Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 653

บทที่ 653 มารดามันเถอะ เธอไม่ได้อกหักจริงๆ

โว้ยยย!

เยี่ยนเฉินนิ่งงัน

หาได้ยากนักที่เขาจะไม่ตอบโต้กลับ

เยี่ยนเฉินพูดจามากมายปานนี้ในคราวเดียวก็พบเห็นได้ยากนัก ดูเหมือนเขาจะนึกว่าเธอผิดหวังมากและต้องการปลอบใจเธอจริงๆ

จุ๊ๆ ถึงแม้ว่าคำปลอบใจนี้จะไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม…

กู้ซีจิ่วมองเขา ตัดสินใจจะอาศัยจังหวะช่วงที่เขาใจอ่อนอย่างที่พบเห็นได้ยากนี้หลอกถามข้อมูลเล็กน้อย “ใช่แล้ว เจ้ารู้บ้างไหมว่ากระบวนยุทธ์ที่กลุ่มของอวิ๋นชิงหลัวใช้มีอะไรบ้าง? แล้วเป็นธาตุอะไรกัน? มาๆ คุยกับข้าหน่อย ข้าจะใช้เรื่องนี้เบี่ยงเบนความสนใจสักหน่อย”

เยี่ยนเฉินอับจนวาจาโดยแท้ เพียงแต่รู้สึกวางใจแล้ว ดูเหมือนกู้ซีจิ่วจะวิ่งออกมาศึกษากลยุทธ์จริงๆ

เขาซื่อสัตย์เที่ยงธรรมจึงตอบไปว่า “ด้วยฐานะหนึ่งในผู้ตัดสินของการประลองในอีกสามวันให้หลัง ข้าไม่อาจเปิดเผยความลับของกลุ่มใดได้”

กู้ซีจิ่วร้องเหอะคราหนึ่ง เพียงแต่ก็ไม่เหนือไปจากความคาดหมาย เยี่ยนเฉินกระทำการใดล้วนซื่อตรง ชัดเจน ยุติธรรมยิ่งนักมาโดยตลอด มิเช่นนั้นเขาที่เป็นศิษย์คนหนึ่งคงไม่ได้รับหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินครั้งนี้

เยี่ยนเฉินมองใบหน้าด้านข้างของนาง ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “กู้ซีจิ่ว ข้ารู้สึกว่าความจริงแล้วต่อให้เจ้าไม่อาศัยชื่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความสามารถของตัวเจ้าเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอจะท่องทั่วใต้หล้าอย่างยอดเยี่ยมได้แล้ว”

กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ เอ่ยตอบ “เรื่องนั้นยังต้องพูดอีกหรือ?”

อันที่จริงนอกการการอ้างชื่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนยั่วโมโหคนแล้ว ยามอื่นล้วนเป็นการอาศัยความสามารถของตนทั้งสิ้น

นับตั้งแต่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จากไป และหลังจากที่ทูตส่างซั่นถ่ายทอดวาจาเหล่านั้นแก่เธอ เมื่อเธออยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ไม่เคยเอ่ยถึงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อีกเลยสักคำ

เยี่ยนเฉินเงียบไปอีกครู่หนึ่ง สายตาที่มองกู้ซีจิ่วค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย “กู้ซีจิ่ว อันที่จริงเจ้ามีเสน่ห์ดึงดูดมาก รูปโฉมดี ฝีมือลํ้าเลิศ มีเอกลักษณ์ เท่าที่ข้ารู้ ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ของพวกเรามีสหายร่วมสำนักไม่น้อยที่ ชื่นชอบเจ้ามาก…”

“แล้วอย่างไร?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว น้อยนักที่เยี่ยนเฉินจะชมเธอแถมยังชมเสียยืดยาวเช่นนี้

“ดังนั้น…ต่อให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ชอบเจ้าแล้วไปชอบคนอื่น เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจถึงเพียงนี้ เรื่องนี้…แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา…”

เวรเอ้ย! ไม่จบไม่สิ้นเสียที!

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร แต่พอคนพวกนี้พูดเข้าๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะอกแตกแล้ว หรือบนหน้าผากเธอจะแปะป้าย สตรีอกตรมไว้?

มารดามันเถอะ เธอไม่ได้อกหักจริงๆ โว้ยยย!

เมื่อกู้ซีจิ่วโกรธมากๆ ผลลัพธ์ก็ร้ายแรงมาก เธอไม่รอให้เขาพูดจบก็พุ่งเข้ากระโดดถีบเขาให้ตกลงไป!

เยี่ยนเฉินไม่เคยนึกเลยว่าคนปลอบจะสามารถปลอบจนเกิดภัยได้เช่นกัน เด็กสาวผู้นี้ลงมือว่องไวเกินไป แถมเขายังไม่ได้ระวังเลย กว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ตัวคนก็พุ่งดิ่งปานดาวหางแล้ว…

สีหน้าเขาดำทะมึน ด้วยวรยุทธ์ของเขาต่อให้ตกจากหน้าผาก็ย่อมไม่ร่วงลงไปจริงๆ ดังนั้นพอตกลงไปได้ไม่ถึงห้าวินาที เขาก็เหินกายขึ้นมาด้านบนอีกครั้ง หลังจากร่อนลงพื้นก็พบว่ากู้ซีจิ่วยังไม่จากไป นางยังคงยืนอยู่ไม่ไกล ยิ้มละไมจ้องมองเขา

“เจ้า…เจ้าไม่ได้เคลื่อนย้ายจากไป…” เยี่ยนเฉินโกรธจัด และค่อนข้างประหลาดใจ เด็กสาวผู้นี้ไม่กลัวว่าพอเขาขึ้นมาแล้ว จะเอาคืนนางหรือ?

กู้ซีจิ่วยิ้มหวาน “เยี่ยนเฉิน ขออภัยด้วย ไม่ทันระวัง ทำเจ้าตกลงไปเสียแล้ว”

เยี่ยนเฉินพูดไม่ออก เห็นกันอยู่ชัดๆ มิใช่หรือว่านางตั้งใจ

“เยี่ยนเฉิน จำไว้ว่าในอีกสามวันให้หลัง อย่าได้ใช้เหตุนี้มาล้างแค้นกัน เอาล่ะ ลาก่อน” กู้ซีจิ่วกล่าวพลางหมุนกาย ใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไปทันที

เยี่ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยกมือนวดคลึงหว่างคิ้ว เด็กสาวผู้นี้เหลือเกินจริงๆ…

เพียงแต่ท่าทางนางกระฉับกระเฉงปานนั้น ดูมิคล้ายท่าทางของสตรีชํ้ารักจริงๆ…

….

ณ เดือนเจ็ดเจ็ดคํ่าตำหนักทอง ยามค่อนคืนไร้ผู้คนแว่ววาจา[1]

วันเกิดของกู้ซีจิ่วในชาติก่อนคือ วันที่เจ็ดเดือนเจ็ด เพียงแต่ไม่มีผู้ใดทราบเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version