28 มิถุนายน 2562
วุ่นรักแดนสวรรค์
Chapter 1
หมั้นหมาย
ณ ถ้ำสิงห์ ที่อยู่ของราชาสิงห์ เทพสิงห์ผู้ครองดินแดน 2 ใน 5 แห่งพิภพ ภายในห้องนอน ราชินีสิงห์กำลังเจ็บครรภ์อย่างสุดแสนเจ็บปวด ราชาสิงห์เดินวนไปวนมาอย่างในร้อยอยู่หน้าห้อง
“แว้…” เสียงเด็กร้องดังออกมาสร้างความยินดีให้กับผู้เฝ้ารอยิ่งนัก
“คลอดแล้วๆ” เสียงร้องบอกดังออกมาจากในห้อง “ผู้หญิงเพคะ”
“เย้ๆ ข้ามีน้องสาวแล้ว” องค์ชายรองเจียวหั่ว(娇火) ซึ่งเป็นพระโอรสองค์ที่สองของราชาสิงห์ตื่นเต้นถลันเข้าไปเขย่าแขนผู้เป็นบิดาอย่างดีใจ
“ดีๆ” ราชาสิงห์ยิ้มแย้ม ดีใจที่ได้ธิดา
“ยินดีด้วยพะย่ะค่ะที่เสด็จพ่อได้ธิดา” องค์ชายเจียวหวง(娇黄)ซึ่งเป็นโอรสองค์แรกของราชาสิงห์แสดงความยินดีอย่างดีใจที่ได้น้องสาว ราชาสิงห์ตบบ่าโอรสอย่างปลื้มใจ
ครู่ใหญ่นางกำนัลก็อุ้มองค์หญิงน้อยออกมาให้พระบิดา สององค์ชายขยับเข้าไปดูหน้าน้องสาวอย่างตื่นเต้น
“สิงห์ขาว” ราชาสิงห์มองธิดาอย่างปลื้มใจ
“เจ้าพี่ดูซิน้องเราขาวไปทั้งตัวเลย ขาวยิ่งกว่าปุยเมฆบนฟ้าอีก” องค์ชายเจียวหั่วหันไปจับมือพี่ชายอย่างตื่นเต้น
“ใช่ๆ โตขึ้นน้องเราต้องงามเป็นหนึ่งในพิภพแน่” องค์ชายเจียวหวงพยักหน้าเห็นด้วย
“นานแล้วนะที่ไม่มีสิงห์ขาวกำเนิดมา เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก” เทพพฤกษาเดินออกมาจากห้องนอน “ท่านเข้าไปดูเจียวซิ่นเถอะ”
“ขอบใจหนิงเฟิ่งที่มาช่วยทำคลอดให้เจียวซิ่น” ราชาสิงห์พูดอย่างซาบซึ้งน้ำใจ
เทพพฤกษาพยักหน้ารับการขอบคุณ แล้วเดินจากไป
ราชาสิงห์อุ้มธิดาเดินเข้าไปในห้องตามด้วยองค์ชายทั้งสอง
ราชินีนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง
“เป็นยังไงบ้าง” ราชาสิงห์ถามพระชายาอย่างเป็นห่วง
ราชินีแย้มยิ้มให้ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ดูซิลูกสาวของเรา” ราชาสิงห์ค่อยๆประคองธิดาวางข้างพระชายา “จะตั้งชื่อว่าอย่างไรดีล่ะ”
“เสด็จแม่ ทรงเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ” องค์ชายใหญ่ถามเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงอีกด้าน
“เสด็จแม่ น้องน่ารักมากเลย” องค์ชายรองตรัสอย่างรู้สึกเห่อที่มีน้องสาว
ราชินียิ้มให้โอรสทั้งสอง แล้วก็หันไปมองธิดาน้อย “หนิงเฟิ่งอยากให้ตั้งชื่อว่า เจียวหลิง ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ”
