Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 967

บทที่ 967 เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?

เธอร้อนรนใจ จึงใช้มีดกรีดฝ่ามือทันที โลหิตสีแดงสดไหลหยด ในที่สุดกลิ่นคาวโลหิตก็ดึงดูดผีดิบพวกนั้นให้หันกลับมาไล่ล่าเธออีกครั้ง…

แต่โลหิตที่ไหลออกมาจากฝ่ามือถึงอย่างไรก็มีขีดจำกัดอยู่ หลังจากเธอชักนำผีดิบกลุ่มนี้ได้ไม่กี่นาที โลหิตก็แข็งตัวแล้ว ผีดิบที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็เริ่มเดินๆ หยุดๆ อีกครั้ง เธอขมวดคิ้วทันที ขณะที่กำลังจะกรีดตัวเองซํ้าอีก เบื้องหน้าพลันมีร่างคนแวบขึ้น มีคนกุมข้อมือเธอไว้ในทันใด เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าหล่อเหลางดงามของอิงเหยียนนั่ว เขาดูจนปัญญาอยู่บ้าง

“ก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่เชื่อฟัง! ข้าควรจะทำให้เจ้าสลบแล้ววางไว้บนรถซะ!” เขาว่าพลางดึงเธอให้ออกวิ่งไปด้วย ผีดิบที่ตามอยู่ด้านหลังเขากับเธอก็ไหลมารวมกันแล้ว เป็นกองทัพที่มากมายมหาศาลยิ่ง…

ฝ่ามือเขาอุ่นร้อน กุมข้อมือเธอวิ่ง

กู้ซีจิ่วมองเขาแวบนึ่งอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกอยู่รางๆ ว่าเขาที่อยู่เบื้องหน้าคล้ายคลึงกับซือเฉิน…

เธอส่ายหัวแรงๆ ซัดความคิดที่ไม่เข้าท่านี้ให้กระเด็นไป เธอทดสอบเขาทั้งในทางลับทางแจ้งมาหลายครั้งแล้ว เขาไม่ใช่ตี้ฝูอีปลอมตัวมาแน่นอน ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องสงสัยเขาเหมือนเก่าแล้ว…

เธอไม่อยากกลายเป็นโรคประสาทที่เห็นใครก็ว่าเหมือนเขาไปหมด!

ด้วยการวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป เยี่ยนเฉินและเล่อชิงซิ่งจึงตามมาทันเช่นกัน ผีดิบจากสี่ทิศไหลมารวมกัน ผีดิบมากมายมหาศาลมุ่งสู่หล่มโคลมทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

….

ระหว่างทาง อิงเหยียนนั่วกล่าวแผนการของตนอย่างรวดเร็ว หล่มโคลมแห่งนั้นกินพื้นที่กว้างใหญ่นัก ซํ้ายังมีแรงดูดมากเป็นพิเศษ ขอเพียงผีดิบเหล่านี้วิ่งเข้าไป น่าจะถูกดูดจมลงไป…

แน่นอนว่าคนที่ล่อผีดิบผู้นั้นก็ต้องเข้าสู่หล่มโคลนด้วย มิเช่นนั้นผีดิบเหล่านั้นจะไม่ตามเข้าไป พวกเขาสี่คนไม่จำเป็นต้องเป็นเหยื่อล่อผีดิบทั้งหมด ดังนั้นยามที่ใกล้จะไปถึงหล่มโคลน ให้กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาอีกสองคนหนีไป ตัวอิงเหยียนนั่วจะเป็นเหยื่อล่อผีดิบเองก็พอแล้ว…

ในสถานการณ์เช่นนี้คนที่เป็นเหยื่อล่อผีดิบย่อมอยู่ในอันตรายยิ่งนัก เมื่อเยี่ยนเฉินได้ฟังก็คัดค้านทันที “ไม่ได้! เหยื่อล่อนี้ข้าจะเป็นเอง!”

เขาอายุมากที่สุดในกลุ่ม ระดับพลังวิญญาณก็สูงที่สุดเช่นกัน เขาจะปล่อยให้อิงเหยียนนั่วที่อายุน้อยที่สุดและมีพลังวิญญาณอ่อนด้อยที่สุดไปได้อย่างไร?

อิงเหยียนนั่วเอ่ยด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “ไม่ได้! จิ้งจอกน้อยยังรอเจ้ากลับไปอยู่ เจ้าไม่อาจประสบอันตรายได้!”

เล่อชิงซิ่งกำลังอ้าปากพูด ก็ถูกอิงเหยียนนั่วสกัดกลับไป “น้องสาวของเจ้าก็ขาดเจ้าไม่ได้เหมือนกัน!”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว กล่าวว่า “พวกเราไม่ว่าจะผู้ใดก็ประสบเหตุเหนือความคาดหมายไม่ได้ทั้งนั้น อิงเหยียนนั่ว เจ้าก็เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้เหมือนกัน!”

อิงเหยียนนั่วเหลือบมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?”

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าประโยคนี้ของเขาช่างหาเรื่องโดยแท้ “พวกเราล้วนเป็นห่วงเจ้ากันทั้งนั้น! ตอนนี้พวกเราเป็นกลุ่มเดียวกัน!”

อิงเหยียนนั่วมองเธออีกแวบหนึ่ง สุ้มเสียงโอนอ่อน “ได้ ข้าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นเช่นกัน วางใจเถอะ ข้าคุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้ดี ไม่เกิดเรื่องหรอก ซีจิ่ว ทางเหนือห่างจากที่นี่ไปห้าลี้มีเนินเขาแห่งหนึ่งอยู่ พวกเจ้าไปรอข้าอยู่ที่นั่นก็ได้ หลังจากข้าล่อพวกมันเข้าไปในหล่มโคลนแล้วจะตามไปสมทบกับ พวกเจ้า”

อีกสามคนยังคิดจะพูดต่อ ใบหน้าหล่อเหลาของอิงเหยียนนั่วพลันเคร่งขรึม “ไม่อนุญาตให้พูดต่อแล้ว ตกลงตามนี้!”

อายุเขายังน้อยชัดๆ แต่ยามที่ทำหน้าเคร่งขรึมเช่นนี้ รัศมีอำนาจกลับแกร่งกล้ายิ่ง ทำให้คนไม่กล้าคัดค้าน

ช่วงที่พูดคุยกัน ในอากาศมีกลิ่นเหม็นคาวโชยมาจางๆ ชัดเจนยิ่งนักว่าพวกมันใกล้ถึงหล่มโคลนแห่งนั้นแล้ว…

“ซีจิ่ว เจ้าพาเล่อชิงซิ่งไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับเยี่ยนเฉิน!” อิงเหยียนนั่วสั่งการอย่างรวดเร็ว

กู้ซีจิ่วทราบว่ายามนี้โต้เถียงไปก็ไม่ประโยชน์แล้ว ส่งเสียงตอบรับทันที “ได้!”

พลันจับแขนเสื้อของเล่อชิงซิ่งไว้ เกิดเสียงดังวิ้งแล้วหายลับไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version