังคงเชื่อมั่น ดูจากความเร็วในการฝึกฝนของเธอ สิบกว่าปีก็สามารถบรรลุขั้นเก้าขึ้นไปได้นานแล้ว เมื่อถึงเวลายังไม่แน่ว่าใครจะหาเรื่องใครกัน!
เธอกับหลงซือเย่พูดคุยกันต่อเรื่องอื่นอีก
ตี้ฝูอีนั่งพิงอยู่ในห้องโดยสาร พูดแทรกขึ้นไปตั้งหลายครั้ง กลับไม่ได้รับการตอบรับจากกู้ซีจิ่ว และหลงซือเย่ก็จงใจมองข้ามไม่สนใจเขา