“เจียวหลิง…อืม ดีๆ เป็นชื่อที่ดีมาก งั้นก็ให้ชื่อนี้แหละ ถ้าเช่นนั้นข้าพาลูกออกไปให้พวกเราได้ดูก่อนนะ” ราชาสิงห์พูดแล้วก็อุ้มธิดาน้อยออกไปให้ปวงประชาชาวสิงห์ได้ยลโฉมธิดาองค์เล็ก
ณ แดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นที่อยู่ของทวยเทพ
เทียนจวินกำลังปรึกษาข้อราชการกับขุนนาง
ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปกราบทูลว่า “ถวายบังคมเทียนจวิน ราชินีสิงห์ได้ให้กำเนิดธิดาแล้วพะย่ะค่ะ”
เทียนจวินหน้ารับรู้แล้วก็โบกมือให้ทหารออกไป
เหล่าขุนนางต่างพากันยินดีที่ราชาสิงห์มีธิดา
เทียนจวินไม่ได้สนใจเรื่องธิดาของราชาสิงห์มากนักเพราะตอนนี้เขากำลังกังวลกับเรื่องของจอมมารมากกว่าที่นับวันก็ยิ่งจะแข็งข้อมากขึ้นทุกทีๆ
“เรื่องธิดาราชาสิงห์ ข้ามอบให้ท่านเสนาซ้ายนำของขวัญไปแสดงความยินดีก็แล้วกัน”
“พะย่ะค่ะเทียนจวิน” เสนาซ้ายรับคำสั่ง
“ส่วนเรื่องจอมมาร พวกเราจะจัดการอย่างไรดี นับวันพวกนั้นก็ยิ่งมีกำลังกล้าแข็งมากขึ้นทุกวัน ข้าเกรงว่าเร็วๆนี้จอมมารคงเปิดศึกชิงความเป็นใหญ่ในพิภพกับพวกเราเป็นแน่” เทียนจวินเป็นกังวล
เหล่าขุนนางพากันครุ่นคิดวิตก
“หากทำศึกกันจริง คงบาดเจ็บล้มตายกันมาก เพราะกำลังทหารของจอมมารและฝ่ายเรามีพอๆกันพะย่ะค่ะ” เสนาซ้ายกราบทูลอย่างวิตก
ทำให้เหล่าเสนายิ่งวิตกมากขึ้น
“แต่หากเราผูกมิตรกับเผ่าสิงห์ได้ ก็คงทำให้จอมมารไม่กล้าเปิดศึกกับเราเป็นแน่พะย่ะค่ะ” เสนาขวาเสนอ
“ท่านมีความคิดอะไรหรือ?” เทียนจวินถามอย่างอยากรู้
“การหมั้นหมายขององค์รัชทายาทและธิดาราชาสิงห์ พระองค์ทรงเห็นว่าอย่างไรพะย่ะค่ะ?” เสนาขวาเสนอ
คำกราบทูลของเสนาขวาจุดประกายให้เทียนจวิน “ดีๆ วิธีนี้เข้าท่า หากเราเกี่ยวดองกับราชาสิงห์ได้ จอมมารคงไม่กล้าเปิดศึกแน่”
บรรดาเสนาต่างเห็นด้วยกับความคิดนี้
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องเร่งไปพบราชาสิงห์เพื่อหมั้นหมายธิดาน้อยเอาไว้ก่อน จัดเตรียมของขวัญให้ข้าทันที”
“พะย่ะค่ะเทียนจวิน” เสนาซ้ายรับคำสั่งแล้วก็รีบเดินออกไป
เทียนจวินก็โบกมือเลิกประชุมแล้วก็เตรียมตัวไปแสดงความยินดีกับราชาสิงห์ด้วยตัวเอง
1 ชั่วยามต่อมาเทียนจวินก็เสด็จออกจากพระตำหนักไปพบราชาสิงห์
ณ ถ้ำสิงห์ ทหารเข้าไปกราบทูลราชาสิงห์ว่า “เทียนจวินเสด็จมาพะย่ะค่ะ”
ราชาสิงห์หันไปมองทหารอย่างครุ่นคิด…เทียนจวินมาด้วยเรื่องใดกัน?
