บทที่ 1195 ความเสียหายหนึ่งหมื่นแต้ม!
หลีเมิ่งซย่ามองเจ้านายของบ้านตนอย่างเห็นอกเห็นใจยิ่งนักแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเงาร่างของนายท่านเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างยิ่งนัก…
ขับขี่เรือประเภทนี้ไม่อาจใจลอยได้ พอหลีเมิ่งซย่าใจลอยไปเล็กน้อยก็ทำให้เรือที่ขับประหนึ่งเรือไวกิ้งก็มิปาน ส่ายโคลงเคลงต่อเนื่องกันหลายที…
เดิมทีที่ว่างในเรือลำนี้ก็ไม่ใหญ่นัก เมื่อส่ายโคลงเคลง ร่างของตี้ฝูอีไหลไปตามการโคลง ถลาตรงเข้าใส่ร่างกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วไม่ได้ตั้งตัวถูกเขาถลาใส่จนล้มลงบนพื้น เป็นเบาะรองเนื้อให้เขา…
เรือนกายเขาสูงใหญ่ เรือนกายเธอบอบบางอ้อนแอ้น กู้ซีจิ่วถูกเขาทับไว้ด้านล่าง แทบจะมุดเข้าไปในอ้อมอกของเขาแล้วกลิ่นอายบนร่างเขาปกคลุมไปทั่วตัวเธอในชั่วพริบตา หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นรัว ใบหน้าแดงปลั่งดั่งแสงอาทิตย์อุทัย ถึงแม้ยามนี้เธอจะโหยหาอ้อมอกของเขา แต่ที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย!
ยังมีสายตาอีกสองคู่มองอยู่!
จึงรีบผลักเขาออกไป “ท่านลุกขึ้น…”
ตี้ฝูอีก็ไม่มีท่าทีอื่นใด รีบลุกขึ้นนั่ง “โคลงเคลงเกินไป ไม่ทันระวัง…”
เขาตำหนิคนผิดโดยตรง “หลีเมิ่งซย่า เจ้ารนหาที่ตายใช่ไหม? ขับเรือก็สามารถขับอย่างเลิศลํ้าได้ถึงเพียงนี้เชียว? กลับไปจะตัดเบี้ยหวัดเจ้า!”
ร่างหลีเมิ่งซย่าสะท้านคราหนึ่ง กล่าวอย่างหวาดผวา “นายท่านอย่านะเจ้าคะ…ข้าน้อยยากจนข้นแค้นจนแม้แต่กระโปรงก็ซื้อไม่ได้แล้ว กระโปรงนี้ยังต้องซื้อเชื่อเลย…”
ตี้ฝูอีเอ่ยหน้าตาย “ข้าไม่สน เว้นแต่ว่าแม่นางกู้จะไม่เอาความเจ้า มิเช่นนั้นเงินเจ้าจะถูกหักแน่นอน!”
หลีเมิ่งซย่ารีบขอความเมตตาจากกู้ซีจิ่ว “แม่นางกู้เจ้าขา ละเว้นด้วยเถิดเจ้าค่ะๆ ขอท่านและนายท่านโปรดเมตตาด้วย อย่าให้นายท่านหักเงินของข้าน้อยเลย ข้าน้อยเบื้องบนมีผู้เฒ่าผู้แก่ เบื้องล่างมีลูกหลานเยาว์วัย ทนรับการหักเงินของเขาไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองนอนๆ อยู่ก็ถูกยิงเสียได้ เธอถือโทษอะไรกับหลีเมิ่งซย่ากัน?
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าตี้ฝูอีผู้นี้ฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอไม่ใช่หรือไง?!
หลีเมิ่งซย่าพูดอยู่ไม่หยุดจนใจลอย จึงขับเรือลำนั้นไม่เข้าท่ายิ่งกว่าเดิม เห็นได้ว่ายกระดับจากโหมดเรือไวกิ้งเป็นโหมดรถไฟเหาะแล้ว กู้ซีจิ่วลุกพรวดขึ้นมา “ข้าขับเอง!”
