บทที่ 73
อยู่ตรงนั้น…
คนผู้นั้นเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขาในยามนี้…
“องค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ องค์ชายสี่ยังจับกุมตัวเขาไม่ได้ คนของพวกเราก็แอบตามประกบคนของพวกเขาอยู่ หากคุณชายท่านนั้นตกอยู่ในกำมือของเขาเข้าจริงๆ คนของเราย่อมทุ่มสุดตัวเพื่อชิงตัวคนมาให้ได้…”
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวผงกศีรษะน้อยๆ องครักษ์ลับของเขาที่อยู่ภายนอกยังไม่ได้แจ้งข่าวร้ายใดๆ มา ทำให้เขาพอจะเบาใจได้นิดหน่อย
ถึงแม้เรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้เห็นตัวคน เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้สุดท้ายแล้วองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด เขาก็ยิ่งกระวนกระวายขึ้นเท่านั้น จึงโยนกำไลข้อมือที่อยู่ในมือไป ลุกยืนขึ้นจับขอบหน้าต่างไว้ พลางมองพระจันทร์ดวงกลมโตที่อยู่ด้านนอก อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “นี่ก็ยามห้าย[1]แล้ว จิ้งจอกดำ เจ้าว่าเขาจะมาหรือไม่?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงผิดปกติเล็กน้อยดังขึ้นที่ด้านหลัง จิ้งจอกดำกระซิบออกมาเบาๆ “องค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ! เขา…เขามาแล้ว!”
นํ้าเสียงคล้ายทึ้งอึ้งทั้งยินดี องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวตกตะลึง หันกลับไปโดยพลัน ห่างจากด้านหลังของเขาไปไม่ไกลนักมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ สวมชุดดำที่กลมกลืนจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด รูปลักษณ์ธรรมดาสามัญชนิดที่ว่าหากโยนเข้าไปในกลุ่มคนแล้วก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอ รูปร่างเตี้ยเล็ก เป็นคนที่ส่งนกกระเรียนกระดาษให้เขาที่โรงประมูลคนนั้น คนผู้นี้ราวกับผุดขึ้นมาจากพื้นดิน สายตามองมาที่เขา กล่าววาจาฉะฉาน “องค์รัชทายาท ประมูลของที่ข้าต้องการมาได้หรือไม่?”
“ประ…ประมูลมาแล้ว อยู่ตรงนั้น…” วิธีปรากฏกายของคนผู้นี้ช่างประหลาดนัก ทำให้องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวที่เยือกเย็นมาโดยตลอดถึงกับพูดจาตะกุกตะกักเล็กน้อย ปลายนิ้วชี้ไปบนโต๊ะ “ตรงนั้นไง”
คนผูนี้ย่อมเป็นกู้ซีจิ่วที่ปลอมตัวแล้ว เธอแปลงโฉมรูปลักษณ์ให้เป็นแบบเดียวกับตอนอยู่ในโรงประมูล ดังนั้น องค์รัชทายามหรงเจียหลัวจึงจำได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น กู้ซีจิ่วหยิบกำไลข้อมือเส้นนั้นขึ้นมามองเล็กน้อย เป็นกำไลหยกนภาเส้นนั้นจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้สีสันของมันหม่นลงไปบ้างแล้ว แสงเหลือบรุ้งพรายที่แทบจะทำให้คนตาบอดได้ก็หายไปแล้ว ดูๆ แล้วก็คล้ายกับกำไลอัญมณีธรรมดาๆ เส้นหนึ่ง นี่คงไม่ใช่ว่าเป็นของปลอมหรอกนะ?
กู้ซีจิ่วเหลือบมององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวแวบหนึ่ง องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวจึงเกิดอาการลนลาน “สิ่งนี้ ประหลาดนัก ตอนที่เปิ่นกงเพิ่งประมูลมันมาได้มันก็ยังเรืองแสงอยู่ แต่วางไว้ข้างกายแค่คืนเดียว เช้าวันต่อมาก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว”
กู้ซีจิ่วจึงนำกำไลข้อมือเส้นนั้นมาพินิจดูอย่างละเอียดอีกครา เป็นเจ้าสิ่งนั้นอย่างแน่แท้ไม่ได้ถูกสับเปลี่ยน
แล้วเหตุใดยามนี้ถึงได้อยู่ในสภาพซังกะตายเช่นนี้? หรือว่ามันต้องชาร์จแบต? แต่ยุคนี้ไม่มีไฟฟ้าไม่ใช่เหรอ?
เธอใช้นิ้วเคาะผลึกสีฟ้าที่อยู่กึ่งกลางกำไลข้อมือนั้น ‘เอ้ เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?’
กำไลนั้นยังคงมืดมนอยู่เหมือนเก่า แม้แต่ประกายแสงเล็กน้อยก็ไม่มีแวบออกมา
กู้ซีจิ่วโยนกำไลข้อมือลงบนโต๊ะ ‘ในเมื่อพังแล้ว เช่นนั้นข้าเก็บเจ้าไว้ก็คงไม่มีประโยชน์…’
เธอพูดยังไม่ทันจบ จู่ๆ กำไลเส้นนั้นก็สว่างวาบขึ้นมา นํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลพุ่งเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว ‘หญิงสาว ถ้าเจ้ากล้าทิ้งข้าอีกก็ลองดู!’
‘เจ้ายังมีชีวิตอยู่นี่นา ข้าก็นึกว่าเจ้ากลับสวรรค์ไปแล้วซะอีก’ กู้ชีจิ่วตอบโต้กลับมันอยู่ในหัว ‘ท่านหยกเช่นข้าแค่ไม่อยากจะสนใจเจ้า เมื่อคืนข้าก็บอกแล้วชัดๆ ว่าให้เจ้าประมูลข้าไปด้วย ทว่าเจ้ากลับจากไปอย่างไม่ไยดี!’
‘ไม่ใช่ว่าเจ้าคือหยกนภาผู้มากเล่ห์หรอกรึ? เหตุใดจึงไม่ตามมาเองเล่า?’
‘ร่างจริงของข้ายังอยู่ที่นั้น…ยิ่งไปกว่านั้นคือหากตัวซ้ายอมตามเจ้าไปต้อยๆ จะไม่ดูขายหน้าเกินไปหรือ?’
ที่แท้เจ้ากำไลนี่ก็เป็นพวกซึนเดเระ!
กู้ซีจิ่วรู้สึกหน่ายใจยิ่ง ‘หากว่าข้าไม่ประมูลเจ้า เจ้าก็จะงอนอยู่ที่โรงประมูลนั้นอย่างเดียวดายไปชั่วชีวิตใช่หรือไม่?’
กำไลหยกนภาได้แต่บื้อใบ้ มันรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาบ้างแล้ว