บทที่ 7
ไว้หน้าสักหน่อยแล้วกัน
เป็นเสื้อคลุมที่งามลํ้าค่ายิ่ง! เหมาะให้เธอใช้!
นี่ต้องเป็นเสื้อผ้าที่เทพเจ้าประทานมาให้เธออย่างแน่นอน!
กู้ซีจิ่วไม่พูดพรํ่าทำเพลงก็เดินไปถอดเสื้อคลุมสีขาวดุจหิมะตัวนั้นออกจากร่างของรูปสลักหยก เดิมทีเธอยังกังวลอยู่ว่ารูปสลักหยกนั้นแข็งกระด้าง ไม่สามารถยืดแขนได้ เสื้อคลุมตัวนี้คงถอดออกมาไม่ได้ง่ายๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเสื้อคลุมตัวนี้จะยืดหยุ่นมาก เธอถอดเสื้อคลุมสีขาวออกได้ง่ายดายยิ่งนัก
เมื่อถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกมาเธอค่อยพบว่า บนร่างของรูปสลักหยกยังสวมเสื้อตัวในไว้ด้วย แม้กระทั่งกางเกงตัวในก็ยังสวมไว้… แต่งกายคล้ายพวกคน โบราณที่เธอเคยเห็นในทีวีทุกประการไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิดเดียว
ผู้ที่แกะสลักหยกชิ้นนี้จะทุ่มเทเกินไปหรือเปล่า? ปฏิบัติราวกับเป็นคนที่มีชีวิตจริงๆ หรือว่าภายใต้กางเกงของรูปสลักหยกนี้ กระทงส่วนลับของบุรุษก็สลักไว้ด้วย?!
กู้ซีจิ่วคว้าหมับเข้าที่หว่างขาของรูปปั้นหยกทันทีอย่างอดไม่ไหว ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่าจะสมบูรณ์ครบครันยิ่งนัก! และดูเหมือนมีขนาดใหญ่เสียด้วย…
เธอกระแอมไอเล็กน้อย สายตาทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะมองสังเกตรูปสลักหยกอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อเสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกถอดออกไปแล้ว เสื้อตัวในที่สวมอยู่บนร่างรูปสลักหยกก็พอดีตัวมาก เป็นบุรุษโครงร่างสูงสง่า ทุกอย่างลงตัวยิ่ง ไม่มากไม่น้อยเกินไป ตั้งแต่หัวจรดเท้า ล้วนสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด รูปสลักหยกนี้ไม่คล้ายถูกสร้างโดยฝีมือของมนุษย์ แต่คล้ายผลงานชั้นเลิศแสนสมบูรณ์ที่เทพเจ้ารังสรรค์ขึ้น
รูปสลักหยกนี้คือการรวมความสมบูรณ์แบบโดยแท้ถ้าหากมีคนเช่นนี้อยู่จริงๆ เดาว่าสตรีทั้งหมดบนโลกคงต้องบ้าคลั่งเพราะเขาสินะ?!
โชคดีที่มันเป็นเพียงรูปสลักหยกชิ้นหนึ่ง!
กู้ซีจิ่วมองดูมันอยู่สักพัก จึงยกมือขึ้นตบลงบนใบหน้าของรูปสลักหยกเบาๆ “ต้องล่วงเกินพี่เทพบุตรเสียแล้ว ท่านงดงามถึงเพียงนี้ ต่อให้เปลือยเปล่าก็ยังเจิดจรัสมากอยู่ดี เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าทั้งหมดของท่านก็เอามาให้ข้ายืมเสียเถอะ ถือเสียว่าท่านกระทำความดีถวายเทพเซียนก็แล้วกัน…”
ถ้าให้เธอสวมแค่เสื้อคลุมตัวเดียว แต่ข้างในไม่สวมอะไรเลยก็รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ตังนั้นเธอจึงกล่าวคำขอล่วงเกิน จากนั้นก็ยื่นมือไปถอดเสื้อและกางเกงตัวในที่อยู่บนรูปสลักหยกออกอย่างไม่เกรงใจ…
แต่เสื้อผ้าสองชิ้นนี้ไม่มีความยืดหยุ่นเลย แถมอีกฝ่ายยังอยู่ในท่านั่งสมาธิเช่นนี้ เธอวุ่นวายอยู่พักใหญ่ แต่ก็ถอดออกมาไม่ได้
เว้นเสียแต่ว่าจะฉีกเสื้อผ้าทั้งสองชิ้นนั้นซะ ไม่เช่นนั้นเธอก็ไม่มีทางที่จะเอาออกมาได้ แต่ถ้าฉีกเสื้อผ้าออกจริงๆ เธอก็สวมมันไม่ได้แล้ว…
‘งั้นก็ช่างเถอะ! ถือว่าไว้หน้ารูปสลักหยกนี้สักหน่อยแล้วกัน ไม่ถอดจนมันต้องเปลือยแล้ว…’
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ถอดใจ สวมแค่เสื้อคลุมสีขาวหิมะตัวนั้นบนร่างตน เสื้อคลุมนี้เมื่อสวมบนร่างเธอก็หลวมโพรก เธอจึงใช้กระบี่ลํ้าค่าตัดชายเสื้อคลุมออกอย่างไม่เกรงใจ แล้วใช้เศษชายเสื้อยาวๆ ที่ถูกตัดออกมาผูกไว้ที่เอว ถึงแม้จะยังหลวมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รุ่มร่ามแล้ว
เนื้อผ้าที่สวมอยู่บนร่างกายนี้ให้สัมผัสพิเศษยิ่ง เรียบลื่นบางเบาราวกับสัมผัสสายลมอ่อนโชย กู้ซีจิ่วเริ่มคิดแล้วว่าหลังจากที่กลับไปจะนำเสื้อคลุมนี้มาตัดเย็บเป็นชุดชั้นใน…
เดิมทีเธอโดนสายฝนกระหนํ่าเทใส่จนเปียกเหมือนลูกนกตกนํ้า หนาวจนทนแทบไม่ไหว แต่ขณะนี้หลังจากที่สวมเสื้อคลุมแล้ว ร่างกายก็อบอุ่นขึ้นมาทันที ความ หนาวเย็นทั้งหมดสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เป็นของดีอย่างทีคิดไว้เลย!
แต่จะว่าไป ใครกันนะที่นำเอารูปสลักหยกลํ้าค่ามาตั้งไว้ในถํ้ากลางหุบเขาที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้?
อย่าว่าแต่มูลค่าของรูปสลักหยกเลย ขนาดเสื้อผ้าพวกนี้ที่มันสวมอยู่ก็เป็นสมบัติลํ้าค่ามิใช่หรือ?
กู้ซีจิ่วสังเกตดูภายในถํ้าอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ไม่พบสมบัติอย่างอื่นเลย ไม่คล้ายจะเป็นถํ้าขุมทรัพย์ของโจรด้วย
หรือว่าจะมีจอมโจรสักคนที่เพิ่งจะขโมยมันมาเมื่อไม่นานนี้ เลยไม่ง่ายนักที่จะขายมันในช่วงนี้ ดังนั้นจึงต้องนำมาไว้ที่นี่ก่อนชั่วคราว?
‘มีความเป็นไปได้!’