Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 492

บทที่ 492

โอหังและอคติ 4

กู้ซีจิ่วยังไม่ทันพูดอะไร เป็นเจ้าหอยยักษ์ที่ทนไม่ได้เสียก่อน! มันยังรอกินเนื้ออยู่นะ นังหนูผู้นี้ดันมาส่งเสียงเหมือนนกกระจิบร้องจิ๊บๆ ชวนให้คนรำคาญอยู่ตรงนี้

“เด็กสาวอัปลักษณ์เจ้าหุบปากซะ! ขืนยังโวยวายอีกข้าผู้เฒ่าจะเขมือบเจ้าซะ!” เจ้าหอยยักษ์เดือดดาล

วาจานี้ดั่งเหยียบเท้าเด็กสาวนางนั้นจนเจ็บปวด นางเดือดดาลขึ้นมาทันที แสงดาบที่คุโชนสายหนึ่งฟันใส่เจ้าหอยยักษ์’ “อย่างเจ้า นับว่าเป็นตัวอันใดกัน?’!”

เจ้าหอยยักษ์คิดไม่ถึงว่านางจะลงมือฉับพลัน หลบไม่ทันแล้ว จึงรีบหุบฝาทันที ดาบนั้นฟันลงเปลือกหอยของมัน เจ้าหอยยักษ์นิ่งสนิท แม้แต่รอยขูดขีดก็ไม่หลงเหลืออยู่บนเปลือกหอย

อันที่จริงคมดาบนี้ของเด็กสาวทรงอานุภาพนัก ต่อให้เป็นเปลือกหอยที่ทำมาจากโคตรเพชรก็สามารถฟันขาดได้ แต่นึกไม่ถึงว่าเปลือกของเจ้าหอยยักษ์ตัวนี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้! จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ

ถึงเจ้าหอยยักษ์จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มันมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว!

มันเป็นฝ่ายที่ลงมือกับผู้อื่นมาโดยตลอด ถึงตาที่ผู้อื่นลงมือกับมันได้ตั้งแต่ยามใดกัน?

ซ้ำยังฟันเปลือกหอยที่แสนลํ้าค่าของมันด้วย!

มันอ้าฝาออกทันที พ่นควันสีดำใส่หน้าเด็กสาวนางนั้น…

ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงได้ชมฉากอันน่าตื่นตา

เด็กสาวนางนั้นยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนโง่งมไปแล้ว แน่นิ่งไป แต่การแสดงออกของสีหน้ากลับหลากหลายยิ่งนัก ประเดี๋ยวฉงน ประเดี๋ยวคับแค้น ประเดี๋ยวตระหนกยินดี ประเดี๋ยวหวาดกลัว…

เห็นได้ชัดว่านางตกอยู่ในฝันร้ายที่เป็นผลจากพิษมายาหลอนลวงของเจ้าหอยยักษ์’แล้ว!

อีกทั้งนางยังละเมอออกมาด้วย “เยี่ยนเฉิน เจ้า…เจ้ามารับข้าหรือ? ที่นี่คือที่ไหน?”

“เยี่ยนเฉิน เจ้า…เจ้าไม่ยุติธรรมกับข้าเลย…ตัวเจ้านอกจากจะดูดีอยู่บ้าง อย่างอื่นล้วนไม่ได้ความ วรยุทธ์เจ้าก็เทียบข้าไม่ได้”

“เหอะ อวิ๋นซิงหลัว เจ้าอย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ ที่เจ้าอยู่กับข้าเพราะคิดจะใช้ข้าขับเน้นความงามของเจ้าล่ะสิ! เจ้านึกว่าข้าไม่รู้สินะว่าในใจเจ้าคิดสกปรกอันใดอยู่? คิดว่าข้าโง่งมจริงๆ สินะ? ที่ข้ามักจะอยู่กับเจ้าก็เป็นเพราะอยากจะได้ความสนใจมากขึ้นหน่อยเท่านั้น ทำให้เยี่ยนเฉินมองเห็นข้า…”