“เตรียมการต้อนรับเทียนจวินให้ดี อีกสักครู่ข้าจะออกไป”
“พะย่ะค่ะ” ทหารรับคำสั่งแล้วก็ออกไป
“ข้าไปพบเทียนจวินก่อน เจ้าก็พักผ่อนเถอะ” ราชาสิงห์พูดกับราชินีแล้วก็เสด็จออกไป
ราชินีมองตามแล้วก็หันไปมองโอรสทั้งสองเล่นกับธิดาน้อย
ภายในท้องพระโรง ราชาสิงห์เสด็จไปต้อนรับแขก “ยินดีนักที่ท่านมาพบข้าถึงที่นี่”
“ข้าได้ยินว่าราชินีท่านให้กำเนิดธิดา ข้าจึงนำของขวัญมาแสดงความยินดีกับท่าน” เทียนจวินพูดแล้วก็หันไปพยักหน้ากับเสนาซ้ายให้นำของขวัญมามอบให้ราชาสิงห์
เสนาซ้ายตบมือเป็นสัญญาณ แป๊ะๆ
ทหารก็ยกหีบของขวัญเข้ามา
“รบกวนท่านแล้ว” ราชาสิงห์พูดอย่างเกรงใจ มองหีบของขวัญล้ำค่ามากมายตรงหน้า
“สิ่งของเล็กน้อยเท่านั้น ท่านอย่าได้เกรงใจ” เทียนจวินยิ้มแย้ม
“ท่านคงไม่ได้มาด้วยเรื่องเพียงเท่านี้หรอกนะ” ราชาสิงห์พูดอย่างรู้ทัน
เทียนจวินชะงักไปนิดที่อีกฝ่ายดักคอ “เอาล่ะๆไหนๆท่านก็ดูออก งั้นข้าพูดเลยล่ะกันว่าข้าอยากจะขอหมั้นหมายธิดาของท่านกับโอรสองค์โตของข้า”
ราชาสิงห์นิ่งไป “หมั้นหมายงั้นรึ…”
“ทำไมรึ หรือท่านคิดว่าลูกข้าไม่คู่ควรกับธิดาท่าน” เทียนจวินดักทางปฏิเสธ
“ไม่เป็นเช่นนั้นแน่” ราชาสิงห์รีบพูด “เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ข้าคงต้องขอเวลาปรึกษาภายในครอบครัวก่อน แล้วอีก 3 วันข้าจะให้คำตอบกับท่าน”
“เช่นนั้นข้าจะรอคำตอบ” เทียนจวินพูด “อีก 3 วันข้าจะมาพบท่านเพื่อฟังคำตอบ ข้าหวังว่าคงเป็นข่าวดี”
ราชาสิงห์ผายมือส่งแขก เทียนจวินแย้มยิ้มแล้วก็เสด็จจากไป พร้อมกับผู้ติดตาม
ราชาสิงห์พยักหน้าให้ทหารยกของขวัญไปเก็บ แล้วก็เสด็จเข้าไปหาพระชายา
“ท่านพี่” ราชินียิ้มให้พลางมองโอรสและธิดาทั้งสามซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง นางหันไปมองพระสวามี เอื้อมมือแตะหว่างคิ้วเขา “ท่านครุ่นคิดสิ่งใดหรือดูซิคิ้วแทบจะรวมกันแล้ว”
“เทียนจวินมาขอหมั้นเจ้าสามให้องค์รัชทายาทน่ะ เจ้าคิดเห็นเช่นไรหรือ?” ราชาสิงห์ถาม
“การหมั้นหมายเป็นเรื่องใหญ่ ท่านคิดเช่นไรหรือท่านพี่?” ราชินีถามกลับ
“คงต้องคิดให้รอบคอบ เพราะเกี่ยวพันถึงความสุขของเจ้าสาม” ราชาสิงห์พูดอย่างตรึกตรอง
