บทที่ 940 พวกเราสงบเสงี่ยมหน่อยได้หรือไม่?
กู้ซีจิ่วมองแผ่นหลังเขา เจ้าเด็กนี่นั่งเหยียดเอวตรงแน่วอยู่ตรงนั้นดั่งทหารยามที่สะบัดมือแส้ก็จะกระจายออกมาเป็นพุ่มกลมๆ กลมเสียยิ่งกว่าวาดด้วยวงเวียน…
นัยน์ตาลุกวาบแวบหนึ่ง ขยับกายเล็กน้อย วินาทีต่อมาเธอพลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายอิงเหยียนนั่ว นั่งเคียงข้างเขา คงเป็นเพราะเธอโผล่มากะทันหันเกินไป ร่างกายอิงเหยียนนั่วคล้ายจะแข็งทื่อไปทันที ส่ายโงนเงนเกือบจะร่วงจากหน้ารถแล้ว!
กู้ซีจิ่วยื่นมือออกไปดึงแขนเขาไว้ “ระวังหน่อยสิ!”
อิงเหยียนนั่วประหนึ่งถูกผึ้งต่อย รีบชักมือกลับทันที หลีกห่างจากมือเธอ เอนตัวไปด้านข้าง “เจ้า…เจ้าออกมาทำไม? ด้านนอกลมแรง เจ้ากลับไปนั่งในรถม้าเถอะ”
เมื่อครู่ร่างกายกู้ซีจิ่วแทบจะแนบชิดอยู่บนร่างเขา เธอลอบดมกลิ่นบนร่างเขาทันที…
อันที่จริงน่าประหลาดยิ่งนัก กลิ่นของตี้ฝูอีที่เธอได้กลิ่นคล้ายจะเป็นกลิ่นอายดวงวิญญาณของเขา แต่พอดมกลิ่นผู้อื่นก็เป็นกลิ่นกายปกติทั่วไป เหมือนบนร่างของอิงเหยียนนั่วในยามนี้ เป็นกลิ่นหอมสดชื่นของใบไผ่ชนิดหนึ่ง หอมยิ่งนัก แต่ไม่ใช่เขาแน่นอน…
เด็กน้อยอิงเหยียนนั่วผู้นี้รสนิยมค่อนข้างพิเศษ เขาชมชอบกำยานหอม แถมยังเป็นกำยานหอมหลายชนิดด้วย ดังนั้นกู้ซีจิ่วมักจะได้กลิ่นกำยานที่แตกต่างกันไปบนร่างเขา เธอยิ้มนิดๆ วางมือพาดบ่าเขา “อิงเหยียนนั่ว เจ้าเคยพบว่าจริงๆ แล้วตัวเองเป็นคนสองบุคลิกบ้างหรือเปล่า?”
อิงเหยียนตัวแข็งทื่อ “อ…อะไรนะ?”
กู้ซีจิ่วเพ่งพิศเขาจากบนจรดล่าง เพ่งพิศจนเส้นขนเขาลุกชัน ถึงเอ่ยอย่างอ้อยอิ่ง “ข้ารู้สึกว่าในตัวเจ้า มีวิญญาณอยู่สองดวง ร่างเล็กๆ นี้ของเจ้า มักจะมีดวงวิญญาณคอยสลับกันควบคุม…”
อยู่ในระยะประชิด กู้ซีจิ่วไม่เห็นว่าบนหน้าเขามีหน้ากากหนังมนุษย์อันใด ดูเหมือนจะเป็นผิวหนังของเขาจริงๆ ไม่คล้ายว่าเป็นผู้อื่นปลอมตัวมา…
หรือว่าคนผู้นี้เป็นคนสองบุคลิกที่รํ่าลือกันจริงๆ?
อิงเหยียนนั่วเลิกคิ้วมองเธอครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “อันที่จริงคนในครอบครัวข้าก็เคยกล่าวทำนองนี้กับข้าเหมือนกัน บางครั้งข้าก็หลงลืมเรื่องที่ตัวข้าเองกระทำไปอยู่บ่อยๆ ต่อให้ผู้อื่นเอ่ยเตือนข้าข้าก็นึกไม่ออกเท่าไหร่…แต่ข้ารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ในร่างจะมีวิญญาณอยู่สองดวง บางที…บางทีอาจเป็นคนสองบุคลิกเช่นที่เจ้าว่าจริงๆ กระมัง?”
สหายน้อยมู่เตี่ยนยังคงเฉลียวฉลาดนัก ปฏิกิริยาตอบสนองก็ว่องไวยิ่ง รีบตีงูที่พันกิ่งทันที ไหลตามคำพูดของกู้ซีจิ่วไป
อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นกริยาท่าทางหรือว่าการเคลื่อนไหวของเขาล้วนไม่แตกต่างกับอิงเหยียนนั่วเลย ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวน่าจะเป็นท่าทีที่มีต่อกู้ซีจิ่ว
นายท่านของเขาสามารถใกล้ชิดกู้ซีจิ่วอย่างไร้ข้อจำกัดได้ สามารถตัวติดกับนางได้ แต่เขาน่ะไม่กล้า!
ต่อให้สวมรอยเป็นอิงเหยียนนั่วก็ไม่กล้าอยู่ดี…
นายท่าน ท่านบอกข้าน้อยไว้มิใช่หรือว่าท่านจะไม่สนิทสนมชิดเชื้อนางจนเกินไปเลี่ยงไม่ให้ฐานะถูกเปิดเผย?
เหตุใดแม่นางกู้ผู้นี้้มีท่าทีราวกับท่านเกาะติดดั่งแผ่นยาหนังสุนัขเล่า?
นายท่าน ต่อหน้าแม่นางกู้ผู้นี้้ พวกเราสงบเสงี่ยมหน่อยได้หรือไม่?
มิเช่นนั้นในสายตาแม่นางกู้ ภาพลักษณ์ของอิงเหยียนนั่วคงย่อยยับไปหมดแล้ว!
ขณะที่เขาจมอยู่ในภวังค์ความคิด จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งพาดลงบนข้อมือ เขาสะดุ้งโหยง เกือบจะซัดฝ่ามือใส่อีกฝ่ายแล้ว เคราะห์ดีที่เขายั้งไว้ทัน มองกู้ซีจิ่วด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ “ท่าน…ท่านจะทำอะไร?”
สวรรค์ แม่นางกู้ผู้นี้คงไม่คิดจะแทะโลมเขากระมัง?!
เขาควรยอมตายดีกว่ายอมศิโรราบ หรือว่าแบ่งรับแบ่งสู้ดี?
กู้ซีจิ่วเหลืบมองใบหน้าที่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดของเขาแวบหนึ่ง “อย่าขยับ! ข้าจะตรวจสอบว่าในร่างเจ้ามีวิญญาณดวงอื่นอยู่หรือไม่”
เธอเคยเรียนวิชาปราบวิญญาณมานิดหน่อย หากมมีวิญญาณดวงอื่นอยู่ในร่าง เธอยังพอตรวจสอบได้
มู่เตี่ยนย่อมทราบความสามารถของนางดี จึงไม่กล้าขัดขืน ยอมให้นางตรวจสอบอย่างว่าง่าย