อวิ๋นซิงหลัวที่ยืนชมอยู่ด้านข้างเดิมทีจรดนิ้วเตรียมจะทำอะไรบางอย่าง แต่เมื่อได้ยินวาจาของเด็กสาวนางนั้นก็ตะลึงงัน สายตาเยียบเย็น นิ้วที่จรดเตรียมร่ายวิชาก็ปล่อยลง

ละมั่งในมือกู้ซีจิ่วเกือบจะได้ที่แล้ว ขณะนี้ย่างอยู่บนกองไฟ

เธอเหลือบมองเด็กสาวนางนั้นแวบหนึ่ง ที่แท้เด็กสาวผู้นี้ก็มิได้เต็มใจเป็นตัวประกอบให้อวิ๋นซิงหลัว เพียงแต่อยากได้ความสนใจจากคนที่หมายปองสักหน่อยเท่านั้น

แต่ยิ่งนางทำเช่นนี้ ก็ยิ่งยากที่จะได้รับความรู้สึกดีๆ จากคนที่ตนหมายปอง

มีอวิ๋นซิงหลัวที่งดงามเฉกเช่นมุกหยกอยู่เบื้องหน้า แล้วผู้ใดจะชมชอบตัวประกอบที่อยู่ด้านหลังเช่นนางเล่า?

เยี่ยนเฉิน กู้ซีจิ่วรู้จักคนผู้นี้

บุคคลโดดเด่นในชั้นปีที่ 2 ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ มีรากฐานวิญญาณอันหายาก…รากฐานวิญญาณธาตุสายฟ้า

อีกทั้งถือกำเนิดมาก็บรรลุขั้นหกตอนกลางแล้ว ฝึกฝนอยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์สามปี รากฐานวิญญาณธาตุสายฟ้าก็บรรลุถึงขั้นเจ็ดตอนกลาง กล่าวกันว่าเพียงยกมือก็สามารถเรียกอัสนีศักดิ์สิทธิ์ลงมาผ่าขุนเขาได้แล้ว…

พรสวรรค์น่าตกตะลึง อีกทั้งยังตั้งใจร่ำเรียน ร่ำลือกันว่ารูปโฉมหล่อเหลาเป็นหนึ่งมิมีสอง บุคคลเช่นนี้ย่อมโดดเด่นที่สุดในสำนักศึกษา ในสายตาเหล่าศิษย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ตัวตนของเขาเทียบได้กับสานุศิษย์สวรรค์ และเป็นยอดบุรุษในดวงใจของศิษย์หญิงในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ด้วย

กู้ซีจิ่วพลิกละมั่งที่อยู่บนกองไฟ ทาซีอิ๊วลงไป

จากนั้นก็มองเด็กสาวผู้นั้นอีกแวบหนึ่ง เด็กสาวกำลังร่ายความผิดของอวิ๋นซิงหลัวออกมาทีละข้อๆ ยกตัวอย่างเช่นเสแสร้งเก่งเป็นพิเศษ ทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์หลุดพันจากโลกโลกีย์ ความจริงแล้วภายในต่ำทรามนัก จงใจดึงดูดความสนใจเหล่าศิษย์ชาย ทว่าไม่ปล่อยให้เหล่าศิษย์ชายได้สมหวัง เพียงหลอกล่อให้คนเกิดความปรารถนา…

แรกเริ่มอวิ๋นซิงหลัวทำทีคล้ายว่าไม่เก็บมาใส่ใจ ภายหลังใบหน้าเพริศพริ้งกลับไม่น่ามองแล้ว!

ก้าวเข้ามาโดยพลัน จรดนิ้วร่ายคาถา แสงสีเหลืองจางๆ รวมตัวกันที่ปลายนิ้วของนาง ราวกับต้องการจะโจมตีใส่เจ้าหอยยักษ์…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version