Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 485

บทที่ 485

ข้าจะทำให้พวกเขาเสียใจที่ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้! 2

เจ้าหอยยักษ์อ้าฝามองนาง มองใบหน้าเล็กๆ ที่เด็ดเดี่ยวทระนงของนาง พลันรู้สึกโล่งอก

เจ้านายเป็นบุคคลประเภทพบแข็งปะทะแข็ง นางไม่เคยทำให้คนต้องผิดหวังเลย!

“เจ้านาย…ข้าก็แค่ไม่อยากให้ท่านถูกรังแก พวกเขาใช้สายตาสุนัขดูแคลนผู้อื่น ดูถูกท่านชัดๆ…”

กู้ซีจิ่วกล่าวเรียบๆ “เจ้าหอยยักษ์ ถ้าอยากให้คนอื่นเห็นค่าเจ้า ก็ต้องอาศัยความสามารถของตนเข้าว่า”

โลกใบนี้โหดร้ายทารุณนัก เป็นการคัดสรรของธรรมชาติผู้ที่เหมาะสมถึงจะอยู่รอด ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีในโลกนี้ต่อไป ก็ต้องเข้มแข็งขึ้น! มีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะทำให้คนยอมรับเธออย่างแท้จริง ไม่กล้าดูถูกเธออีกต่อไป ไม่ข้าก็เร็วจะต้องมีสักวันที่เธอจะไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ ทุกชีวิตจะก้มหัวให้ ไม่ต้องถูกผู้ใดบงการอีก…

เธอปรบมือเบาๆ “เอาละ อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระเลย พวกเรามาเริ่มงานกันเถอะ!”

ในอดีตสมัยที่เธอเป็นนักฆ่า ได้รับการฝึกฝนภาคสนามไม่น้อย จะสร้างบ้านง่ายๆ สักหลังย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรง

น่าเสียดายที่กระโจมที่เธอสร้างขึ้นมาเองถูกตี้ฝูอีริบไป มิเช่นนั้นยามนี้เอาออกมากางที่นี่เสียก็จบแล้ว

เจ้าหอยยักษ์มองโขดหินขรุขระทั่วเนินเขา “เจ้านาย แล้วจะสร้างยังไง?”

กู้ซีจิ่วซัดฝ่ามือใส่โขดหินก้อนหนึ่ง เอียงฝ่ามือปาดเฉือน ประหนึ่งเฉือนเต้าหู้ เฉือนโขดหินที่ใหญ่โตจนกลายเป็นก้อนหินตัดเรียบประหนึ่งก้อนอิฐ

เมื่อเจ้าหอยยักษ์เห็นก็เข้าใจ เรื่องจัดการก้อนหิน มันถนัดที่สุด!

มันโคจรพลังวิญญาณทันทีกระเด้งกระดอนอยู่บนพื้นไม่กี่ครา โขดหินใหญ่นับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากดิน เจ้าหอยยักษ์ชันเปลือกขึ้น สาละวนปาดเฉือนโขดหินเหล่านั้นในคราวเดียว…

ท่ามกลางเศษหินที่ปลิวว่อน ก้อนหินใหญ่ที่คล้ายคลึงกับอิฐศิลาเขียวปรากฎขึ้นมาทีละก้อนๆ ตรงบริเวณที่มันตัดผ่าน

กู้ซีจิ่วมองดูก้อนหินที่ถูกตัดเฉือนด้วยฝาหอยอันคมกริบของเจ้าหอยยักษ์ สายตาเปล่งกายเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าเจ้าหอยยักษ์จะมีความสามารถเช่นนี้อยู่ด้วย เปลือกของมันเยี่ยมยอดกว่ามีดที่ทำจากโคตรเพชรเสียอีก!

ในเมื่อเจ้าหอยยักษ์จัดการเรื่องหินแล้ว กู้ซีจิ่วจึงนำก้อนหินเหล่านั้นมาก่อเข้าด้วยกันทันที…

ยามนี้หนึ่งคนหนึ่งหอยเข้าขากันเป็นอย่างดี

เจ้าลู่อู๋ที่อยู่ด้านข้างไม่มีช่องให้สอดมือเข้าไปเลยจึงค่อนข้างไม่พอใจ กระโดดโลดเต้นร้องแง้วๆ อยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว

งานยุ่งวุ่นวายถึงเพียงนี้ สถานที่แห่งนี้ย่อมมีฝุ่นธุลีมากมาย ขนสีม่วงอันงดงามของเจ้าลู่อู๋แทบจะถูกย้อมจนกลายเป็นขนสีเหลีอง ฝุ่นธุลีคละคลุ้งเกินไป มันจึงจามเป็นการใหญ่

กู้ซีจิ่วเอียงคอมองมัน น้ำตามันคลอทันที หางทั้งเก้าพันข้อมือเธอ มองเธอตาแป๋ว

กู้ซีจิ่วลูบหัวมันเบาๆ “เด็กดี เล่นตัวเดียวไปก่อนนะ รอข้าสร้างบ้านเสร็จจะอาบนํ้าให้เจ้า”

ด้วยเหตุนี้เจ้าลู่อู๋จึงต้องไปเล่นตัวเดียว…

ยามที่คนยุ่งสาละวนขึ้นมา เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่งเสมอ ไม่ทันได้รู้เนี้อรู้ตัวก็ผ่านพ้นไปหนึ่งวันแล้ว

ดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ดวงจันทราขึ้นมาฉายแสง

กระท่อมศิลาเขียวของกู้ซีจิ่วก็เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว โครงสร้างหลักก็ก่อเสร็จแล้ว แม้กระทั่งกองไม้ผุพังเหล่านั้นก็มีประโยชน์ ถูกเธอซ่อมแซมจนกลายเป็นโครงหลังคา ไม้ท่อนที่ใหญ่และหนาที่สุดทำเป็นขื่อคานได้พอดี…

วัชพืชก็ถูกเธอเก็บเกี่ยวมา สานเป็นตับๆ มุงลงบนหลังคาตามลำดับ กลายเป็นหลังคามุงจาก

ยามที่กู้ซีจิ่วยุ่งวุ่นวายอยู่กับงาน บางครั้งก็มีศิษย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เดินผ่านมาทางนี้ บ้างก็ยืนมุงดู บ้างก็ทำเป็นมองไม่เห็น บ้างก็ยืนอยู่ไกลๆ แล้วชี้ไม้ชี้มือมาทางนี้ แต่ไม่มีสักคนที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ…

กู้ซีจิ่วยังได้พวกเขาพูดซุบซิบนินทาอยู่หลายประโยคด้วย

ดูเหมือนฐานะศิษย์ที่เข้ามาด้วยเส้นสายของเธอในวันนี้จะแพร่กระจายไปทั่วสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้ว

เธอกลายเป็นของหายากของที่นี่ใปซะแล้ว ถูกคนมุงดู ชี้ไม้ชี้มือ…

มีเสียงนินทาเหล่านี้อยู่ไม่ขาดปาก

“ศิษย์’ที่เข้ามาด้วยเส้นสายก็คือนาง มองไม่ออกเลยว่าโดดเด่นตรงไหน เหตุใดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงรับนางเป็นศิษย์กันนะ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version