บทที่ 542
ลอบโจมตี 4
ทันใดนั้นแขนก็เจ็บแปลบขึ้นมา! ราวกับถูกอะไรบางอย่างหนีบกะทันทัน ความเจ็บนี้ทำให้เธอตื่นขึ้นมาเติมตาพร้อมหยาดเหงื่อชุ่มโชกเต็มหน้า
เมื่อลืมตาขึ้นก็มองเห็นเจ้าหอยยักษ์ตัวนั้น
“เจ้านาย! ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว!” หนูน้อยในหอยท้าวเอวมองเธอ “ขืนท่านยังไม่ตื่นอีกข้าจะหนีบแขนท่านให้ขาดเลย!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก ที่แท้เธอตื่นจากฝันร้ายเพราะถูกเจ้าหอยยักษ์ตัวนี้หนีบแขนจนตื่นนี่เอง!
เธอปวดแขนยิ่งนัก ดูเหมือนเจ้าหอยยักษ์จะหนีบอย่างไม่ออมแรงเลย สีหน้ากู้ซีจิ่วอึมครึม เธอก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น เจ้าหอยยักษ์ใช้วิธีรุนแรงเช่นนี้ปลุกเธอมันคุ้มกันแล้วหรือ?
ไม่ถูกสิ ปกติแล้วเธอจะเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่หลับเป็นตายแบบนี้ ครั้งนี้เป็นอะไร?
เธอมองไปที่เจ้าหอยยักษ์ เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาโอหังอยู่ตรงนั้น “มารดามันเถอะ มีคนกล้าใช้วิชาม่านฝันมายาต่อหน้าต่อตาข้าผู้ เฒ่า ตาคงบอดไปแล้วจริงๆ! ข้าผู้เฒ่าเชี่ยวชาญการทำลายวิชานี้ที่สุด”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง “วิชาม่านฝันมายา?
“ใช่แล้ว เจ้านายท่านเกือบถูกคนใช้วิชาม่านฝันมายาควบคุมเสียแล้ว! โชคดีที่ข้าฉลาดลํ้าเลิศพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ รีบทำลายวิชาม่านฝันมายานั้นด้วยการปลุกท่านให้ตื่น”
ที่แท้ความฝันนั้นคือวิชาม่านฝันมายาหรือ? และมิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง…
กู้ซีจิ่วเช็ดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผาก ในใจมิทราบว่ายินดีหรือผิดหวังกันแน่
กู้ซีจิ่วเหล่มองเจ้าหอยตัวนี้แวบหนึ่ง “วิธีทำลายของเจ้าก็คือใช้ฝาหอยหนีบข้า?”
เจ้าหอยยักษ์เอ่ยอย่างเต็มภาคภูมิ “ข้าเคยปลุกท่านด้วยเสียงแล้ว แต่ท่านหลับเหมือนหมูเรียกยังไงก็ไม่ตื่น ข้าจึงทำได้เพียงใช้ฝาหนีบท่าน ท่านอย่าดูแคลนฝาหอยของข้าเชียวนา ความสามารถของมันก็คือมีสรรพคุณคลายวิชามายาได้…”
กู้ซีจิ่วโดดลงจากเตียง ลองขยับแขนดู
เจ็บจริงๆ! เธอคาดว่าส่วนที่ถูกหนีบน่าจะฟกช้ำแล้ว
เพียงแต่ยามนี้กู้ซีจิ่วมิสนใจเรื่องนี้ เธอข้องใจเรื่องหนึ่งมาก เธออยู่ในสถานที่อันเรียกได้ว่าปลอดภัยที่สุดในโลก เป็นใครกันที่สามารถใช้วิชาฝันมายาอะไรนี่ควบคุมเธอโดยที่ไม่มีใครเห็นได้?
เธอเงี่ยหูฟัง เสียงลมฝนด้านนอกยังคงดังอยู่เช่นเดิม แต่ท่ามกลางเสียงลมฝนคล้ายจะมีเสียงประหลาดอยู่บ้าง…
ถึงขั้นสามารถสัมผัสถึงไอหยินอันเยียบเย็นสายหนึ่งได้รางๆ ลอดผ่านของหน้าต่างเข้ามา
หัวใจกู้ซีจิ่ววูบไหวแวบหนึ่ง พุ่งผ่านหน้าต่างออกไป
ไอหยินด้านนอกเข้มข้นยิ่งกว่า แม้กระทั่งสายฝนก็มีไอหยินเยียบเย็นแฝงอยู่ เมื่อกระทบร่างกายจะทำให้คนหนาวสะท้านไปถึงกระดูก
เคราะห์ดีที่ยามนี้พลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วบรรลุขั้นห้าแล้ว จึงใช้พลังวิญญาณคุ้มกายทันที สายฝนที่โปรยปรายลงจากฟ้ายังไม่ทันหยดลงบนศีรษะเธอก็แหวกออกด้วยตัวเอง ไม่ร่วงลงบนร่างเธอเลยสักหยด
สถานที่พำนักของเธอคือเรือนหลัง กำแพงเรือนสูงใหญ่ บนกำแพงยังมีอาคมที่ซับซ้อนอยู่ด้วย ยามที่สายฝนร่วงลงมาคล้ายจะปะทะกับสิ่งกีดขวางกลางอากาศเหนือกำแพง กระเซ็นลงไปด้านล่าง สายฝนมิได้สาดลงบนกำแพงเลย
เสียงประหลาดอันเลือนรางดังลอดเข้ามาจากด้านนอกกำแพง คล้ายจะเป็นเสียงต่อสู้
กู้ซีจิ่วเป็นคนขวัญกล้า พลิ้วกายขึ้นไปทันที ร่อนลงบนกำแพง ก่อนมองไปทางด้านนอก ผงะไปเล็กน้อย
ด้านนอกมีคนชุดขาวหน้าตาบูดเบี้ยวกลุ่มหนึ่งกำลังโจมตีด้านนี้อยู่ คนชุดขาวเหล่านี้รูปลักษณ์พิกลนัก
เครื่องหน้าดั่งใช้พู่กันวาดเอา ใบหน้าขาวเผือดเช่นเดียวกับเสื้อผ้า มือเท้าอ่อนปวกเปียก บิดได้ตามใจชอบเสมือนงู…
วรยุทธ์ของคนชุดขาวเหล่านี้ก็ประหลาดแถมยังไม่ต่ำต้อยอีกด้วย ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้นคือพวกเขาโจมตีอย่างเงียบเชียบ ต่อให้คนของพวกเขาถูกขัดขวางด้วยการฟันขาดเป็นสองท่อน พวกเขาก็ไม่มีเลือดไหล และไม่กรีดร้อง เพียงแค่มุ่งหน้าไปอย่างห้าวหาญ เดินหน้าต่อ!
ผู้ที่ขัดขวางพวกเขาคือทูตเฉิงเอ้อ…
ยามนี้เองกู้ซีจิ่วถึงได้ประจักษ์แจ้งในวรยุทธ์ของทูตเฉิงเอ้อผู้นี้