Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 978

บทที่ 978 ระยะนี้นายท่านเป็นอะไรไป?

เขาสามารถสัมผัสผ่านทางกำไลคู่บุพเพวงนี้ได้ว่ายามนี้นางปกติดี ไม่มีอันตรายใด

บนท้องนภาที่อยู่ห่างออกไปไกลมีเสียงต่อสู้ดุ้เดือดแว่วมาเขายกมือป้องตามองอยู่ครู่หนึ่ง เห็นกู้ซีจิ่วล่อสัตว์ร้ายสองตัวนั้นให้ไปโจมตีโฉมงามขี่มังกรเจียวนางนั้นเข้าพอดี…

นางมีวิชาเคลื่อนย้ายติดตัว ไม่ได้พบพานอันตรายถึงชีวิตจริงๆ และไร้ความจำเป็นที่เขาต้องทุ่มเทเรี่ยวแรงไปช่วยเหลืออีก

เขาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกว่าตนเหมือนเอาหน้าร้อนๆ ไปแนบก้นเย็นๆ[1] ของกู้ซีจิ่วอยู่บ้าง

ไม่ว่าเขาจะเข้าใกล้นางด้วยตัวตนใด ล้วนคล้ายว่านางไม่ได้วางเขาไว้เป็นอันดับหนึ่งทั้งสิ้น เขารู้สึกว่าในสายตาของนางแล้ว ความสำคัญจิ้งจอกน้อยตัวนั้น ยังมากกว่าตนเสียอีก หากว่าอิงเหยียนนั่วหายไปเช่นนี้ นางอาจไม่เก็บมาใส่ใจสักเท่าไหร่ เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปพบนางอีก

ตนคงต้องหาทางกลับวังค้ำนภาเลือกไปกักตนบำเพ็ญอย่างจริงจังแล้ว สภาพเช่นนี้ไม่อาจพบหน้าผู้คนได้จริงๆ!

จะว่าไปก็แปลก เมื่อครู่เขาสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปมากมายยิ่ง ยามที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาบนต้นไม้แม้แต่มือเท้าก็อ่อนแรงไปหมด

ยามนี้ร่างกายหดเล็กลงอีก แต่พลังวิญญาณในร่างกลับกระปรี้กระเปร่ากว่าเมื่อครู่ไม่น้อย ร่างกายก็มีเรี่ยวแรงบ้างแล้ว ไม่อ่อนระโหยโรยแรงถึง เพียงนั้นอีก

เขาขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นคล้ายจะสัมผัสถึงบางอย่างได้ กวาดสายตามองไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างเฉื่อยชา “มู่อวิ๋น ไสหัวออกมา!”

กิ่งก้านของไม้ใหญ่ต้นนั้นโยกไหวคราหนึ่ง ทูตมู่อวิ๋นผู้หล่อเหลาองอาจที่สุดในบรรดาสี่ทูตที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้น ยามนี้นัยน์ตาเรียวรีมีเสน่ห์ของเขาเบิกกว้างยิ่งกว่าลูกตาวัว วาจาก็เอ่ยอย่างติดๆ ขัดๆ “นะ…นายท่าน?”

อิงเหยียนนั่วในยามนี้แน่นอนว่าเป็นตี้ฝูอี เขายกมือหนึ่งขึ้นเท้าคาง เหลือบมองมู่อวิ๋นด้วยร้อยยิ้ม “มู่อวิ๋น เจ้ามาช้านะ! ช้าไปหนึ่งเค่อ”

บัดนี้เสียงวาจาที่เขาเปล่งออกมาก็เป็นเสียงเด็กผู้ชาย สุ้มเสียงจึงนุ่มนวลยิ่ง ทว่ามู่อวิ๋นกลับหนาวสะท้าน กระโดดลงมาจากต้นไม้เสียงดังตุ้บ โขกศีรษะอยู่ใต้ต้นไม้ของตี้ฝูอี “นายท่าน ข้าน้อยมาสาย! สมควรตายเป็นหมื่นครั้ง!”

โอ้สวรรค์ นายท่านกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

ต้องบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่!

เป็นความผิดของเขา เขาควรจะมาให้เร็วกว่านี้…

ในใจของมู่อวิ๋นรู้สึกผิดอย่างยิ่ง คุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

“คนอื่นล่ะ?” อิงเหยียนนั่วถามอย่าเอื่อยเฉื่อย

“เรียนนายท่าน มู่เตี่ยนสะกดรอยตามผู้อาวุโสหลงไป น่าจะส่งข่าวมาในเร็วๆ นี้ มู่เฟิงอยู่ระหว่างเดินทางมา ได้รับสมุนไพรมาแล้ว มู่เหล่ยไปแจ้งให้พวกอาจารย์ใหญ่กู่ทราบ น่าจะใกล้ถึงแล้วเช่นกันขอรับ…” มู่อวิ๋น รายงานอย่างเป็นการเป็นงาน

ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ “พาหนะของข้าล่ะ?”

มู่อวิ๋นรีบตอบว่า “ข้าน้อยจะเรียกมันมาเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

เขาลุกขึ้นแล้วผิวปาก

ผ่านไปครู่หนึ่งรถม้าสีขาวปานก้อนเมฆคันหนึ่งวิ่งห้อลงมาจากฟากฟ้า สัตว์ที่ลากรถคือ อาชาเวหา

“นายท่าน ข้าน้อยจะพยุงท่านขึ้นไปนะขอรับ” มู่อวิ๋นก้าวเข้ามา เขามองตี้ฝูอีแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ในใจทั้งรู้สึกผิดและเห็นอกเห็นใจ ระยะนี้นายท่านเป็นอะไรไป?

หดเล็กลงอยู่บ่อยๆ…

ตี้ฝูอีนั่งอยู่บนต้นไม้ ขาข้างหนึ่งรองแขนอยู่ ขาอีกข้างแกว่งอยู่ใต้กิ่งไม้ และเขากำลังมองเขาอยู่ ทั้งสองตาสบกัน มู่อวิ๋นมองเห็นว่านัยน์ตาดำสนิทของอีกฝ่ายเจือรอยยิ้มไว้…

มู่อวิ๋นหนาวสะท้าน รีบก้มศีรษะลง เวลาที่เจ้านายของบ้านเขาเผยรอยยิ้มเช่นนี้ออกมานั่นหมายความว่ามีคนกำลังจะดวงซวย…

ถึงแม้ร่างกายของเจ้านายเขาจะหดเล็กลง แต่สติปัญญาไม่ได้ลดลง เล่นงานผู้อื่นถึงตายโดยไม่ต้องชดใช้ได้!

ซํ้ายังจัดการเรื่องราวอย่างคำไหนคำนั้น หากเขาสั่งให้คนมายามกะสาม แล้วเจ้ามาสายไปสักนิดก็ต้องได้รับโทษหนัก นับประสาอะไรกับเขาที่หนนี้มาสายไปหนึ่งเค่อ!

——————————————————————

[1] เอาหน้าร้อนๆ ไปแนบก้นเย็นๆ หมายถึง การเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ หรือเจ้ากี้เจ้าการเรื่องคนอื่นโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องการเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version