“ข้าคิดว่าเป็นเรื่องดีนะเจียวเจี๋ย” เทพพฤกษาเสด็จเข้ามาพร้อมกับถ้วยโอสถบำรุง
“เอ้า…โอสถของเจ้า” นางยื่นถ้วยโอสถให้สหายรัก ราชาสิงห์และราชินีสิงห์หันไปทอดมองเทพพฤกษา ราชินีสิงห์รับถ้วยโอสถไป “ขอบใจหนิงเฟิ่ง”
นางยกถ้วยโอสถดื่มจนหมด
“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือหนิงเฟิ่ง” ราชาสิงห์ปรึกษา
“ดีซิ หรือเจ้าว่าไม่ดีตรงไหนรึ?” เทพพฤกษาถาม “หมั้นกับโอรสเทียนจวินนับเป็นเรื่องน่ายินดี ทำให้สองเผ่ารวมเป็นหนึ่ง กำลังทหารเข้มแข็ง มิตรภาพระหว่างสองเผ่าแนบแน่น ไยไม่น่ายินดีเล่า”
“หากเจ้าคิดว่าดี ข้าก็ว่าดี” ราชาสิงห์พยักหน้าแล้วก็หันไปขอความเห็นพระชายา “แล้วเจ้าล่ะคิดเช่นไร”
“หากท่านทั้งสองเห็นว่าดี ข้าก็ว่าดีด้วยเช่นกัน” ราชินีพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย
“เช่นนั้นข้าก็จะตอบตกลงเรื่องการหมั้นของเจ้าสามกับองค์รัชทายาท” ราชาสิงห์พูดแล้วก็หันไปมองธิดาน้อย
3 วันต่อมาเทียนจวินและราชาสิงห์ก็ประกาศข่าวการหมั้นหมายให้รับรู้กันทั่วทั้งพิภพ
เมื่อข่าวนี้รู้ไปถึงจอมมาร ก็ทำให้จอมมารไม่พอใจอย่างมาก จอกเหล้าในมือถูกปาลงพื้นแตกกระจาย เพล้ง!
“น่าโมโหนัก! เทียนจวินคิดรวมกำลังกับเผ่าสิงห์ด้วยการหมั้นหมาย ทำให้กำลังทหารของทั้งสองเผ่าเข้มแข็งยิ่งขึ้น หากข้าเปิดศึกตอนนี้คงพ่ายแพ้แน่ ข้าคงต้องรอโอกาสต่อไปอีกงั้นรึ น่าเจ็บใจนัก”
500 ปีต่อมา ธิดาองค์เล็กของราชาสิงห์เติบใหญ่ขึ้น นางซุกซนเกินใครสร้างความปวดหัวไปทั่วทั้งแดนสิงห์ ยิ่งรวมกับองค์ชายรองด้วยแล้วทั้งสองก็ยิ่งพากันซุกซนไปใหญ่
“พี่รอง ข้าไปหาท่านหนิงเฟิ่งก่อนนะ ท่านก็คอยรับหน้าให้ข้าสัก 1 ชั่วยามล่ะกัน แล้วข้าจะรีบกลับมา” ธิดาสามพูดกับพี่ชาย
“ได้ๆ แล้วเจ้าอย่าลืมเอามุกพันปีไปให้นางด้วยล่ะ นางจะได้ทำเหล้ามุกแบ่งให้ข้าบ้าง” องค์ชายรองสั่ง
“เหล้ามุกไม่เห็นจะอร่อยเท่าน้ำผึ้งบุปผาเลย ทำไมท่านถึงชอบนักก็ไม่รู้”
“เอาน่าๆ เจ้าชอบน้ำผึ้งบุปผาก็ดีแล้ว ส่วนข้าชอบเหล้ามุกก็ดีแล้วไง ไม่ต้องแย่งกันไม่ดีรึไงเจ้าสาม รีบไปรีบมาล่ะ หากเสด็จพ่อรู้ว่าเจ้าแอบหนีเรียนล่ะก็เจ้าโดนกักบริเวณแน่”
