Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 679

บทที่ 679 นางกำลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตายหรือ?

แต่เขารู้ดี ถึงดาวดวงอื่นจะสว่างไสวเพียงใดก็เป็นไดเพียงดาวบริวารที่โคจรรอบมันเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วแสงของมันจะเจิดจ้า จนกลบดาวบริวารทั้งหมดกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่นที่สุด และก่อตัวเป็นดาราจักรของมันเอง…

จากนั้นเขาก็มองดวงดาวกลางท้องนภาที่เจิดจ้าที่สุดดวงนั้น

มันยังเปล่งแสงรุ่งโรจน์เช่นเดิม ส่องสว่างทั่วท้องนภา แต่ผู้ใดจะทราบว่ามันจะส่องแสงได้อีกนานเพียงใด?

สามารถค้ำจุนโลกใบนี้ได้อีกนานแค่ไหน?

เขาลุกขึ้นยืน สะบัดแขนเสื้อพรึ่บ บนพื้นมีลูกแก้วเก้าลูก เปล่งแสงขึ้นมาตามลำดับ เรียงตัวเป็นผังนพเคราะห์ เขาสวมชุดขาว ชักกระบี่ออกมา ทำพิธีอยู่ใจกลางกลุ่มลูกแก้ว แสงสีรุ้งอ่อนจางแผ่ออกมารอบกายเขา พุ่งขึ้นไปบนฟ้า…

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ดวงดาวที่สว่างที่สุดดวงนั้นเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ดูราวกับพระอาทิตย์ดวงน้อยก็มิปาน…

ดั่งสุภาษิตว่าไว้ เดือนเด่นดาวจะดับ

อันที่จริงก็มิใช่ว่าดวงดาวดับไปจริงๆ แต่เป็นแสงจันทร์สว่างเกินไป จึงบดบังดวงดาวทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นผู้คนที่อยู่บนพื้นจึงมองไม่เห็นพวกมัน เช่นนี้จึงดูเหมือนหมองลงไปมาก

ยามนี้ก็เช่นกัน ดาวหลักดวงนั้นเจิดจ้าเกินไป บดบังแสงดาวส่วนใหญ่บนฟากฟ้า

ดาวน้อยที่กำเนิดใหม่ดวงนั้นเดิมทีก็ไม่โดดเด่นอยู่แล้ว บัดนี้พอถูกแสงสว่างของดาวหลักบดบังก็แทบจะมองไม่เห็นเลย…

เห็นได้ชัดว่าวิชาเช่นนี้สิ้นเปลืองพลังยุทธ์ยิ่งนัก ยามที่หวงถูประกอบพิธีเสร็จ สีหน้าก็ซีดเซียวมากแล้ว เขานั่งลงไปจิบสุราอึกหนึ่ง จู่ๆ ก็สำลักขึ้นมา สีหน้าย่ำแย่กว่าเดิม

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์?” ด้านนอกแว่วเสียงถามไถ่ด้วยความห่วงใยของทูตเฉิงเอ้อ

“มีอันใด? ว่ามา!”

“เอ่อ ข้าน้อยแค่คิดจะรายงานให้ท่านทราบว่าสถานการณ์ในเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยซิงปกติดี ไม่มีอะไรผิดปกติขอรับ”

จากนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วรายงานต่อ “สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็ปกติดีขอรับ เพียงแต่แม่นางกู้ซีจิ่ว…”

ดูเหมือนเขาจะนึกไม่ออกว่าควรพูดอย่างไรดีขึ้นมาชั่วขณะ จึงนิ่งไป

หวงถูที่อยู่ด้านในน้ำเสียงราบเรียบ “นางเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือ?”

“ไม่มีขอรับ! นางสบายดี อยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็ปรับตัวได้ดุจมัจฉาพบวารี…”

หวงถูตัดบทเขา “ดูเหมือนเปิ่นจุนจะเคยสั่งการพวกเจ้าไว้แล้ว เรื่องของนางถ้าไม่มีเรื่องใหญ่อันใดก็ไม่ต้องมารายงานเปิ่นจุนเป็นพิเศษ นอกจากจะเป็นเรื่องความเป็นความตาย นางกำลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตายหรือ?”

“ไม่ขอรับ! นางสบายดี!” ทูตเฉิงเอ้อรีบตอบ “เพียงแต่วันนี้เป็นเทศกาลความรัก นางลงเขาไปเที่ยวเล่นเพียงลำพัง บังเอิญพบหลงซือเย่ในเมืองเล็ก ทั้งสองเที่ยวเล่นด้วยกันทั้งคืน ดูแล้วสำราญยิ่งนัก…”

ทูตเฉิงเอ้อกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาอย่างรวดเร็ว พอกล่าวจบก็ถอนใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง

มารดาเถอะ ในที่สุดเขาก็ได้พูดเรื่องที่อยากบอกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว!

ในแท่นชมดาว มือของหวงถูที่กำลังรินสุราอยู่พลันชะงัก สุราไหลล้นออกมาจากจอกสุรา…

ยามที่เขาพบเห็น สุรานั้นก็ชุ่มโชกภาพวาดบนโต๊ะแล้ว ทำให้ภาพเหมือนที่เพิ่งวาดเสร็จพร่าเลือนอย่างรวดเร็ว…

เขาขมวดคิ้วครู่หนึ่ง แล้วทำลายภาพนั้นทิ้ง เอ่ยถามประโยคหนึ่ง “หลงซือเย่มิใช่จับตามองหรงเช่อยู่รึ?”

“เรียนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ พรุ่งนี้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จะมีการประลองคู่สำคัญ เป็นการประลองระหว่างกลุ่มของแม่นางกู้กบกลุ่มของสตรีศักดิ์สิทธิ์อวิ๋น หากว่าแม่นางกู้ชนะ จะได้เข้าชั้นเรียนเมฆาม่วงอย่างเที่ยงธรรมผ่าเผย นี่ย่อมกลายเป็นการต่อสู้อย่างดุเดือดนัดหนึ่ง อาจารย์ใหญ่กู่เกรงว่าศิษย์ทั้งสองกลุ่มควบคุมกำลังไม่อยู่ คมกระบี่ไร้ดวงตาอาจทำให้บาดเจ็บล้มตายได้ ดังนั้นจึงส่งสารถึงหลงซือเย่ เชิญเขาไปนั่งคุมสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้…”

ทูตเฉิงเอ้อเล่าถึงตรงนี้ก็สูดลมหายใจเข้าไปเบาๆ เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวด้านใน เมื่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่มีท่าทีว่าจะเอ่ยขัดตน เขาจึงระดมความกล้า กล่าวต่อไป “เช้าวันนี้หลงซือเอ่ยได้ขอลาหยุดกับข้าน้อยแล้วขอรับ แถมยังจัดวางผู้ที่เหมาะสมไว้ข้างกายหรงเช่อแทนเขาแล้ว น่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นขอรับ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version