Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 72

บทที่ 72

เจ้าไม่มีทางได้เห็นแล้ว…

เรือนเล็กหลังนี้คือเรือนที่ใช้คุมขังหลัวซิงหลานเอาไว้ในปีนั้น หลังจากที่หลัวซิงหลานกระโดดหน้าผา เรือนหลังนี้จึงถูกปิดตาย ไม่มีผู้ใดได้เข้ามาอีก

แน่นอนว่ากู้เซี่ยเทียนเองก็ไม่ได้มา

เขาถึงขั้นหลบลี้หนีไปจากที่แห่งนี้ ด้วยเกรงว่าหากตนเห็นแล้วจะสะเทือนอารมณ์

หลัวซิงหลาน สามคำนี้กลายเป็นบาดแผลในใจของเขา และไม่ยินยอมให้ผู้ใดได้แตะต้องอีก

คืนนี้ช่างเลวร้ายยิ่งนัก อยู่ๆ เขาก็อยากจะมาเยี่ยมที่นี่ เดิมทีคิดจะมายืนดูแค่ครู่เดียวแล้วก็ไป แต่คล้ายกับว่าถูกผีสางเทวดาดลใจให้เดินเข้ามา เมื่อมองเห็นข้าวของเหล่านั้นที่นางเคยใช้ ก็ทรมานราวกับมีเข็มทิ่มแทงหัวใจ ตัดใจจากไปไม่ได้

“อาซิง หลายปีที่ผ่านมานี้ข้าตามหาตัวเทียนนั่วมาโดยตลอด แต่ก็หาเขาไม่พบ… เด็กคนนั้นเกรงว่าคงจะตามกลับมาไม่ได้แล้ว ทั้งที่เขาฉลาดขนาดนั้น…” ราวกับลำคอของเขาตีบตัน จึงพูดอะไรไม่ออก

เขาชะงักค้างไปครู่หนึ่งถึงค่อยพูดต่อ “อาซิง โชคดีที่พวกเรายังเหลือลูกสาวอยู่อีกคน… หลายปีมานี้เป็นข้าที่ติดค้างนางไว้มากมายเหลือเกิน โชคดีที่ยังไม่สายเกินไป ต่อไปข้าจะดีต่อนาง จะชดเชยให้นางเป็นอย่างดี… หน้าตาของนางคล้ายกับเจ้ามากจริงๆ นะ แต่น่าเสียดาย… เจ้าไม่มีทางได้เห็นแล้ว…”

คืนนี้อาหารเย็นของกู้ซีจิ่วทั้งหรูหราและมากมายเป็นพิเศษ!

สาวใช้พวกนั้นของเธอแทบจะงัดเอาฝีมือทั้งหมดที่มีออกมาเพื่อรังสรรค์อาหารให้เธอจนเต็มโต๊ะเช่นนี้

อาหารทุกจานช่างประณีตบรรจงยิ่งนัก ทุกจานล้วนแต่เป็นของโปรดของกู้ซีจิ่ว วางเรียงรายจนแน่นขนัดราวกับอาหารของจักรพรรดิก็มิปาน

กู้ซีจิ่วอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้เห็นอาหารทั้งโต๊ะนี้ จึงสั่งให้เหล่าสาวใช้มาหมดทั้งร่วมโต๊ะ ให้ทุกคนกินด้วยกัน

เริ่มแรกนั้นบรรดาสาวใช้ต่างก็ไม่กล้า จึงหาเหตุผลเรื่องชนชั้นต่างๆ นานา มาเพื่อบอกปัด แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ใบหน้างองํ้าของกู้ซีจิ่ว จึงได้แต่ปฏิบัติตามคำสั่ง เหล่าสาวใช้เต็มไปความซาบซึ้งใจในขณะที่นั่งลงไป…

นายบ่าวต่างมีความสุขกันถ้วนหน้า ระหว่างที่กินกันอยู่นั้นกู้ซีจิ่วเอ่ยออกมาเพียงสองประโยค “เป็นคนของข้า ข้าย่อมคุ้มครอง หากข้าได้กินเนื้อ พวกเจ้าก็จะได้ดื่มนํ้าแกง[1]!”