บีบหลีเมิ่งซย่าออกไป เธอเข้าบังคับโดยตรง เห็นได้ชัดว่าเธอบังคับเรือลำนี้ได้ชำนาญกว่าหลีเมิ่งซย่า เรือมั่นคงรวดเร็วนัก หลีเมิ่งซย่ามองอย่างประหลาดใจ “แม่นางกู้ ท่านขับได้ชำนาญเหลือเกิน! โม่เจ้าเคยสอนท่านขับเรือใช่หรือไม่?”
“ไม่ ข้าเรียนรู้จากการมองกะลาสีเรือคนนั้นตอนหนีออกไปคราวก่อน”
หลีเมิ่งซย่ารู้สึกว่าตนได้รับความเสียหายหนึ่งหมื่นแต้ม!
นางเรียนรู้การขับเจ้าของเล่นชิ้นนี้อยู่ทั้งวัน ตอนที่นางเรียนอยู่กะลาสีที่ถูกนางควบคุมคนนั้นยังประจบประแจงอยู่เลยว่านางเฉลียวฉลาด นางหลงนึกว่าตัวเองเรียนรู้สิ่งนี้ได้รวดเร็วที่สุดแล้วกลับนึกไม่ถึงเลยว่า…
เหนือคนยังมีคนอยู่จริงๆ น่าโมโหเหลือเกิน!
แม่นางกู้ผู้นี้พิเศษกว่าคนทั่วไปจริงๆ ไม่แปลกเลยที่นายท่านของบ้านตนจะชอบนาง เพื่อนางแล้วแม้กระทั่งศักดิ์ศีรหรือชีวิตก็ไม่ต้องการแล้ว…
เดิมทีหลีเมิ่งซย่ายังรู้สึกคับข้องใจแทนเจ้านายของตนอยู่บ้าง รู้สึกว่ากู้ซีจิ่วไม่คู่ควรต่อความชอบของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เมื่อได้เห็นในยามนี้แล้ว อืม สองคนนี้ช่างเป็นกิ่งทองใบหยกโดยแท้!
หลีเมิ่งซย่ายังไม่ลืมที่จะขอความเมตตา “แม่นางกู้ ท่านอย่าถือสาข้าน้อยได้ไหมเจ้าคะ? ข้าน้อยยากจนมากจริงๆ…”
กู้ซีจิ่วอับจนวาจา มองหลีเมิ่งซย่าแวบหนึ่ง “ประมุขหอเงาราตรีผู้สูงส่งไฉนเลยจะยากจนได้? เจ้ายังคิดจะบอกว่าเบื้องบนเจ้ามีบุพการีวัยแปดสิบ เบื้องล่างมีลูกน้อยอายุสามขวบต้องเลี้ยงดูอยู่กะมัง?”
หลีเมิ่งซย่าหน้าแดง “สิ่งเหล่านี้ไม่มีเจ้าค่ะ ปีนี้ข้าน้อยเพิ่งอายุยี่สิบสาม เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีบุพการี เมิ่งซย่ายังมิได้ออกเรือน จึงไม่มีลูกน้อย”
“เช่นนั้นที่เจ้าบอกว่าเบื้องบนมีผู้เฒ่าผู้แก่ เบื้องล่างมีลูกหลานเยาว์วัยเล่า?”
“ผู้อาวุโสแต่ละท่านของหอเงาราตรีล้วนเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ มีความสามารถในการถลุงเงินยิ่งนัก หอเงาราตรียังรับศิษย์ใหม่เข้ามาอีกกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นเด็กน้อยเยาว์วัยทั้งสิ้น นั่นก็ต้องการเงินเช่นกัน…ผู้ที่น่าเวทนาคือประมุขอย่างข้า แม้แต่กระโปรงสำรองสักตัวก็ไม่มี…” หลีเมิ่งซย่ากำหมัดอย่างขุ่นเคือง