Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 637

ตอนที่ 637 ดูเหมือนว่าหนนี้…จะทำเกินไปหน่อย

เมื่อรับสัญญากู้ยืมมาแล้ว หันหลังลอยชายลากหอยของบ้านตนกลับไป

เจ้าหอยยักษ์กินอิ่มเกินไป ตอนนี้แม้แต่ฝาก็ปิดไม่สนิทแล้ว คลานไปตามพื้นทีละก้าวๆ และเปลี่ยนร่างให้เล็กลงไม่ได้ มันมีความสุขมาก ระหว่างทางก็วางแผนในอนาคตกับกู้ซีจิ่วไปด้วย “เจ้านาย ต่อไปท่านพยายามทำให้เจ้าทึ่มคนนี้เชิญไปเป็นแขกอีกสิ เขาใจกว้างยิ่งนัก เป็นครั้งแรกที่ข้าได้กินจนพอใจขนาดนี้”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

กู้ซีจิ่วคิดว่าการทำให้เยี่ยนเฉินเชิญไปเป็นแขกอีกครั้ง ในภายภาคหน้าเกรงว่าจะยากเย็นยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก

เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาที่อึดอัดจนแดงกํ่าปานกวนอูของเยี่ยนเฉินยามมีเงินไม่พอจ่ายเมื่อครู่นี้ จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกสึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหนนี้…จะทำเกินไปหน่อย

สำหรับ เยี่ยนเฉินแล้ว นี่คือบทเรียนราคาแพง ภายหน้ายามที่เยี่ยนเฉินต้องเชิญกู้ซีจิ่วมาเป็นแขกอีก เขาจะบอกกล่าวล่วงหน้าประโยคหนึ่งว่า คนกินได้ตามสบาย แต่หอยกินไม่ได้

การที่เขาเชิญกู้ซีจิ่วมาหนนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่น ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ไม่หาเรื่องเขาอีกต่อไป ยามล่าสัตว์ เก็บสมุนไพร ก็ไม่ส่งลู่อู๋น้อยคอยตามก่อกวนเขาอีก ในที่สุดเขาก็สามารถล่าสัตว์ เก็บสมุนไพร ได้ตามปกติแล้ว

….

เรื่องที่พวกกู้ซีจิ่วทั้งสามคนจับกลุ่มกันพลิกสถานการณ์กวาดล้างทั้งชั้นเรียนเมฆาคล้อยย่อมทำให้เบื้องบนตกตะลึง

ตอนที่กู่ฉานโม่ได้ยินเรื่องนี้ในคืนนั้น เขารู้สึกแปลกใหม่ยิ่ง แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร ถึงอย่างไรศิษย์ในชั้นเรียนเมฆาคล้อยก็เป็นศิษย์ตกชั้นทั้งนั้น

ส่วนเชียนหลิงอวี่ก็สมควรเป็นศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาม่วงได้แล้ว มีเขารวมอยู่ในนั้น ผสานกับความสามารถในการพลิกแพลงสถานการณ์ของกู้ซีจิ่ว สามรถเอาชนะในชั้นเรียนเมฆาคล้อยได้สักสองสามตาก็ไม่นับว่าแปลกเกินไป ส่วนหลานไว่หู ขอเพียงนางไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาคนในกลุ่มก็พอแล้ว…

ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ แต่ยามที่จับกลุ่มสู้ครั้งถัดไป เขาก็ตั้งใจไปดูเป็นพิเศษครั้งหนึ่ง ผลคือ ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตามองโลก!

การจับกลุ่มสู้ครั้งนี้พวกกู้ซีจิ่วทั้งสามประสานงานเข้าขากันยิ่ง แม้แต่หลานไว่หูก็มีบทบาทสำคัญในกลุ่มด้วย มิได้เป็นเพียงแจกันประดับใบหนึ่ง

ถึงแม้หลานไว่หูมีแค่ห้ากระบวนท่า แต่เมื่อนำห้ากระบวนท่านี้มาประสานเข้ากับพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองก็จะทรงอานุภาพนัก ทุกครั้งที่จับกลุ่มสู้ หลานไว่หูมักจะลงมือเป็นคนแรกเสมอ พ่นนํ้าสายหนึ่งใส่ผู้ฝึกฝนธาตุไฟของอีกฝ่ายก่อน ทำให้อีกฝ่ายเพิ่งจะลงมือก็ต้องชะงักแล้ว

หากผู้ฝึกฝนธาตุดินของอีกฝ่ายก่อกำแพงดินมาต้านรับสายนํ้าได้ทันกาล เชียนหลิงอวี่ก็จะลงมือทันที ใช้เถาวัลย์หยั่งรากชอนไชกำแพงดินของอีกฝ่าย ทั้งงัด ทั้งดึง ทำให้กำแพงดินของอีกฝ่ายคลายตัว จากนั้นสายนํ้าของหลานไว่หู่พุ่งใส่อีกครั้ง พังทลายทันที ทำให้อีกฝ่ายมีหลายคนเปียกโชกเหมือนไก่ตกหม้อแกง

เชียนหลิงอวี่อาศัยจังหวะนี้ซัดลูกไฟขนาดใหญ่เข้าไป แล้วกู้ซีจิ่วก็ใช้พายุหมุนพัดโหม ทำให้ลูกไฟขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่าในชั่วพริบตา

หลังจากโดนกระบวนท่านี้ซํ้าๆ ร่างกายของอีกฝ่ายเดี๋ยวเปียกนํ้า เดี๋ยวไฟลน ทั้งหมดก็ล้มพับไป

ยามนั้นกู่ฉานโม่ยังคงอยู่ในช่วงรับทัณฑ์ทรมาน ทำให้ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอยิ่ง ทุกครั้งที่รับโทษร่างกายเขาจะสูญเสียนํ้าเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นริมฝีปากเขาจึงแตกเป็นขุยอยู่ตลอด หนวดเคราก็แห้งแข็งปานต้นหูหยาง(ต้นป็อปล่าร์) ดูน่าเวทนามาก หากมิใช่เพราะสนใจใคร่รู้ในการจับกลุ่มนี้จริงๆ เขาคงไม่คิดจะออกมา

เขาเฝ้าดูอยู่ตลอด หลังจากจบการแข่งขัน เขาก็เรียกทั้งสามออกมาพร้อมกัน เอ่ยชมเชยก่อนเป็นอันดับแรก แล้วกล่าวให้กำลัง ใจอีกหลายประโยค คำพูดเหล่านี้เขากล่าวอย่างปีติยินดีนัก

กู้ซีจิ่วฟังเขาร่ายอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็เอ่ยเตือนเขาประโยคหนึ่ง “ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าคำพูดให้กำลังใจไม่อาจปลุกเร้าจิตใจคนให้ฮึกเหิมได้จริงๆ มิสู้มอบรางวัลให้ดีกว่าถึงจะเข้าท่าจริงๆ”

อาจารย์ใหญ่กู่คิดๆ ไปก็ว่าถูก จึงให้รางวัลเป็นหินวิญญาณคนละหนึ่งร้อยก้อน

เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นว่าสีหน้าเขาหมองคลํ้าหมดสง่าราศีโดยแท้ ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย หยิบขวดยาใบหนึ่งออกมาจากร่างแล้วยื่นให้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version