บทที่ 927 หล่นลงมาเจ็บหรือไม่
ศิษย์สามคนนี้ทยอยเข้ามาไล่ๆ กัน ศิษย์คนแรกสุดนั้นเข้ามาเมื่อหนึ่งปีก่อน เป็นเด็กหนุ่มแข็งแรงกำยำอายุสิบห้าปี นามว่าจินอวิ๋นเฮ่า พลัง วิญญาณแรกเริ่มคือขั้นหกกับอีกหกส่วน ยามที่เข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์พลังวิญญาณธาตุทองของเขาบรรลุขั้นเจ็ดกับอีกสองส่วนแล้ว เป็นตัวตนที่ยอดเยี่ยมนัก สองคนที่เหลือ เป็นหนึ่งชาย หนึ่งหญิง ล้วนอยู่ในช่วงอายุสิบห้าปีเช่นกัน
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ชายมาก หญิงน้อย ดังนั้นเด็กสาวทุกนางล้วนเป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องปกป้องตามสัญชาตญาณ แต่เด็กสาวที่เพิ่งมาถึงนางนี้กลับทำให้ผู้อื่นหมดความปรารถนาที่จะปกป้อง เนื่องจากนางมุทะลุนัก โผงผางยิ่ง หัวเราะฮ่าๆ หนึ่งครั้งสั่นสะเทือนไปไกลสิบลี้ ฝ่ามือเดียวก็ซัดให้คนล้มควํ่าได้อยู่บ่อยครั้ง เหมือนชายชาตรียิ่งกว่าชายชาตรีเสียอีก!
เด็กสาวนางนี้ฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุไฟ ยามที่เข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ระดับพลังคือขั้นหกกับแปดส่วน ชื่อของเด็กสาวนางนี้มีแตกต่างจากบุคลิกของนางอย่างยิ่ง…จางฉูฉู่(ผู้อ่อนโยนแซ่จาง)
ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนที่เข้ามาเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นโดดเด่นดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สุด เด็กหนุ่มคนนี้รูปลักษณ์หล่อเหลางดงามยิ่งนัก เครื่องหน้าสง่างามดั่งวาดแต้ม มีรูปลักษณ์งดงามชวนตะลึงที่สุดในบรรดาสามคนที่เข้ามาทีหลังนี้ ทุกอากัปกริยาสง่างามดั่งลำไผ่ ราวกับมีกลิ่นอาย
ผู้สูงศักดิ์จางๆ แผ่ซ่านออกมาจากภายในกระดูก ยามที่ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่งสามารถทำให้ผู้อื่นสดชื่นรื่นรมย์ได้
ยามที่ผู้คนบรรยายถึงโฉมงามมักจะกล่าวอะไรทำนองว่าแย้มหนึ่งยิ้ม ล่มเมือง ยิ้มอีกคราล่มชาติ
และเด็กหนุ่มผู้นี้ก็เป็นประเภทนั้น ยามที่เขาผลิยิ้มน้อยๆ สามารถทำให้ชายชาตรีสูงเจ็ดฉื่อใจเต้นรัวอยู่ครึ่งค่อนวันได้!
