บทที่ 486
ข้าจะทำให้พวกเขาเสียใจที่ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้! 3
“ไม่โดดเด่นเลยจริงๆ ดูเหมือนพลังวิญญาณของนางมากสุดก็แค่ขั้นห้า เด็กรับใช้ที่คอยส่งน้ำชงชาให้พวกเราที่ที่ก็ไม่ด้อยไปกว่านางเลย”
ยังมีบางที่ช่วยชี้แจงเหตุผลให้นาง “พวกเจ้าจะกล่าวเช่นนี้ไม่ได้ ได้ยินว่าเมื่อก่อนนางเป็นสวะไร้พลัง แต่พลังวิญญาณของนางกลับบรรลุถึงขั้นห้าภายในระยะเวลาครึ่งปี บนโลกนี้ยังไม่มีผู้ใดที่ฝ่าทะลวง ขั้นได้รวดเร็วเช่นนางเลย นางก็ยังมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ”
แล้วก็มีบางคนเย้ยหยันเขา “เจ้าพูดเหมือนคนทั่วไปเลยนะ ทุกคนล้วนทราบกันดี ช่วงต้นของการฝึกฝนพลังวิญญาณล้วนฝ่าทะลวงได้อย่างรวดเร็วยิ่ง อีกทั้งนางมีท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ชี้แนะให้ในความ ฝัน ดังนั้นการที่นางบรรลุขั้นห้าในระยะเวลาครึ่งปีก็ไม่นับว่าแปลกประหลาดเกินไป ในบรรดาพวกเรามีคนที่กำเนิดมาก็บรรลุพลังวิญญาณขั้นหกขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ…”
“ใช่แล้ว เพียงแต่ได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้นางได้พบเรื่องอัศจรรย์มากมาย เจ้าสำนักถามสวรรค์ก็ให้ความสำคัญกับนางเป็นพิเศษ เคยซิงตัวนางไป…พวกเจ้าว่าเจ้าสำนักหลงได้มอบยาวิเศษที่ช่วยให้วรยุทธ์พัฒนาอย่างรวดเร็วอะไรทำนองนั้นให้นางกินหรือไม่? ดูเหมือนพลังวิญญาณของนางตอนที่ยังไม่ถูกเจ้าสำนักหลงพาตัวไปจะอยู่ที่ขั้นสองเท่านั้น…”
“นี่ก็ไม่แน่ ถึงอย่างไรเจ้าสำนักหลงก็มียาวิเศษอยู่มากมาย”
“ดูเหมือนนางก็แค่วาสนาดีสินะ หากว่าพวกเราวาสนาดีเช่นนาง ไม่แน่ยามนี้อาจจะฝึกฝนจนบรรลุขั้นเก้าไปแล้ว…”
“ใช่แล้ว ท้ายที่สุดแล้วนางก็แค่วาสนาดีเท่านั้น”
ติฉิน นินทา ซุบซิบ กังขา…
ทุกคนล้วนรู้สึกเกลียดชังศิษย์ที่ใช้เส้นสายเข้ามาตามสัญชาตญาณ ยามนี้เมื่อได้เห็นกู้ซีจิ่วตกระกำลำบากคนส่วนมากต่างยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น รู้สึกว่านี่คือกรรมตามสนองนาง
ยามที่พวกเขาสนทนากันเสียงมิได้ดังนัก อีกทั้งยังอยู่ค่อนข้างไกล แต่กู้ซีจิ่วก็ยังได้ยินบทสนทนาอย่างชัดเจน
ถ้อยคำโจมตีที่คนส่วนใหญ่สนทนากันเองกู้ซีจิ่วล้วนทำเป็นไม่ได้ยิน เธอคร้านจะแยแส
บางเรื่องยิ่งอธิบายก็ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งอธิบายก็ยิ่งเสื่อมเสีย มิสู้ไม่อธิบายไปเลยดีกว่า ภายภาคหน้าค่อยอาศัยความสามารถพิสูจน์ตน
พวกเขาก็สนทนาอยู่ไกลๆ ของพวกเขาไป เธอก็สร้างบ้านของตนอยู่ที่นี่ไป แค่ทำเป็นไม่ได้ยินก็พอ
ด้วยความเร็วในการก่อสร้างเช่นนี้ของเธอ อีกประมาณชั่วยามกว่าๆ เธอก็น่าจะสร้างเสร็จแล้ว คืนนี้ก็มีที่บังลมคุ้มฝนแล้ว
สภาพอากาศของที่นี่ค่อนข้างประหลาด ส่วนใหญ่กลางวันอากาศจะแจ่มใส พอถึงยามค่ำจะมีฝนตกหนัก อุณหภูมิลดต่ำกะทันหัน อุณหภูมิตอนกลางวันอยู่ที่ประมาณ 20 องศา พอตกเย็นจะลดตํ่าถึง 1 หรือ 2 องศา มีความเป็นไปได้ที่จะลดต่ำลงไปมากกว่า 0 องศา
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะถือสาหาความกับคนที่ติฉินนินทาเหล่านั้น แต่ก็มีบางคนที่ชอบแส่หาเรื่อง ปราดเข้ามายั่วยุท้าทายเบื้องหน้าเธอ
“เร่เข้ามา สร้างบ้านของตัวเองตรงนี้ได้เลย”
เสียงแหบห้าวที่อยู่ในช่วงแตกหนุ่มดังอยู่เหนือศีรษะกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วเงยหน้าเหลือบมองแวบหนึ่ง เด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า ดูแล้วอายุน่าจะห่างจากเธอไม่เท่าไหร่ อายุประมาณ 13-14 ใบหน้าอ่อนเยาว์พริ้มเพราะยิ่งนัก ตาโตสองชั้น แต่หางคิ้วทั้งสองเฉียงขึ้นแสดงให้เห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มหัวรั้น ไม่ควรไปยุ่งด้วย
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาหยิบศิลาเขียวก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อต่อเติมให้ดี
“นี่ พี่ชายผู้นี้พูดกับเจ้าอยู่นะ! ไม่ได้ยินหรือไง? หูหนวกรึ?” เด็กหนุ่มอวดดีคนนั้นขวางทางเธอไว้
ก่อนหน้านี้กู้ซีจิ่วเพียงคร้านจะใส่ใจผู้อื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมเป็นกระสอบทรายรองรับอารมณ์ของคนที่นี่ เมื่อเห็นกันอยู่ชัดเจนว่าคนประเภทนี้จงใจมาหาเรื่องถึงหน้าประตูเธอย่อมไม่เกรง อกเกรงใจ
“ตัวเจ้ามีตาแต่มองไม่เห็นสินะ? ตาบอดหรือ?” กู้ซีจิ่วย่ำเท้าสลับกันไปมาทันที ระหว่างที่สายตาเด็กหนุ่มผู้นั้นพร่าเลือน กู้ซีจิ่วก็เลี่ยงเขาไปได้อย่างง่ายดาย เข้ากระท่อมไปแล้ว
เด็กหนุ่มผู้นั้นพูดไม่ออก
เขาก็เป็นยอดฝีมือเช่นกัน ทว่ามองไม่ออกเลยว่าที่แท้เด็กสาวผู้นี้เลี่ยงผ่านเข้าไปได้อย่างไร! เขาปิดกั้นเส้นทางล่าถอยทั้งหมดของนางเอาไว้แล้วชัดๆ!