Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 980

บทที่ 980 พี่ชายเป็นผู้จุดเอง!

เขารออย่างมีนํ้าอดนํ้าทนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เห็นลูกไฟดวงหนึ่งพุ่งขึ้นมาบนฟ้า ในลูกไฟห่อหุ้มคนผู้หนึ่งไว้รางๆ คนที่อยู่ด้านในผู้นั้นกำลังร่ายวิชาดับไฟอย่างรวดเร็ว…

ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ตอนนี้ร่างเขาน่าจะมีพลังวิญญาณอยู่ประมาณเศษสามส่วนร้อย แต่พลังวิญญาณที่น้อยนิดนี้เพียงพอจะสร้างสายนํ้าสีฟ้ากระจ่างสายหนึ่ง ราดรดใส่ลูกไฟดวงนั้น

เมื่อลูกไฟดับลง มู่อวิ๋นโผล่ออกมาจากด้านในก็ดูราวขนมแป้งม้วนที่ถูกเผาจนเกรียม ถูกตี้ฝูอีใช้แถบแพรดึงตัวอีกครั้ง ในที่สุดก็พาเขามาถึงบนรถของตนได้

ยามนี้มู่อวิ๋นดูจนตรอกยิ่งนัก เสื้อผ้าถูกเผาจนรุ่งริ่ง ใบหน้าหล่อเหลาขะมุกขะมอม แม้แต่เส้นผมก็ไหม้จนยาวบ้างสั้นบ้าง ดูคล้ายขอทานที่เพิ่งปีนออกมาจากปล่องควัน ความสง่างามเจ้าสำราญมลายไปจนสิ้น นี่ยังถือว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาว่องไว ช่วงที่เกิดระเบิดได้พยายามสร้างเขตแดนคุ้มกันรอบกายสุดชีวิต ฉวยโอกาสกลิ้งออกมาตามแรงปะทุของระเบิด มิเช่นนั้น…

มิเช่นนั้นกว่าเขาจะหนีออกมาจากด้านในได้คาดว่าหนังคงลอกออกเป็นชั้นแล้ว

“หนีได้เร็วเอาการนี่” ตี้ฝูอีชมเชยเขาอย่างเบิกบาน แล้วเพ่งพิศเขาแวบหนึ่ง “ข้าให้เจ้าจุดไฟแล้วหนีให้ห่างหน่อยมิใช่หรือ?”

มู่อวิ๋นแทบจะหลั่งนํ้าตา “นายท่าน ท่านไม่ได้บอกว่ามันจะระเบิด…”

ตี้ฝูอีกล่าวหน้าเป็นว่า “มิใช่ว่าข้าบอกเจ้าแล้วหรือว่าเพลิงนี้จุดแล้วจะค่อนข้างรุนแรง ให้เจ้าระวัง น่อย?”

มู่อวิ๋นพูดไม่ออก ฮือๆ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องแก้แค้นเขาแน่ๆ แก้แค้นที่เขาเคยเห็นอกเห็นใจที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเด็กอยู่ในใจ…

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังคงไร้ขีดจำกัดล่างถึงเพียงนั้นอยู่ สังหารคนโดยไม่บอกกล่าวหารือ

มู่อวิ๋นโบยตัวเองที่ก่อนหน้านี้ชมเชยว่าท่านเทพศักดิ์สทธิ์เห็นอกเห็นใจลูกน้องอยู่ในใจสามสิบครั้ง…

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง มู่เฟิงมาถึงเป็นคนแรก ร่อนลงบนรถอาชาเวหาคันนี้ทันที ทันใดนั้นก็เห็นมู่อวิ๋นที่อยู่ด้านนอกรถ ขณะนี้ถึงแม้มู่อวิ๋นจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่เส้นผมที่ถูกเผาจนสั้นยาวหร็อมแหร็มยังไม่เปลี่ยนไป สีหน้าก็ยังสลดหดหู่อยู่ มู่เฟิงตกตะลึงนัก “มู่อวิ๋น? เจ้าไปปีนปล่องควันบ้านผู้อื่นมาหรือไง?”

มู่อวิ๋นชํ้าใจนัก เขากัดฟันตอบ “เห็นเพลิงที่ระเบิดไม่หยุดหย่อนด้านล่างหรือไม่? ผู้น้องเป็นคนจุดเอง!”

มู่เฟิงส่ายหน้า “แค่จุดเพลิงก็สามารถเผาตัวเองได้นี่คือคุณธรรมเช่นใด? มู่อวิ๋น วรยุทธ์ของเจ้าถดถอยแล้ว!”

มู่อวิ๋นพูดไม่ออก เขาจนปัญญาจะแก้ตัว ไม่อาจบอกได้กระมังว่าถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่นงาน?

เขากลืนความขมขื่นลงไปเงียบๆ

มู่เฟิงก็เข้าไปรายงานในห้องโดยสารแล้ว

มู่อวิ๋นเหวี่ยงแส้อยู่ตรงนั้น คิดในแง่ร้ายอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าทันทีที่มู่เฟิงเห็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเด็กน้อยจะตกใจเหมือนกันหรือไม่ จะเห็นใจหรือ เปล่า…

เขาลองเงี่ยหูฟัง ทว่ากลับไม่มีเสียงประหลาดอันใดแว่วออกมาจากห้องโดยสาร ได้ยินเพียงเสียงมู่เฟิงกำลังรายงานภารกิจต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างสงบมั่นคงอยู่

มู่อวิ๋นยกมือนวดหว่างคิ้วอย่างหดหู่ เห็นทีว่าเขาจะไม่ได้ชมเรื่องขบขันของมู่เฟิงอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว…

มู่เฟิงคือคนหนึ่งที่สุขุมที่สุดในเหล่าสี่ทูต เป็นประเภทที่ว่าต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มลงตรงหน้าสีหน้าก็ไม่แปรเปลี่ยน นับถือ!

นับถือ!

ขณะที่มู่อวิ๋นลอบทอดถอนใจอย่างหดหู่อยู่ในใจ เสียงลมพลันดังขึ้น มู่เหล่ยเหินลงมาจากฟ้า ร่อนลงข้างกายเขา เขาเงยหน้าขึ้นตามเสียง สบตาเข้ากับสายตาตกตะลึงของมู่เหล่ยพอดี “มู่อวิ๋น เจ้าไปปีนปล่องควันบ้านผู้อื่นมาหรือไง? เหตุใดจึงดูเหมือนขนมแป้งม้วนไหม้เกรียมเล่า”

มู่อวิ๋นชํ้าใจอีกครั้ง เขาเช็ดหน้าคราหนึ่ง เอ่ยอย่างดุดัน “เห็นกองเพลิงด้านล่างหรือไม่? พี่ชายเป็นผู้จุดเอง!”

มู่เหล่ยมองเขาอย่างเห็นใจ “เจ้าเล่นอยู่ในแดนสุขาวดีแห่งนั้นจนเพี้ยนไปแล้วสินะ? ถูกสตรีในนั้นสูบหยินเสริมหยางหนักหน่วงเกินไปกระมัง? ถึงได้จุดเพลิงก็สามารถเผาตนได้เช่นนี้…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version