บทที่ 8
โจรปล้นโจร
ตอนนี้เธอไม่มีกำลังภายใน ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้าง ไม่ควรไปหาเรื่องกับจอมโจร ควรคิดหาทางกลับไปจวนแม่ทัพเสียก่อน…
หากว่าเธอทายไม่ผิดล่ะก็ เดาได้เลยว่าพรุ่งนี้เช้าจวนแม่ทัพน่าจะมีละครสนุกๆ สักฉากให้ชม
ดังนั้นเธอจะต้องกลับไปถึงก่อนรุ่งสาง!
เธอหลุบตามองมือเล็กๆ ของตัวเองอยู่หลายครั้ง พลางยิ้มน้อยๆ จนกระทั่งตอนนี้นี่เองที่เธอรู้สึกถึงความเป็นจริง
ในเมื่อเทพเจ้าให้เธอได้เกิดใหม่ในร่างนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้น เธอก็จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างยอดเยี่ยม! ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาล้วนเป็นแค่อดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ควรโยนมันทิ้งไว้ข้างหลังซะ!
เธอถือโอกาสนี้สางเส้นผมที่เปียกชุ่มโชก แล้วเหลือบมองรูปสลักหยกนั้นแวบหนึ่ง รูปสลักหยกมีริมฝีปากเป็นสีชมพูจาง หยักโค้งบางๆ ได้รูป ดูคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิง มองแล้วทำให้รู้สึกอยากจะประทับจูบเบาๆ ยิ่งนัก…
กู้ซีจิ่วโน้มกายเข้าไปจูบริมฝีปากเย็นเฉียบของรูปสลักหยกนั้นอย่างอดใจไม่ไหว ไม่คิดเลยว่าริมฝีปากของรูปสลักหยกจะมีกลิ่นหอมประหลาดจางๆ สายหนึ่ง กลิ่นหอมนั้นเบาบางอย่างยิ่ง มีอยู่ก็เหมือนไม่มี แต่กลับแทรกซึมตรงเข้าสู่ร่างกายคน ดมแล้วรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก
เดิมทีแล้วกู้ซีจิ่วคิดว่าจูบแล้วก็จะจากไป แต่กลับหลงใหลในกลิ่นหอมนี้จึงเบียดริมฝีปากแนบชิดเข้าไปอีกหน่อยอย่างอดใจไม่อยู่ หลังจากนั้นสักพักจึงถอนริม ฝีปากออกอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจ
นี่เป็นหยกชนิดไหนกันแน่นะ? ดูจากเนื้อหยกแล้วคล้ายจะเป็นหยกขาวมันแพะ[1] แต่ก็มีเนื้อเนียนละเอียด เกลี้ยงเกลากว่าหยกมันแพะมากนัก ทั้งยังมีกลิ่นหอมที่นึกไม่ถึงเช่นนี้อยู่อีกด้วย
พิสดารนัก! สมบัต้ำค่า! อยากเป็นโจรปล้นโจรเสียจริง อยากจะแบกมันกลับไปยังจวนแม่ทัพด้วยเหลือเกิน
แต่น่าเสียดายนัก ด้วยร่างเล็กๆ ของเธอในตอนนี้จะกระทำการนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่ง แถมยังสะดุดตาเกินไป ‘เอาเถอะ หากว่าภายหลังมีโอกาสก็ค่อยว่ากันอีกที’
เธอไม่อยากเสียเวลาอีก จึงสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก
เธอเดินมาจนถึงสถานที่ที่พลัดตกลงมา พลางคำนวณระยะทางอยู่ในใจเงียบๆ แล้วใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาอีกครั้ง…
วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตานี้เป็นความสามารถพิเศษของเธอที่ได้รับการฝึกฝนจากยุคปัจจุบัน ไม่คิดเลยว่ายามที่มาเข้าร่างนี้แล้วก็ยังใช้มันได้อยู่ ถึงแม้พลังจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่กู้ซีจิ่วก็รู้สึกพอใจมาก ตามความทรงจำของร่างเดิม เธอถึงทราบว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคประวัติศาสตร์ใดๆ ที่เธอเคยรู้จัก ทวีปนี้ถูกเรียกว่า ทวีปซิงเยวี่ยแบ่งออกเป็นสามอาณาจักร ได้แก่ อาณา จักรเฟยซิง อาณาจักรเฮ่าเยวี่ย อาณาจักรเจาหยาง ซึ่งทั้งสามอาณาจักรนี้ล้วนคอยคานอำนาจกันอยู่ ผู้คนในทวีปนี้ยึดมั่นในเรื่องของพละกำลัง มีการฝึกฝนพลังวิญญาณห้าธาตุ และสิ่งสำคัญที่สุดในการฝึกฝนพลังวิญญาณก็คือรากฐานวิญญาณในร่างกาย ผู้คนทั้ง หมดในทวีปนี้แทบจะทุกคนล้วนมีรากฐานวิญญาณ
เพียงแค่มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันก็เท่านั้น
หากมีรากฐานวิญญาณแข็งแกร่ง การฝึกฝนวรยุทธ์ก็ถือเป็นการทำน้อยแต่ได้มาก[2] เพราะส่งผลโดยตรงต่อการฝึกฝนระดับพลังวิญญาณในร่างกาย
คนที่มีพลังวิญญาณสูงก็คือผู้แข็งแกร่งในโลกนี้จะได้รับความเคารพยกย่องจากผู้คน
แน่นอนว่าในโลกนี้ก็มีผู้ที่มีรากฐานวิญญาณอ่อนแออยู่เป็นจำนวนมาก คนเหล่านี้ต่อให้พยายามฝึกฝนอย่างหนักตลอดชีวิต อย่างมากสุดก็ฝึกฝนได้ถึงระดับพลังวิญญาณขั้นที่สองเท่านั้น เป็นได้เพียงทหารยามรักษาการไร้เกียรติ ไม่มีวันเจริญก้าวหน้า ทว่ากู้ซีจิ่วนั้นไม่มีแม้แต่รากฐานที่อ่อนแอเลยด้วยซํ้า ไม่ สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้อย่างสิ้นเชิง เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง ทำให้จวนแม่ทัพกลายเป็นที่น่าหัวเราะเยาะ จึงไม่ได้รับความรักจากบิดาเลยแม้แต่น้อย น่าเวทนาที่คุณหนูสูงศักดิ์ผู้หนึ่งซึ่งกำเนิดจากภรรยาเอกต้องกลายเป็นเป้าหมายการกลั่นแกล้งของผู้อื่น…
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ล้วนผ่านพ้นไปแล้ว ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!
ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร เธอสำรวจคุณสมบัติเดิมของร่างนี้ดูแล้ว ถือเป็นเมล็ดพันธุที่ดีเหมาะจะฝึกฝนกำลังภายใน เพียงแค่เธอฝึกฝนตามวิธีของตนเอง ไม่ถึง 3 ปี ก็สามารถฝึกฝนถึงระดับเดียวกับตัวเธอในชาติก่อนได้แล้ว เธอจะอยู่บนโลกนี้อย่างสง่าผ่าเผยเหมือนเริ่นหว่อสิง[3]
………………………………
[1]หยกขาวมันแพะ เป็นหยกที่มีลักษณะขาวใสเหมือนไขมันของแพะจึงถูกเรียกว่าหยกขาวมันแพะ ถือเป็นหยกที่หายากและมีราคาแพง
[2]ทำน้อยแต่ได้มาก ความหมายคือการลงแรงทำอะไรแค่เพียงเล็กน้อยแต่ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าแรงที่เสียไป
[3]เริ่นหว่อสิง เป็นตัวละครฝ่ายร้ายในนวนิยายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร ผลงานประพันธ์ของกิมย้ง