“ก็ได้ ท่านพี่ก็คอยรับหน้าดีๆล่ะกัน ข้าไปล่ะ” ธิดาสามพูดแล้วรีบลอบออกจากห้องไป
“รีบไปรีบมาเถอะ” องค์ชายรองพูดแล้วก็หันไปดีดพิณ
ธิดาสามรีบยกมืออุดหูเพราะเสียงพิณที่องค์ชายรองบรรเลงนั้นคือเพลงพิณนิทรา ผู้ใดได้ยินเป็นหลับใหลจนกว่าเพลงพิณจะหยุดบรรเลง
เพลงพิณนี้เทพพฤกษาได้สอนให้องค์ชายรองเป็นของขวัญตอนอายุครบรอบ 1 พันปี ยิ่งผู้ดีดมีพลังเทพมากเท่าไหร่ พลังแห่งเพลงพิณก็ยิ่งสะกดได้กว้างไกลเท่านั้น
บรรดาบ่าวไพร่เมื่อได้ยินเสียงพิณต่างก็พากันหลับใหลไม่ได้สติหมดสิ้น ทำให้ธิดาสามลอบออกจากถ้ำสิงห์ได้โดยง่าย
ราชาสิงห์และราชินีได้ยินเสียงพิณก็พากันฟังอย่างเพลิดเพลิน ด้วยเพราะพลังเทพมีมากกว่าจึงไม่ถูกเสียงพิณสะกดให้หลับใหลไปด้วย
“เจ้ารองเล่นพิณอีกแล้ว ไพเราะจริง” ราชินีสิงห์ชื่นชมพลางจิบชาอย่างสุขใจ
“เจ้ารองกับเจ้าสามติดหนิงเฟิ่งทั้งคู่ หาไม่เจอทีไรไปตามที่สวนบุปผาเป็นเจอตัวทุกที” ราชาสิงห์บ่นอย่างนึกขำ
“อยู่ที่สวนบุปผาข้าไม่ห่วงหรอก ข้าห่วงแต่ว่าเจ้าสามจะไปเที่ยวเล่นที่อื่นเสียมากกว่า” ราชินีบ่น
“เที่ยวเล่นในแดนสิงห์จะเป็นไรไปเล่า ใครจะกล้าทำอะไรเจ้าสามได้ล่ะ” ราชาสิงห์พูด “เจ้าน่ะห่วงลูกมากเกินไปแล้วล่ะ จนจากสิงห์จะกลายเป็นลูกแมวน้อยไปแล้ว”
“จะไม่ให้ข้าห่วงได้ยังไงล่ะ 3 วันก่อนก็เที่ยวซนพลัดตกน้ำจนเป็นไข้ เพิ่งจะดีขึ้นเมื่อวานเอง”
“เอาน่าๆ แค่ตกน้ำนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง อย่าห่วงไปเลย ข้าให้บ่าวไพร่คอยติดตามดูอยู่ตลอดไม่ต้องห่วงนะ” ราชาสิงห์เสด็จไปนั่งข้างพระชายาพลางจิบชาไปด้วย
หลังจากลอบออกจากถ้ำสิงห์ได้ ธิดาสามก็มุ่งหน้าตรงไปยังสวนบุปผา
“ท่านหนิงเฟิ่ง ข้ามาแล้ว” เสียงหวานเรียกหาอย่างสนิทสนม
เทพพฤกษาเงยหน้ามอง ละมือจากดอกบัวตรงหน้า “มาๆ ข้ากำลังเหงาเชียว”
“ข้าเอามุกพันปีมาให้ท่านด้วยล่ะ” ธิดาสามพูดแล้วก็ยื่นถุงใส่มุกให้
“เหล้ามุกอีกแล้วล่ะซิ” เทพพฤกษาแย้มยิ้มอย่างเอ็นดูพลางรับถุงไข่มุกไป
“ข้าไม่เห็นว่าเหล้ามุกจะอร่อยตรงไหนเลยสู้น้ำผึ้งบุปผาก็ไม่ได้” ธิดาสามพูดแย้มยิ้มร่าเริง
“เจ้าชอบนักงั้นก็ไปดื่มกันเถอะ” เทพพฤกษายื่นมือไปตรงหน้าธิดาสาม