บทที่ 772 เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป
อวิ๋นชิงหลัว สูดลมหายใจเข้านิดๆ “เจ้าคงไม่คิดว่าที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยเจ้า เพราะเขามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเจ้ากระมัง?”
ริมฝีปากกู้ซีจิ่วหยักเป็นรอยยิ้มแวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบว่าใช่หรือมิใช่ “หือ?”
อวิ๋นชิงหลัวรู้สึกว่ากู้ซีจิ่วในวันนี้ลึกลํ้าซับซ้อนเป็นพิเศษ ทุกประโยคที่นางเอ่ยล้วนทำให้เพลิงโทสะของนางพลุ่งพล่าน อีกทั้งถูกตอกหน้าอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นที่ที่รู้สึกหลอนๆ ว่าไม่อาจหาหัวข้อมากล่าวต่อไปได้ นางสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มเหลืออดกับตนมากแล้ว สักประโยคก็คร้านจะเอ่ย
เพียงแต่หลังจากตนยั่วยุอีกฝ่ายอยู่สองสามประโยค อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะสนใจนางขึ้นมานิดหน่อย และมองนางมากขึ้นสองสามแวบ ยามนี้ถึงขั้นแสดงท่าทางตั้งใจฟังออกมาด้วย
ยากนักที่อวิ๋นชิงหลัวจะสบโอกาสพูดคุยกับกู้ซีจิ่วตามลำพังเช่นนี้ ย่อมไม่คิดจะพลาดไป ดังนั้นนางจึงยิ้มบางๆ แล้วเอ่ย “อันที่จริง ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นผู้ที่เห็นใจคนอ่อนแอมาตลอด กับเด็กสาวที่บาดเจ็บก็จะดูแลเป็นพิเศษสักหน่อย นึกถึงยามที่ข้าถูกคนลักพาตัวไปครานั้น ได้รับบาดเจ็บ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้ตามหาข้าจนพบแล้วให้ความช่วยเหลือ เพื่อช่วยข้าเขาสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปมากมายนัก เมื่อเห็นข้า เจ็บปวดแสนสาหัส ยังมอบของปลอบขวัญข้ามากมายด้วย…”
คราวนี้ดูเหมือนกู้ซีจิ่วจะสนใจเนื้อความที่นางเล่ามากขึ้นแล้ว คันเบ็ดของนางที่อยู่ตรงนั้นมีปลามาติดเบ็ดแล้ว นางก็ดูคล้ายว่าจะมองไม่เห็น ซํ้ายัง ย้ายคันเบ็ดไปไว้ด้านข้าง จากนั้นก็เบนกายเพื่อฟังอวิ๋นชิงหลัวเล่าต่อ นางกะพริบตา มองดูอวิ๋นชิงหลัว กล่าวด้วยนํ้าเสียงเนิบๆ “หืม? ข้าไม่เชื่อ! เขามอบอะไรให้เจ้า?”
อวิ๋นชิงหลัวชะงักไปเล็กน้อย ยิ้มเย้ยหยัน “ของที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบให้ย่อมเป็นของดีทั้งสิ้น มีค่าควรเมือง เพียงแต่เหตุใดข้าต้องเอามาบอกเจ้า ดยเฉพาะด้วยเล่า?”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “เจ้าไม่พูด แล้วจะให้ข้าเชื่อได้ยังไง?”
อวิ๋นชิงหลัวร้องเหอะคราหนึ่ง “เจ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเชื่อ! ขอเพียงให้เจ้ารู้ไว้ว่าข้าวของอันใดที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบให้เจ้าในครั้งนี้ ก็เป็นเพียงการปลอบขวัญเจ้าเท่านั้น ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เจ้าบาดเจ็บหนัก…ซ้ำยังบาดเจ็บเพราะวาจาเขา เขาจึงรู้สึกว่าเป็นความผิดของตน เกรงว่าวันหน้าเจ้าจะไปพูดจาเหลวไหลเอ่ยฟ้องต่อหน้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องปลอบขวัญเจ้าเป็นธรรมดา อันที่จริงเขายังเห็นเจ้าเป็นเด็กน้อยเท่านั้น”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วสาดแสงแวบหนึ่ง “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าต่างหากที่เห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นเด็กน้อย?”
คิ้วงามของอวิ๋นชิงหลัวเลิกขึ้น “อะไรนะ?”
กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะ คร้านจะอธิบายกับนาง หันไปขยับเบ็ดของตนอีกครั้ง
อวิ๋นชิงหลัวถูกนางเมินอีกครั้ง เพลิงโทสะในใจก็พวยพุ่งขึ้นมา แต่ข่มความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหว เอ่ยด้วยนํ้าเสียงเหยียดหยาม “ข้าเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นเด็กน้อยตอนไหน? เจ้าพูดมาสิ!”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจนางอีก พลันยกมือขึ้น ปลาอวบอ้วนตัวหนึ่งดิ้นพล่านอยู่บนตะขอ นางใส่ปลาเข้าไปในข้อง ดูคล้ายจะรู้สึกอิ่มเอมในความสำเร็จยิ่งนัก กล่าวกับตัวเองประโยคหนึ่ง “ตกปลาเช่นนี้ ปลาติดเบ็ดง่ายจริงๆ เป็นวิธีที่ดี”
อวิ๋นชิงหลัวโมโหจนโง่งมแล้ว “กู้ซีจิ่ว! เมื่อกี้เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?! ยามนี้ไม่อธิบายให้กระจ่างแล้วยังจะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็นไปเสียดื้อๆ จะทำเหมือนว่าเจ้าลํ้าลึกนักงั้นหรือ?”
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เหลือบมองนางแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับมองไม้ผุท่อนหนึ่ง เห็นแก่ความเป็นไปได้ที่นางจะเป็นสานุศิษย์สวรรค์ จึงตัดสินใจเตือนนางเล็กน้อย เลี่ยงไม่ให้นางกระทำเรื่องโง่ๆ จนกู่ไม่กลับ “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายดูแลใต้หล้า จะกระทำเรื่องไร้เดียงสาเช่นนี้ได้อย่างไร? กลัวว่าผู้อื่นจะไปฟ้องจนต้องรีบเอาลูกกวาดมาปลอบใจ เจ้าคิดว่าการกระทำของเขาเป็นเด็กน้อยเล่นพ่อแม่ลูกหรือไง?”
อวิ๋นชิงหลัวนิ่งงัน นางร้องเหอะคราหนึ่ง “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยเจ้าด้วยความมีคุณธรรมเท่านั้น เขารํ่ารวยดั่งอาณาจักร
ไม่ว่าจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเขาก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงทั้งสิ้น เขาถือไว้ดั่งสมบัติลํ้าค่า ทว่าผู้อื่นไม่เก็บมาใส่ใจเลย เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป!”