บทที่ 932 มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่จะใช้นางเป็นหมาก
บุรุษชุดสีมรกตผู้นั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ “ยังไม่มีเช่นเดิมขอรับ”
จากนั้นก็คาดเดาในแง่ดี “เขาอาจตายไปแล้วก็ได้ คนของเราจับตามองความเคลื่อนไหวของคนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่ตลอด และจับตามองกู้ซีจิ่วตลอดเวลาเช่นกัน ถึงแม้การแสดงออกของนางจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่แอบส่งคนออกไปสืบข่าวคราวของตี้ฝูอีอยู่หลายครั้ง นี่แสดงว่าตี้ฝูอีไม่ได้ไปพบนางเลย…”
บนร่างคนชุดขาวผู้นั้้นคล้ายมีรังสีสังหารแผ่ออกมา นํ้าเสียงเฉยเมยทว่าเยียบเย็น “ถึงเจ้าตาย เขาก็ไม่ตาย! เขาน่าจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อตรวจสอบพวกเรา…”
บุรุษชุดสีมรกตขมวดคิ้ว “เมื่อเขาอยู่ในที่สว่าง พวกเราอยู่ในที่มืด ตอนนี้พวกเราสองฝ่ายต่างอยู่ในที่มืดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะงัดลูกไม้อะไรออกมาต่อกรกับพวกเรา ข้าน้อยรู้สึกอยู่เสมอว่าไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ผู้อาวุโสหลงก็สิ้นท่าครั้งใหญ่ในเงื้อมมือเขา ถูกเขาวางแผนทำลายดวงวิญญาณ จงบจนยามนี้ก็ยังไม่อาจกลับมารวมตัวได้… ”
คนชุดขาวผู้นั้นหัวเราะเบาๆ เอนร่างพิงขอบสระ กล่าวคำหนึ่งออกมาอย่างเฉื่อยชา “โง่!”
ถ้อยคำนี้ไม่ทราบเช่นกันว่าตำหนิผู้ใด
บุรุษชุดสีมรกตไม่กล้าพูดอะไรต่อแล้ว
คนชุดขาวผู้นั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ระยะนี้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีความเคลื่นไหวใหม่ๆ บ้างไหม?”
บุรุษชุดสีมรกตส่ายหน้า “ไม่มีขอรับ”
เขาอดกลั้นอยู่ครู่หนึ่งทว่าอดไม่อยู่ เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “กู้ซีจิ่วผู้นั้นสรุปแล้วมิใช่คนรักของตี้ฝูอีหรือขอรับ? หนึ่งปีก่อนเขารักใคร่เอ็นดูนางอย่างยิ่ง ถึง
ขึ้นมีคนรํ่าลือว่าเขาคิดจะสู่ขอตบแต่งนาง แต่ยามนี้ผ่านไปเกือบปีหนึ่งแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่โผล่มา เขาไม่ต้องการนางแล้วหรือขอรับ? หรือคิดจะใช้นางเป็นเหยื่อล่อพวกเรา?”
คนชุดขาวผู้นั้นหรี่ตาลงนิดๆ นํ้าเสียงก็ราบเรียบเช่นกัน “ตี้ฝูอีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เรื่องที่ชมชอบละเล่นที่สุดก็คือกลับเท็จเป็นจริง กลับจริงเป็นเท็จ จิตใจของเขาไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้กระจ่าง คนผู้นี้ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานถึงปานนี้ยังไม่เคยเห็นว่าเขาจะชอบใครจริงสักคน ไม่ว่าผู้ใดล้วนเป็นตัวหมากในมือเขาทั้งนั้น…”
เขายิ้มบางๆ อีกครา “ความเป็นไปได้ที่เขาจะชอบพอกู้ซีจิ่วมีน้อยนัก มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่จะใช้นางเป็นหมาก…เจ้าลืมเรื่องที่เขาเคยใช้นางเป็นตัวหมากวางแผนร่วมกับหลงซือเย่จนเกือบสังหารผู้อาวุโสหลงได้ไปแล้วหรือ? หากมิใช่ข้าลงมือ ผู้อาวุโสหลงคนนั้นคงฟื้นฟูไม่ได้แล้ว ยัง ไม่รู้เลยว่ายามนี้จะไปเป็นผีเร่ร่อนอยู่ที่ใด!”
“ใช่ขอรับ ท่านเจ้าปราดเปรื่องนัก!”
นิ้วมือคนชุดขาวเคาะขอบสระเบาๆ คล้ายจะครุ่นคิดอยู่
บุรุษชุดสีมรกตพลันกล่าวขึ้น “ท่านเจ้าขอรับ กู้ซีจิ่วผู้นั้นค่อนข้างประหลาด ความไวในการฝึกฝนของนางว่องไวยิ่ง! อีกทั้งความคิดจิตใจก็ละเอียดลออจนน่ากลัว ข้าน้อยเกรงว่าภายหน้านางจะกลายเป็นอุปสรรคของท่านเจ้า มิสู้กำจัดนางไปเสีย…”
นิ้วมือคนชุดขาวชะงักไปเล็กน้อย นํ้าเสียงแผ่วเบาทว่าเย็นยะเยือก “อย่าคิดร้ายต่อนาง นางจะกลายเป็นคนของข้าในไม่ช้าก็เร็ว”
บุรุษชุดสีมรกตตะลึงงัน พลั้งปากเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “ท่านเจ้า ชอบนางหรือขอรับ?”
คนชุดขาวหันหน้ามา เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเขาสวมหน้ากากอยู่ ผู้อื่นไม่มีทางมองเห็นใบหน้าเขา แต่บุรุษชุดสีมรกตกลับรู้สึกว่าสายตาของ
คนชุดขาวราวกับมีดที่ร่อนลงบนร่างก็มิปาน เฉียบคมเยือกเย็นทำให้เขาแทบจะทรุดเข่าลง เขาไม่กล้าพูดต่อแล้ว คนชุดขาวมองเขาครู่หนึ่ง คล้ายจะแย้มยิ้มแวบหนึ่ง “ดูเหมือนเจ้าจะพูดมากไปหน่อยแล้ว…”
บุรุษชุดสีมรกตผู้นั้นหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบคุกเข่าหมอบอยู่บนพื้น “ขอรับ! ข้าน้อยทราบความผิดแล้ว!”
และไม่ทราบว่าไปคว้ามีดเล่มหนึ่งมาจากที่ใด ตัดลิ้นตนทิ้งครึ่งหนึ่งเสียงดังฉัวะ โลหิตสดๆ พุ่งกระฉูด เขาเจ็บจนทั้งร่างสั่นสะท้าน ทว่าไม่กล้า
ร้องออกมาสักคำ
คนชุดขาวถอนหายใจเบาๆ “ข้าก็ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าจะเอาลิ้นเจ้า…ช่างเถอะ เห็นแก่เจ้าที่รู้ความถึงเพียงนี้ ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าอีก เจ้านำลิ้นไปให้ผู้อาวุโสหลงต่อคืนเสียเถอะ”
บุรุษชุดสีมรกตดั่งได้รับการอภัยโทษ ตอบรับเสียงอู้อี้ หยิบลิ้นที่ขาดครึ่งของตนขึ้นมาแล้วรีบรุดจากไป