บทที่ 979 น่าตื้นตันนัก!
นายท่านเกลียดคนไม่ตรงเวลาที่สุด!
ไม่รู้ว่าคราวนี้นายท่านจะลงโทษเขาอย่างไร?
ฮือๆ เขาไม่อยากเข้าไปรับโทษจากสตรีในทะเลทรายที่แดนสุขาวดีอีกแล้ว…
“นายท่าน ข้าน้อยทำผิดอย่างใหญ่หลวง หลังจบเรื่องแล้ว ข้ายินดีไปรับโทษที่แดนเพลิงลับแลขอรับ…”
แดนเพลิงลับแลอุดมไปด้วยไฟ สำหรับผู้ฝึกฝนธาตุนํ้าอย่างเขาแล้วนับว่าเป็นโทษทัณฑ์ที่หนักหนายิ่ง
ตี้ฝูอีเอียงคอมองเขาแวบหนึ่ง “แดนเพลิงลับแล…โอ้ ข้ารู้สึกว่าลงโทษให้เจ้าไปที่นั่นออกจะหนักหนาเกินไปหน่อย”
มู่อวิ๋นรีบตอบทันที “ไม่หนัก! ไม่หนักเลยขอรับ! ข้าน้อยเกือบทำให้การใหญ่ของนายท่านต้องล่าข้า ไปรับโทษที่นั่นก็สมควรแล้วขอรับ”
ถึงแม้ภายในแดนเพลิงลับแลแทบจะทำให้ตัวคนระเบิดได้ แต่เขามีเขตแดนคุ้มกาย ทนทรมานสักหน่อยก็ผ่านพ้นไปแล้ว ถือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งด้วย
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “ข้ามีจิตใจเมตตาเสมอมา หักใจให้เจ้าไปรับโทษที่นั้นไม่ได้อยู่บ้าง เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะมอบภารกิจให้เจ้าอย่างหนึ่ง ขอเพียงเจ้าทำสำเร็จลุล่วง ข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้า”
ดวงตามู่อวิ๋นเปล่งประกาย “ขอนายท่านโปรดสั่งการ!”
มือน้อยๆ ของตี้ฝูอีชี้ไปที่หล่มโคลนที่คล้ายจะเดือดปุดๆ “ที่นั่นมีผีดิบกว่าสามพันตัว ต้องการให้จุดเพลิงเผาที่นั่น รอจนเผาที่นี่เสร็จ คาดว่าจะหักลบกลบหนี้ได้หมด หลังจากข้านั่งพาหนะจากไปเจ้าค่อยจุดไฟเผาที่นี่แล้วกัน เมื่อเผาพวกมันจนตายก็นับว่าเจ้าทำความดีล้างความผิดได้แล้ว วางใจเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเตรียมข้าวของสำหรับเผาหรอก แค่ขว้างลูกไฟไม่กี่ลูกลงไปก็พอ นํ้าในหล่มแห่งนี้ติดไฟได้”
มู่อวิ๋นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลุดปากเอ่ยออกมา “ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?”
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ “ง่ายไปหรือ? เช่นนั้นข้าหาภารกิจที่ซับซ้อนกว่านี้ให้เจ้าเอาไหม?”
มู่อวิ๋นรีบตอบทันที “ขอบคุณนายท่าน ข้าน้อยจะทุ่มเทปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงสมบูรณ์ขอรับ!”
นายท่านกลายเป็นเด็ก ก็เปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจลูกน้องถึงเพียงนี้ น่าตื้นตันนัก!
เรือนกายตี้ฝูอีไหววูบ ในที่สุดก็ฏระโดดขึ้นไปบนรถม้าคันนั้น ก่อนจะเข้าไปในห้องโดยสาร ยังคงเอ่ยกำชับอีกหนึ่งประโยค “นํ้าในหล่มแห่งนี้ค่อนข้างแปลก ดูเหมือนจะเรียกว่านํ้ามันปิโตรเลียมอันใดสักอย่าง เพลิงที่เกิดจากมันอาจจะลุกไหม้รุนแรงไปบ้าง เจ้าระวังตัวด้วยล่ะ ยามที่จุดไฟก็อยู่ให้ห่างหน่อย”
มู่อวิ๋นรีบตอบรับ “ขอบคุณนายท่านที่ชี้แนะ ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!”
ตี้ฝูอีพยักหน้าอย่างพอใจ “เมื่อจุดไฟเรียบร้อยก็มาหาข้าแล้วกัน”
จากนั้นรถม้าก็แล่นจากไป
มู่อวิ๋นรอจนรถม้าคันนั้นวิ่งไปไกล ถึงวนเวียนริมหล่มโคลนแห่งนั้นรอบหนึ่ง กลิ่นของหล่มโคลนแห่งนี้ไม่เหมือนหล่มโคลนที่อื่นจริงๆ ด้วย เพียงแต่ยังคงเป็นหล่มโคลนยู่ดี
นํ้ามันปิโตรเลียมรึ?
นํ้ามันที่หลั่งจากก้อนหินหรือไง?
นามนี้ช่างประหลาดนัก
เพียงแต่ต่อให้เพลิงที่ลุกไหมจ้ากมันจะรุนแรงไปหน่อยแล้วอย่างไรเล่า?
ตัวเขามู่อวิ๋นต่อให้นั่งยองๆ อยู่ในกองเพลิงก็ไม่บุบสลายสักเส้นขน การจุดไฟที่นี่เป็นเรื่องง่ายๆ!
เขาจะต้องจุดไฟเผาที่นี่ให้หมดจดเรียบร้อยได้แน่นอน อีกทั้งจะมองผีดิบเหล่านี้ถูกเผาจนตายด้วยตาของตนด้วย กันไม่ให้พวกมันวิ่งออกมาทำร้ายผู้คน…
ในเมื่อคิดจะมองผีดิบทั้งหมดถูกไฟครอกตายด้วยตาตน ยามที่จุดไฟมู่อวิ๋นย่อมไม่หลบไปให้ไกล เขาอยู่ห่างจากหล่มโคลนประมาณสี่ห้าเมตรเท่านั้น จากนั้นก็โยนลูกไฟลูกหนึ่งไปทางด้านหลัง โดยไม่หันไปมอง
‘ตูม!’
….
ลึกเข้าในชั้นเมฆ อาชาเวหากระพือปีกเบาๆ ตี้ฝูอีนั่งอยู่บนรถมองลงไปด้านล่างแวบหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงระเบิดตูมดังกึกก้อง มองเห็นภูเขาลูกนั้นถูกเผาจนกลายเป็นทะเลเพลิงในชั่วพริบตา มองเห็นเปลวไฟพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าพร้อมเสียงระเบิดที่ดังขึ้นเป็นระลอก…
นิ้วเขาเคาะตัวรถเบาๆ เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ราวกับนึกไม่ถึงเช่นกันว่าการจุดไฟตรงนั้นจะมีอานุภาพร้ายแรงถึงเพียงนี้
มู่อวิ๋นที่น่าเวทนา เกรงว่าครานี้จะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้ว!
ไม่รู้ว่าจะหนีออกมาได้เมื่อไหร่…