Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 471

บทที่ 471

ตรวจสอบด้วยตนเอง 4

ตี้ฝูอีมองไปที่กระจกโบราณ ลายมือของมือน้อยๆ ข้างนั้นปรากฎขึ้นมาบนกระจกอย่างแจ่มชัด…

ฝ่ามือเล็กข้างนั้นลอกเป็นขุย มีแผลพุพองและบาดแผลตื้นๆ เห็นได้ชัดว่าสองวันมานี้เจ้าของมือต้องต่อสู้อย่างสุดกำลังมากแค่ไหน

ตี้ฝูอีมองมือน้อยข้างนั้นครู่หนึ่ง ถอนหายใจเบาๆ เมื่อกดมือลงบนกระจกโบราณ มีแสงสีรุ้งพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว ทะลุเข้าไปในกระจก…

กู้ซีจิ่วที่หลับใหลอยู่ไม่รู้สึกตัว ป้ายหยกที่เธอกุมไว้เปล่งแสงสีรุ้งขึ้นมา ด้านหลังป้ายหยกปรากฎมือข้างหนึ่ง ฝ่ามือนี้ทาบทับกับฝ่ามือของกู้ซีจิ่ว แสงสีรุ้งถ่ายทอดเข้าไปในฝ่ามือเธอ…

“แง้ว…” เสียงเล็กๆ แว่วมาจากในแขนเสื้อกู้ซีจิ่ว ลู่อู๋โผล่หัวออกมา เจ้าตัวเล็กคล้ายจะถูกแสงสีรุ้งทำให้ตกใจ จึงพองขนทั้งร่างขึ้นมาทันที แล้วพุ่งเข้าใส่ป้ายหยกในมือกู้ซีจิ่ว แยกเขี้ยวแสดงอำนาจ…

หัวคิ้วตี้ฝูอีขมวดมุ่น เจ้าลู่อู๋คงจะรู้สึกว่าป้ายหยกชิ้นนี้คิดไม่ซื่อต่อ ‘มารดา’ หลังจากแยกเขี้ยวแสดงอำนาจก็ซัดกรงเล็บใส่ป้ายหยก!

ป้ายหยกส่องแสงวาบ สำแสงสายหนึ่งส่องใส่ร่างเจ้าลู่อู๋ เจ้าลู่อู๋ร้องคราหนึ่ง จากนั้นก็หล่นตุ้บลงไปจากข้อมือกู้ซีจิ่ว นอนแผ่แน่นิ่งอยู่ตรงนั้น มันถูกแสงจนสลบไปซะแล้ว…

มู่เฟิงที่อยู่นอกห้องโดยสารส่ายศีรษะนิดๆ ถึงลู่อู๋จะเป็นสัตว์วิเศษ แต่อย่างไรเสียมันก็ยังเล็กเกินไป ซ้ำยังเป็นทารกที่เพิ่งถือกำเนิด คิดจะต่อกรกับเทพศักดิ์สิทธิ์โดยไม่เจียมตน ถูกทารุณถือว่าเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก

มู่เฟิงมองด้านในห้องโดยสารรถแวบหนึ่ง เงาร่างกู้ซีจิ่วถูกแสงสีรุ้งห่อหุ้มไว้หมดแล้ว

เขาทอดถอนใจอยู่ภายในใจ ดูเหมือนว่าถึงแม้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะถอนหมั้นกับแม่นางกู้ผู้นี้ไปแล้ว แต่ยังคงเป็นห่วงเป็นใยนางเหมือนเดิม ยามนี้ถึงกับใช้พลังวิญญาณต้นกำเนิดรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง

ต้องทราบก่อนว่า วิธีรักษาเช่นนี้เทพศักดิ์สิทธิ์ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณต้นกำเนิดอย่างยิ่ง…

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ดีต่อแม่นางกู้จริงๆ! เขาไม่เคยดีต่อใครขนาดนี้มาก่อน!

ต่อให้เป็นสานุศิษย์สวรรค์เบื้องบนเขาก็ไม่ใส่ใจเช่นนี้ ทุกครั้งเพียงรับประกันว่าผู้อื่นจะไม่ตายก็พอ เล่นงานให้เจ็บปวดได้…

แสงสีรุ้งในห้องโดยสารค่อยๆ สลายไป ดวงหน้าน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วที่เดิมทีซีดขาวมีเลือดฝาดขึ้นมาจางๆ ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อดั่งกลีบบุปผา ปานแดงบนหน้าผากจางลงอีกครั้งแทบจะมองไม่เห็นแล้ว

แม่นางน้อยผู้นี้ยิ่งงดงามนัก!

แต่เหตุใดแม่นางน้อยถึงไม่มีความรู้สึกต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่า? ไม่ใช่สิ ไม่มีความรู้สึกต่อตี้ฝูอีที่เป็นอีกตัวตนหนึ่งของเทพศักดิ์สิทธิ์ ยามที่ถอนหมั้นนางเรียกได้ว่าว่องไวเฉียบขาด!

ทำให้มู่เฟิงที่สุขุมลุ่มลึกมาตลอดรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมต่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…

รู้สึกว่าแม่นางน้อยช่างไม่รู้ดีรู้ชั่ว ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำยิ่งนัก…

เรื่องที่แม่นางน้อยได้รับบาดเจ็บเดิมทีมู่เฟิงไม่คิดจะรายงานให้เทพศักดิ์สิทธิ์ทราบ แต่เทพศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นมาเอง เขาไม่กล้าโป้ปด ตอนนั้นจึงเอ่ยถึงเพียงเล็กน้อย

ผลคือหลังจากเทพศักดิ์สิทธิ์เงียบไปครู่หนึ่งก็สั่งการให้เขาเปลี่ยนฐานะเป็นทูตเจี่ยงซั่น แล้วไปถ่ายทอดโองการเทพศักดิ์สิทธิ์ที่โรงน้ำชาแห่งนั้นอีกครั้ง…

ภายในหนึ่งวันใช้สองฐานะร่อนไปร่อนมาในโรงน้ำชา มู่เฟิงรู้สึกว่าตนค่อนข้างโรคจิต และปวดหัวอยู่บ้าง

เพียงแต่ยามนี้เขาปวดหัวยิ่งกว่าเดิม เขาจะพากู้ซีจิ่วที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคุณสมบัติไม่เพียงพอไปเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อย่างไร!

พวกตาแก่ในสำนักชุมนุมสวรรค์เหล่านั้นหัวดื้อยิ่งนัก อีกทั้งยังจริงจังอย่างยิ่ง ไม่เคยเห็นแก่หน้าผู้ใดเลย บางครั้งต่อให้เขาใช้ฐานะทูตเจี่ยงซั่นไปจัดการธุระ หากไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ไม่สอดคล้องตามความต้องการ พวกเขาก็จะไม่เอาด้วยเด็ดขาด…

โดยเฉพาะกู่ฉานโม่อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่หยิ่งทะนงตรงไปตรงมาจนยิ่งน่าหวาดหวั่น ยามที่เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาก็ด่าทอทูตเจี่ยงซั่นเช่นเขาจนอับจนปัญญาได้…

แน่นอน การยัดกู้ซีจิ่วเข้าไปครั้งนี้เป็นโองการของเทพศักดิ์สิทธิ์โดยตรง ตาแก่พวกนั้นคงจะต่อต้านอย่างเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ แต่เกรงว่าในใจของพวกเขาจะไม่ยอมรับ ต่อหน้าเป็นอีกอย่าง ลับหลังเป็นอีกอย่าง โหดร้ายต่อแม่นางกู้ซีจิ่วผู้นี้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version