บทที่ 711 นำทางข้าไป
ยามที่เธอเข้าขวางกระบี่ให้หลานไว่หูไม่ได้นึกเลยว่ากระบี่ที่อีกฝ่ายใช้จะมีพิษสงร้ายกาจถึงเพียงนี้ ดังนั้นฝ่ามือนั้นที่เธอซัดใส่อวิ๋นชิงหลัวจึงมิใช่การซัดเพื่อทำอันตราย และไม่ได้ใส่แรงเต็มที่ เพียงอยากให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ลงแข่งในรอบต่อไปไม่ได้อีกก็เท่านั้น
ตอนนี้เธอเสียเปรียบมากถึงเพียงนี้แล้ว หวิดจะกลายเป็นสวะไร้พลัง!
ก็รู้สึกว่าการลงมืออย่างไว้ไมตรีของตนค่อนข้างโง่เง่าอยู่บ้าง ตานี้เธอยังต้องหาทางเอาคืน!
“ซี่โครงนางหักสี่ซี่ ไม่บาดเจ็บหนักเท่าเจ้า หมอของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เราไปดูอาการให้นาง และจัดกระดูกให้นางแล้วด้วย ตอนนี้นางพัก ฟื้นอยู่ในเรือนของตัวเอง” หลานไว่หูบอกเธอ
มารดามันเถอะ ซี่โครงหักแค่สี่ซี่เองเหรอ!
หากฝ่ามือนั้นเธอใส่แรงมากพอ คงสามารถทำลายม้ามของอีกฝ่ายได้ ต่อให้บนร่างอีกฝ่ายมีพลังวิญญาณคุ้มกาย ฝ่ามือนี้เล่นงานนางไม่ถึงตาย แต่ก็คงทำให้ปางตายได้แน่นอน เฮ้อ เสียดายเหลือเกิน!
“เช่นนั้นการประลองรอบนี้พวกเราแพ้หรือว่าชนะเล่า?” กู้ซีจิ่วยัง ไม่ลืมเลือนผลลัพธ์
“อาจารย์ใหญ่กู่บอกว่าพวกเราชนะแล้ว เพราะนางที่เป็นคนของฝ่ายตกจากเวทีไปก่อน” หลานไว่หูกล่าว พลางเปลี่ยนผ้าปูเตียงเป็นผืนที่สะอาดกว่าให้เธออย่างระมัดระวังยิ่ง
กู้ซีจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าอย่างไร เป้าหมายของเธอก็นับว่าลุล่วงแล้ว ไม่ถึงกับเสียฮูหยินซํ้ายังสิ้นไพร่พล[1]
ตราบจนยามนี้เธอถึงได้ทราบว่าผ้าปูที่นอนใต้ร่างตนเปรอะคราบเลือดเป็นวงใหญ่
ประหลาดนัก คนผูนั้้นยํ้าคิดยํ้าทำ รักความสะอาด ทว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเปื้อนเลือดเหล่านี้ทิ้งให้เธอ…ต้องทราบก่อนว่า เรื่องเหล่านี้สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงการสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่งเท่านั้น
การที่เขาบังคับจูบเธอในเวลาเช่นนั้นเป็นการคุกคามเธอ บีบให้เธอต้องเลิกรากับหลงซือเย่…
พอนึกถึงจูบเมื่อครู่ขึ้นมา เธอก็กำมือแน่น สั่งการจิ้งจอกน้อย “ข้าอยากบ้วนปาก…”
มือไม้จิ้งจอกน้อยคล่องแคล่วนักยกนํ้ามาให้เธอบ้วนปากอย่างรวดเร็ว กู้ซีจิ่วใช้น้ำบ้วนปากอยู่หลายถ้วยถึงจะหยุด
ตี้ฝูอี เจ้าไม่อาจขวางข้าได้ทั้งชีวิต ฉันอยากชอบใครก็จะชอบคนนั้น ไม่ช้าก็เร็วฉันจะมีกำลังมากพอจะพูดคำว่าไม่ต่อหน้าเจ้า!
ถึงอย่างไรเธอก็บาดเจ็บสาหัส ซํ้ายังเจ็บอยู่เนิ่นนานปานนั้น ยามนี้จึงอ่อนล้าอย่างหนัก พริ้มตาลงนิดๆ บนร่างเธอยังสวมอาภรณ์ที่เคยชุ่มเหงื่ออยู่ แต่เธอไม่มีแรงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแล้ว จิ้งจอกหยิบเสื้อผ้าสะอาดชุดหนึ่งมา นางคิดจะช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้เธอ กู้ซีจิ่วไม่ชินกับการมีคนมา
ปรนนิบัติเธอเช่นนี้ เลยปฏิเสธไป เธอจะนอนพักก่อน เมื่อตื่นมามีเรี่ยวมีแรงค่อยชำระร่างกายแล้วเปลี่ยน..
….
“อวิ๋นชิงหลัวอยู่ที่ใด?” หลังจากตี้ฝูอีออกมา ก็เอ่ยถามมู่เหล่ยที่ติดตามอยู่ข้างกาย
“กระดูกซี่โครงนางหักสี่ซี่ กำลังพักฟื้นอยู่ในเรือนตน คาดว่าน่าฟื้นตัวไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ขอรับ” มู่เหล่ยรายงานข่าวที่ตนได้ยินแก่เจ้านาย
“เรือนของนางอยู่ที่ไหน? นำทางข้าไป!” ตี้ฝูอีไม่หยุดฝีเท้าเลย
มู่เหล่ยชะงักไปเล็กน้อย เขามองปลายคางที่ค่อนข้างซีดเซียวของตี้ฝูอีไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ “นายท่านโปรดวางใจ กระดูกซี่โครงนางประสานกัน แล้วขอรับ มิจำเป็นต้องรักษาอีก เรือนพักสร้างเสร็จแล้ว มิสู้นายท่านไปพักผ่อนสักหน่อยแล้วค่อยไปเยี่ยมนาง…”
ตี้ฝูอีคร้านแม้แต่จะเหลือบมองเขาสักแวบ เอ่ยขึ้นว่า “พูดเพ้อเจ้อให้น้อยหน่อย นำทางไป!”
กลิ่นอายบนร่างเขาแกร่งกล้าเกินไป มู่เหล่ยไม่กล้าพูดเป็นอื่นอีก ทำได้เพียงวิ่งเหยาะไปอยู่ข้างหน้าเพื่อนำทาง…
อันที่จริง พวกกู่ฉานโม่ล้วนยังรออยู่ด้านนอก เนื่องจากยามนั้นพวกเขาทราบเพียงว่าอาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วเป็นอันตราย แต่ไม่
ทราบว่าที่แท้แล้วเป็นอย่างไร วิชาแพทย์ของตี้ฝูอีมิใคร่เลื่องลือนัก ที่สำคัญคือผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ไม่เคยตรวจรักษาให้ผู้ใดมาก่อน