บทที่ 717 ครานี้ข้าจะรั้งอยู่
สหายสนิทของอวิ๋นชิงหลัวเดินออกมาในยามนี้พอดี ฝูงชนรีบเข้าไปล้อมวงถามไถ่ สหายสนิทผู้นี้เริ่มแรกยังไม่อยากพูด อึกๆ อักๆ สุดท้ายทนการกดดันของอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ไหว จึงเล่าสถานการณ์ที่นางได้เห็นออกมา
ฝูงชนทึ่มทื่อไปหมด!
เรื่องจริงเป็นเช่นนี้หรอกหรือ?
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่เคยมีเยื่อใยกับอวิ๋นชิงหลัวเลยหรือ?
ทุกอย่างล้วนเป็นอวิ๋นชิงหลัวรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวสินะ?!
ที่แท้เป็นเช่นนี้!
ดูเหมือนทุกคนล้วนถูกท่าทีคลุมเครือของนางทำให้เข้าใจผิดไปแล้ว…
อันที่จริงอาจารย์ที่ปรึกษาคนนั้นก็รู้สึกว่าอวิ๋นชิงหลัวน่าผิดหวังจริงๆ ใช้วิธีการชั่วช้าเช่นนั้นมาต่อกรกับสหายร่วมสำนัก ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ซึ่งชัยชนะ!
ความจริง การเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการต่อสู้ล้วนเป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับได้ แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต้องเป็นอุบัติเหตุทั่วไป มิใช่เจตนาแอบแฝง เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นชิงหลัวคิดจะทำลายหลายไว่หูจริงๆ…
ใจคอโหดเหี้ยมเหลือเกิน!
ดังนั้นการที่นางได้รับโทษเช่นนี้ก็นับว่าสมควรแล้ว
….
“นายท่าน ท่านเปิดโปงเรื่องเสแสร้งของอวิ๋นชิงหลัวซึ่งๆ หน้า เกรงว่าต่อไปชีวิตในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ของนางคงอยู่ยากแล้วเป็นแน่ ภายหน้าถ้านางเติบโตเป็นสานุศิษย์สวรรค์ที่แท้จริงเกรงว่าคงลำบากยิ่งนัก” มู่เหล่ยเป็นกังวล
“นี่เป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับ ข้าเคยให้โอกาสนางไปแล้ว” ตี้ฝูอีไม่เก็บมาใส่ใจ
“เอ่อ นายท่าน ท่านแสดงท่าทีปกป้องแม่นางกู้ต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย เกรงว่าหลังจากผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังทราบข่าวนี้เข้า ความสนใจก็จะเบี่ยงเบนไป นางจะถูกนำมาเป็นจุดอ่อนของนายท่านนะขอรับ ” มู่เหล่ยเตือน
ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย ใช่แล้ว นี่ก็คือสิ่งที่เขากังวลมาตลอด เรื่องในวันนี้ทำให้เขาหุนหันพลันแล่นขึ้นมาวูบหนึ่ง เกรงว่าแผนการที่วางไว้ก่อนหน้านี้คงยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว!
เพียงแต่เขาไม่เสียใจเลย หากว่าเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยังจะทำเช่นนี้อยู่ ต่อให้โกรธที่นางมีปฏิสัมพันธ์กับหลงซือเย่ ต่อให้หัวใจนางไม่อยู่ที่ตนแล้ว แต่ในชั่วขณะที่เห็นนางได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่สนใจทุกอย่างแล้ว!
ยามนั้นเขาอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกจริงๆ ถึงอดทนไม่ลงมือซัดอวิ๋นชิงหลัวให้เละเป็นเศษเนื้อทันทีได้!
ไม่ได้ทำเรื่องที่เขาต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
ไม่ว่าสานุศิษย์สวรรค์คนใดก็ไม่อาจให้เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายได้ทั้งสิ้น มิเช่นนั้นอนาคตทุกอย่างจะพังทลายลงทันที!
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว สานุศิษย์สวรรค์ล้วนจิตใจดีงามมาตั้งแต่กำเนิด…การตรวจสอบของตนมีปัญหาหรือเปล่านะ?
“มู่เหล่ย เจ้าไปตรวจสอบแท่นเบิกสวรรค์สักหน่อยสิ ดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่” ตี้ฝูอีสั่งการ
“ขอรับ!” มู่เหล่ยตอบรับ เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “นายท่าน ยามนี้ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังน่าจะทราบแล้วว่าคนที่ท่านใส่ใจคือ แม่นางกู้ เช่น นั้นเกรงว่าเขาจะหาทางปองร้ายแม่นางกู้ น่าหวั่นเกรงว่าภายหน้าแม่นางกู้คงไม่อาจฝึกฝนอยู่ที่นี่อย่างอิสระเสรีได้อีก…”
ตี้ฝูอีหลับตาลงเล็กน้อย ปลายนิ้วเคาะโต๊ะ พลางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่จำเป็น! คนผู้นั้นเจ้าเล่ห์ยิ่ง และขี้สงสัยนัก ไม่แน่เขาอาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ข้าเจตนาปกปิดเพื่อให้เด่นชัด เขาน่าจะยังไม่แน่ใจว่าเท็จหรือจริง จริงหรือเท็จ เท็จเท็จจริงจริง เขาไม่อาจมั่นใจได้ในชั่วระยะสั้นๆ”
มู่เหล่ยคิดๆ ดูก็ว่าถูก จึงพยักหน้ารับ “นี่ก็ถูกขอรับ เช่นนี้เถิด ข้าน้อยจะส่งคนมาเพิ่มที่นี่ ปกป้องพวกนางอย่างลับๆ ดีไหมขอรับ?”
ตี้ฝูอีกลับกล่าวขึ้นว่า “ครานี้ข้าจะรั้งอยู่”
มู่เหล่ยเบิกตากว้าง “หา?”
“บอกแก่กู่ฉานโม่ ข้าจะอยู่ที่นี่ครึ่งปี จะสั่งสอนอบรบชั้นเมฆาม่วงห้องหนึ่งด้วยตัวเอง”
มู่เหล่ยตกตะลึง
ในที่สุดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็จะคลายพันธการที่ผูกมัดไว้แล้วใช่ไหม?