วาจานี้ทำให้เหล่าสาวใช้รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ฐานะของพวกนางนั้นเป็นชนชั้นที่ตํ่าที่สุดในสังคม มีแต่พวกนางต้องมอบกายถวายหัวรับใช้เจ้านาย จะเคยมีเหล่าเจ้านายมาปฏิบัติต่อด้วยใจจริงเช่นนี้เสียเมื่อไหร่กัน?

แต่เจ้านายตัวน้อยของพวกนางกลับปฏิบัติต่อพวกนางในฐานะมนุษย์เหมือนกัน ไม่ได้คิดว่าเป็นเพียงทาสรับใช้ที่มีฐานะตํ่าด้อย…

พวกนางโชคดีถึงเพียงใด จึงได้พบกับเจ้านายเช่นนี้?

ภายใต้ความตื่นเต้น พวกนางถึงขนาดให้สัตย์สาบานอย่างแน่วแน่ว่า ถึงแม้ตายก็จะปกป้องคุณหนูเอาไว้ให้ได้

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้ม หยิบสุราที่อยู่เบื้องหน้าขึ้นมาชนจอกกับพวกนางแล้วดื่มรวดเดียวหมด นายบ่าวสุขสำราญใจ แล้วจึงแยกย้ายกันไป…

ณ ตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวอยู่ภายในห้องหนังสือ ผู้ที่มีนิสัยสุขุมมาโดยตลอดเช่นเขามีท่าทีกระสับกระส่ายเล็กน้อย ในมือถือ ‘กำไลข้อมือ’ เส้นนั้นเอาไว้ และมักจะมองสีของท้องฟ้าด้านนอกอยู่บ่อยๆ เฝ้าคอยให้ฟ้ามืดลงไวๆ

“องค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ ในเมื่อคนผู้นั้นทิ้งจดหมายไว้ว่าจะมาในคืนนี้ ก็คงจะไม่ผิดนัดหรอกพะย่ะค่ะ อีกอย่างของที่เขาต้องการก็ยังอยู่กับพวกเราที่นี่ เพราะ ฉะนั้นอย่าเพิ่งกังวลไปเลย ยามนี้ฟ้ายังสว่างอยู่ องค์รัชทายาททรงพระทัยเย็นก่อนเถอะพะย่ะค่ะ”

ผู้ที่กล่าว คือองครักษ์คนสนิทของเขา และเป็นคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจที่สุด มีฉายานามว่าจิ้งจอกดำ ทั้ง ‘โรคเร้นลับ’ ขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัว รวมไปถึงการสื่อสารกันผ่านนกกระเรียนกระดาษขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวและกู้ซีจิ่วเขาล้วนทราบทั้งหมด

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวหัวเราะเจื่อนๆ “เปิ่นกงไม่ได้กลัวว่าเขาจะจงใจผิดนัด แต่เป็นเพราะเจ้าสี่…”

องค์ชายสี่หรงฉู่ยังคงค้นหาตัวเขาไปทั่วทั้งเมืองอยู่ จนแทบจะเป็นการล้อมจับ

ชายร่างเล็กคนนั้นจะสามารถฝ่าด่านตรวจเหล่านี้มาหาเขาที่นี่ได้จริงๆ หรือ?

หากว่าคืนนี้คนผู้นั้นไม่มา แล้วเขาจะไปตามหาอีกฝ่ายได้ที่ใดกันเล่า?

………………………

[1] หากข้าได้กินเนื้อ พวกเจ้าก็จะได้ดื่มนํ้าแกง ความหมายคือ ถ้าเจ้านายได้ดี ลูกน้องย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version