รอบกายเขาเสมือนมีรัศมีอะไรอยู่ ต่อให้เป็นคนที่หยาบกระด้างสักเพียงใดเมื่อได้พบเขา ก็อยากเปลี่ยนเป็นสุภาพชนขึ้นมาบ้าง เลี่ยงไม่ให้ถูกบุคลิกอ่อนโยนสง่างามขับเน้นให้ดูเหมือนอาจมกองหนึ่ง…
เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนี้ ยามที่เขาถูกอาจารย์พาเข้ามาในชั้นเรียน เหล่าศิษย์ล้วนผ่อนลมหายใจให้เบาลงตามสัญชาตญาณ ด้วยเกรงว่าถ้าหายใจแรงไปจะพัดเขาปลิวได้
คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ควรฝึกฝนวรยุทธ์ แต่ควรไปสอบเป็นจอหงวน เกรงว่าเขาจะรับการฝึกฝนนรกแตกอันใดของที่นี่ไม่ไหว ทำให้มือที่งดงามปานหยกมันแพะของเขาเสียดสีจนหยาบกร้านแข็งเป็นไต ทำให้ดวงหน้างามพิสุทธิ์ของเขาไม่หยาดเยิ้ม ดึงดูดใจถึงเพียงนั้นอีกต่อไป…
จางฉูฉู่ เป็นตัวมุทะลุผู้หนึ่ง นางอาศัยว่าเข้ามาก่อนผู้อื่นครึ่งปี ถือว่าเป็นเจ้าถิ่นแล้ว ซํ้ายังเชี่ยวชาญการต่อยตีวิวาทเป็นพิเศษ ดังนั้นพอเด็กหนุ่มผู้นั้้นเดินลงมาจากแท่นบรรยายก็ถูกนางขวางไว้ นางเข้าไปตบไหล่ผู้อื่นอย่างวางมาด “หนุ่มน้อย ร่างกายที่เล็กจ้อยเหมือนไก่อ่อนของเจ้า…”
นางไม่ได้กล่าวประโยคนี้จนจบ เนื่องจากเด็กหนุ่มผู้นั้นหมุนตัวออกด้านข้างทันที ข้อมือหมุนตวัด ไม่เพียงแต่หลบหลีกฝ่ามือของนางได้เท่านั้น ยัง ถือโอกาสยื่นมือผลักด้วย ด้วยเหตุนี้สหายร่วมชั้น จางฉูฉู่จึงกระเด็นออกไปแตะขอบฟ้าทันที…
จางฉูฉู่หล่นกระแทกโต๊ะสองตัว แล้วกระเด้งตัวขึ้นมามองเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างประหลาดใจ ในที่สุดก็ทราบแล้วว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มิใช่ไก่อ่อน…
เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มบางๆ เอ่ยถามนางอย่างอ่อนโยน “เป็นเด็กสาวอย่าได้ขยับมือไม้วุ่นวาย หล่นลงมาเจ็บหรือไม่?”
จางฉูฉู่พูดไม่ออก
นางไม่ยอม!
นางส่งสารท้าประลองกับเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างเป็นทางการ คิดจะต่อสู้อย่างสะท้านสะเทือนกับเด็กหนุ่มผู้นี้สักครา เด็กหนุ่มกลับรับคำท้าอย่างชื่นมื่นยิ่ง ด้วยเหตุนี้เหล่าศิษย์ที่อยู่ในสนามฝึกยุทธ์จึงได้ชมลีลาการโยนฉากหนึ่ง…
จางฉูฉู่ถูกโยนออกไปด้วยท่าทางสารพัด เมื่อจางฉูฉู่ถูกโยนจนล้มลงเป็นรอบที่แปดสิบแปด ถูกโยนใบหน้าปูดชํ้าแม้กระทั่งมารดาของนางมาก็คงจำไม่ได้ว่านางเป็นใคร ในที่สุดนางก็ยอมรับนับถืออย่างสมบูรณ์แล้ว!
เหล่าสหายร่วมชั้นที่อยู่ห้องเดียวกับเขาล้วนมองด้วยลูกตาที่หดเกร็ง!
เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนอ่อนแอจนผลักให้ล้มได้ง่ายๆ พลังวิญญาณของเขาก็ไม่สูง เพียงขั้นหกกับสองส่วนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะเป็นม้ามืดที่มีความสามารถด้านการต่อสู้พอฟัดพอเหวี่ยงกับกู้ซีจิ่วเลย!
เด็กหนุ่มผู้นี้มีนามที่งามสง่ายิ่งนัก…อิงเหยียนนั่ว(รักษาคำสัตย์)
เหล่าศิษย์ของชั้นเมฆาม่วงห้องหนึ่งล้วนเป็น วัยรุ่น เลือดร้อนเอะอะก็ชอบ…