Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 726

บทที่ 726 ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย บังเอิญเหลือเกิน

ในอดีตทุกครั้งที่เขาลงแช่ในสระนี้ล้วนสามารถสงบใจลงอย่างรวดเร็ว ทว่าหนนี้จิตใจเขากลับว้าวุ่นอย่างหนัก เลือดลมในร่างปั่นป่วนมานานแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นฟูเลย จันทร์เสี้ยวลอยเหนือศีรษะเรียวโค้งดั่งภาพวาด

ตอนนี้นางทำอะไรอยู่นะ?

คงมิใช่อยู่กับหลงซือเย่อีกกระมัง?

บาดแผลนั้นของนางต้องพักฟื้นอีกหนึ่งวัน ยามสายวันนี้นางวิ่งออกไปหาหลงซือเย่ คนทั้งสองนั่งเป่าขลุ่ยร้องเพลงใต้ต้นไม้ ด้วยสุขภาพของนางในยามนี้น่าจะเหนื่อยล้าแล้ว ตอนนี้คงจะพักผ่อนอยู่ในเรือน

ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นน่าจะยังไม่ค้นพบฐานะที่แท้จริงของกู้ซีจิ่ว คงไม่ขบคิดเรื่องนางมากเกินไป ตอนนี้นางน่าจะปลอดภัยอยู่ เกรงว่าสายของผู้ที่อยู่เบื้องหลังจับจ้องไปที่อวิ๋นชิงหลัว ผู้เป็นสานุศิษย์สวรรค์…

ถ้าไม่มั่นใจเต็มที่ผู้บงการคนนั้น น่าจะไม่ลงมือง่ายๆ

เขาพริ้มตาลงเล็กน้อย เมื่อก่อนเขาแค่รู้สึกว่าชีวิตที่เป็นนิรันดร์นี้ยาวนานเหลือเกิน ตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่าช่างแสนสั้น…

เมื่อคิดมากเกิน ไป ลมปราณก็แตกซ่าน ทำให้เขาไอติดๆ กันขึ้นมาอีกครา

ไม่ง่ายเลยว่าจะหยุดยั้งอาการไอได้ เขาลอยอยู่บนผิวนํ้าหลับตาครุ่นคิด ดูเหมือนอยู่ที่นี่เขาก็สงบใจไม่ได้เช่นกัน มิสู้กลับไปดูนางที่เรือนสักแวบแล้วค่อยไปเข้าฌานต่อ?

เขาเข้าฌานอีกหนึ่งคืนก็น่าจะฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง พรุ่งนี้ไปเป็นประธานในพิธีปักปิ่นของนางน่าจะไม่มีปัญหาอะไร

ทันใดนั้นคล้ายว่าเขาจับสัมผัสบางอย่างได้ เงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย

ไม่ไกลออกไปกู้ซีจิ่วเดินเคียงคู่มากับหลงซือเย่ ไม่ทราบว่าหลงซือเย่กระซิบอะไรกับเธอ ทำให้เธอยิ้มหวานออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

วงหน้าแฉล้มของเธอยังคงซีดเซียวอยู่บ้าง ยามที่เดินเหิน ฝีเท้าก็ค่อนข้างหนักอึ้งเล็กน้อย แต่ภายใต้แสงจันทร์ ริมฝีปากน้อยๆ ของนางหยักเป็นรอยยิ้ม ยกโค้งดั่งจันทร์เสี้ยวบนท้องนภา

หลงซือเย่ผสานมือกับเธอ ค่อยๆ เดินไปด้วยกัน “ซีจิ่ว ชาติก่อนมีเวลามาเดินเล่นด้วยกันแบบนี้ไม่มากนัก ช่วงเวลานี้หาได้ยากนัก ฉันมีความสุขมาก เธอล่ะ?”

“มีความสุขเหมือนกัน” กู้ซีจิ่วยิ้มสบายๆ ทว่าหว่างคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย

“เป็นอะไร? เจ็บแผลเหรอ?” หลงซือเย่จับชีพจรเธออีกครั้ง คิดจะตรวจชีพจรให้เธอ

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไม่ได้เจ็บแผลแล้ว”

เธอแค่อ่อนล้านิดหน่อย

หลงซือเย่ถอนหายใจอย่างโล่งอก “โชคดีที่สุขภาพเธอแข็งแรง”

กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ “เพราะยาของคุณดี ลูกกลอนสมานแผลระดับเจ็ดของคุณไม่เลวเลยจริงๆ ฉันกินเข้าไปเม็ดเดียว บาดแผลก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าบาดแผลทั้งหมดภายในร่างใกล้จะหายดีแล้ว เหลือแค่ภายนอกเท่านั้น”

หลงซือเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ลูกกลอนสมานแผลระดับเจ็ดเหรอ?”

“ใช่แล้ว นั่นเป็นยาที่คุณให้จิ้งจอกน้อยเอามาให้ใช่ไหม?”

หลงซือเย่นิ่งไปชั่วอึดใจ “ข้า ไม่ได้…”

ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย จู่ๆ ก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ จึงเงยหน้ามองไปทางด้านซ้าย

กู้ซีจิ่วสัมผัสได้ว่าร่างกายเขาแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นฝีเท้าก็ชะงักลง

นํ้าตกไหลเทลงสู่สระลึกเกิดนํ้าสาดกระเซ็น และใจกลางสระนํ้า มีบุรุษผู้หนึ่งลอยอยู่ เรือนผมยาวดั่งม่านไหมแผ่สยายอยู่ในสระนํ้า อาภรณ์แดงดั่ง

กลีบบัวล่องลอยอยู่รอบกายเขา แสงจันทร์เย็นกระจ่างส่องสะท้อนหน้ากากเขาจนเปล่งแสงสลัวๆ แสงนั้นบดบังแววตาเขา ทำให้คนมองอารมณ์ของเขาไม่ออก

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…ตี้ฝูอี

กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าจะบังเอิญพบเขาที่นี่ สายตาสองคู่ประสานกัน เธอมองไม่เห็นแววตาของเขา ทว่าหัวใจกลับเต้นรัวตามสัญชาตญาณ แต่ก็สงบลงทันที ยิ้มน้อยๆ แล้วทักทายเขา “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย บังเอิญเหลือเกิน”

หลงซือเย่ขมวดคิ้วนิดๆ จนแทบมองไม่เห็น ยามนี้เขาไม่อยากพบเจอคนนอก แน่นอนว่ายิ่งไม่อยากพบเจอตี้ฝูอีด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version