บทที่ 734 เจ้ากระอักเลือดจริงๆ หรือ?
เวรเอ้ย เธอจะกดเขาลงในนํ้าเย็นให้ได้สติขึ้นมา ให้เขาอาศัยความเมาเอาเปรียบเธอ!
เมื่อดำลงไปลึกประมาณสองเมตร กู้ซีจิ่วก็เงยหน้ามองเขา เนื่องจากเป็นยามราตรี ในนํ้ามืดสลัว เธอจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา เห็นเพียงสองมือ ของเขาที่ปัดป่ายอยู่ในนํ้าตามสัญชาตญาณ สองเท้าก็เตะถีบไปตามสัญชาตญาณเช่นกัน …
ที่แท้เจ้าก็กลัวจมเหมือนกัน…
กู้ซีจิ่วกอดขาเขาไว้แน่นไม่คลายมือ บางทีอาจเป็นเพราะเขาเมาเกินไป การดิ้นรนของเขาจึงไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าใด กู้ซีจิ่วจึงกอดขาเขาไว้ง่ายดายยิ่ง แน่นอน กู้ซีจิ่วก็เกรงว่าเขาจะจมนํ้าตายจริงๆ เหมือนกัน หยุดนิ่งอยู่ใต้นํ้าครึ่งนาทีก็ผลักเขาขึ้นสู่ผิวนํ้าอีกครั้ง ตัวเธอเองก็ลอยขึ้นสู่ผิวนํ้าเพื่อสูดหายใจสักหน่อยเช่นกัน จากนั้นก็ลากเขาดำลงไปอีกครั้ง…
ทำเช่นนี้อยู่ซํ้าๆ เธอทรมานเขาอยู่สี่ห้ารอบ เมื่อรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ถึงผลักเขาขึ้นสู่ผิวนํ้า…
จากนั้นก็ลอยขึ้นมาแล้วถลึงตาจ้องใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาอย่างเย็นชา “คราวนี้ได้สติแล้วหรือยัง?! อยากให้ข้ากรอกนํ้าใส่
เจ้าอีกครั้งหรือไม่?”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร แต่พ่นนํ้าคำหนึ่งออกมา กู้ซีจิ่วอยู่ใกล้ๆ อีกทั้งไม่ได้ระวังชั่วขณะ จึงถูกเขาพ่นนํ้าใส่หน้า กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก…
เธอยกมือเช็ดนํ้าบนหน้า นํ้านี้แฝงกลิ่นสุราไว้จางๆ แถมกลิ่นอายยังไม่เลวอีกด้วย…
ประหลาดนัก โดยทั่วไปแล้วนํ้าที่คนเมาสำรอกออกมาจะทั้งเหม็นทั้งสกปรก ทว่าสุราที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้สำรอกออกมากลับแตกต่างไป ประหนึ่งสำรอกนํ้าหอมออกมาก็มิปาน…
เวรเอ้ย ต่อให้เหมือนนํ้าหอมแค่ไหนนี่ก็ยังเป็นสุราที่สำรอกออกมาอยู่ดี!
กู้ซีจิ่วโมโห ขณะที่กำลังจะลากเขาดำลงไปเพื่อกรอกนํ้าให้เขาสักหลายๆ ที เขาก็ไอขึ้นมา เสียงไอของเขาทั้งรุนแรงทั้งดุเดือด ไอเสมือนว่าปอดจะหลุดออกมา มิคล้ายการเสแสร้งแกล้งทำ
กู้ซีจิ่วที่เดิมทีคิดจะลากเขาลงไปใต้น้ำ ยามนี้พลันหยุดชะงัก สมองยังแยกแยะไม่ออกว่าเขาเป็นจริงๆ หรือว่าแสร้งทำ เห็นเขาใช้มืออุดปากไว้ จากนั้นก็เห็นโลหิตไหลลอดหว่างนิ้วของเขาออกมา…
ในยามราตรีโลหิตนั้นช่างเสียดตานัก กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแล้ว!
ไม่ใช่น่า?
เธอจับเขากดนํ้าแค่ไม่กี่ทีเขาจมนํ้าจนกระอักเลือดเลยหรือ?
“นี่ เจ้า…” กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเข้าไปลูบหลังเขา ให้เขาหายใจสะดวก “เจ้ากระอักเลือดจริงๆ หรือ?”
ยากนักกว่าเขาจะหยุดไอได้ เมื่อมือของเขาหลุดออกจากปาก บนริมฝีปากและฝ่ามือล้วนเปรอะเปื้อนโลหิต สีหน้าก็ซีดขาวอย่างหนัก ทำให้ขนตาดำสนิทของเขาคล้ายจะโปร่งแสงไปด้วย ดูอ่อนแอยิ่งนัก…
กู้ซีจิ่วรู้สึกผิดอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์เช่น นี้ พลันกะแอมคราหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้า…เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นอ่อนแอเช่นนี้? ดื่มสุราก็จมนํ้า กดนํ้าไม่กี่ทีเจ้าก็กระอักเลือด เจ้าคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจริงๆ หรือ? คงมิใช่ผู้อื่นปลอมตัวมากระมัง?”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ก็เกิดความคลางแคลงในจุดนี้ขึ้นมาจริงๆ
ด้วยเหตุนี้จึงเขยิบเข้าไปมองเขาใกล้ๆ แสงเดือนดาวส่องสลัว แต่ภายใต้ระยะห่างที่ใกล้กันถึงเพียงนี้ เธอก็ยังมองเห็นเขาได้ชัดเจนนัก
เครื่องหน้าประณีตงดงามที่ยากจะวาดแต่งได้ ราวกับพระเจ้าบรรจงสลักเสลาออกมาอย่างพิถีพิถัน ทำให้คนมองเพียงแวบเดียวก็ปรารถนาจะจมจ่อมลงไป
คิ้ว ตา จมูก ริมฝีปาก…เครื่องหน้าเขาประกอบรวมกันกลายเป็นความงามที่ทำให้หัวใจคนสั่นไหว กู้ซีจิ่วยอมรับ ในชีวิตทั้งสองชาติของเธอไม่เคยพบคนที่มีรูปโฉมลํ้าเลิศถึงเพียงนี้เฉกเช่นตี้ฝูอีเลย…
หลงซือเย่ก็รูปงามหล่อเหลา แต่เมื่อเทียบกับตี้ฝูอีแล้ว ทว่ากลิ่นอายนั้นด้อยกว่าเล็กน้อย
ความงามของตี้ฝูอีมิใช่ของโลกมนุษย์ ทว่าแฝงกลิ่นอายเคร่งขรึมดั่งเทพเซียน
นิสัยของคนผู้นี้น่าชังนัก อีกทั้งปกติจะสวมหน้ากากไว้ตลอด ดังนั้นยามที่คนส่วนมากพบเห็นเขา จะหลงใหลในบุคลิกท่วงท่าของเขาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถูกกลิ่นอายของเขาสยบไว้เป็นอันดับที่สอง ทำให้คนมองข้ามเรื่องรูปโฉมของเขาไปง่ายดายยิ่ง
บัดนี้ภายใต้แสงดารากู้ซีจิ่วได้เห็นเขามากพอแล้ว รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าคนผู้นี้คือมารร้ายโดยแท้