Skip to content

วุ่นรักแดนสวรรค์ 7

  • by

Chapter 7

มีข่าวลือว่าชมชอบบุรุษรูปงาม

“มาศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเอาโอสถให้เจ้าห้ากินเอง” ศิษย์สี่อาสา

ศิษย์พี่ใหญ่ยื่นถ้วยยาส่งให้แล้วก็ยืนดูอย่างเป็นห่วง

“มาเจ้าห้า กินโอสถก่อน” ศิษย์พี่สี่ถือถ้วยยาจ่อปาก

“ขอบคุณศิษย์พี่” ไป๋เมามองศิษย์พี่ทุกคนอย่างซาบซึ้งน้ำใจ

“เจ้าเนี่ยนะไม่ระวังเอาซะเลย รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นยังไปเล่นแถวน้ำตกอีก โชคดีแค่ไหนแล้วที่รอดตายมาได้น่ะ” ศิษย์พี่สามบ่นอย่างเป็นห่วง

ไป๋เมาดื่มโอสถจนหมดแล้วหันไปมองศิษย์พี่สาม

“ข้าตกน้ำหรือ?” นางย้อนถามอย่างงงๆ

“ก็ใช่น่ะซิ เมื่อวานอาจารย์อุ้มเจ้ากลับมาจากน้ำตกตัวเจ้าเปียกโชกไปหมด” ศิษย์พี่รองบอก

“เจ้าต้องหมั่นฝึกฝนเรียนรู้ให้มากๆขึ้นรู้ไหมเจ้าห้า อย่าทำให้อาจารย์ต้องลำบากอีกล่ะ” ศิษย์พี่ใหญ่ตำหนิเบาๆ แล้วก็เดินออกไป

ไป๋เมาหน้าจ๋อย “ข้าขออภัย”

“เอาล่ะๆ เจ้านอนพักซะเถอะ” ศิษย์พี่สี่ปลอบใจ

แล้วก็หันไปพูดกับศิษย์พี่คนอื่นๆว่า “พวกท่านก็ไปคอยดูแลอาจารย์เถอะ เดี๋ยวข้าดูแลเจ้าห้าเอง”

“ได้” ศิษย์พี่รองและสามพยักหน้าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป

ล่วงเข้ายามสาย เทพสงครามก็เสด็จไปดูอาการศิษย์คนเล็ก

“เจ้าห้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามศิษย์สี่

“ดีขึ้นแล้วขอรับ ไข้ลดแล้วขอรับ” ศิษย์สี่ตอบ

“อืม” เทพสงครามพยักหน้าแล้วก็เสด็จออกไป

ล่วงเข้ายามบ่าย เทพสงครามก็เสด็จไปดูอาการศิษย์คนเล็กอีกครั้ง

“เจ้าห้าเป็นอย่างไรบ้าง?” คำถามเดิมถามซ้ำ

“หลับอยู่ขอรับ” ศิษย์สี่ตอบ

เทพสงครามก้าวเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ยื่นมือไปแตะหน้าผาก “ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว”

เขาดึงมือกลับแล้วก็เสด็จออกไป

ศิษย์สี่หันไปมองศิษย์น้องแล้วก็หยิบหนังสือมานั่งอ่านต่อ

ล่วงเข้ายามเย็น เทพสงครามก็เสด็จไปดูอาการศิษย์คนเล็กอีกครั้ง

ศิษย์สี่เห็นอาจารย์เข้ามาก็รีบลุกขึ้นรายงานว่า “เจ้าห้าตื่นขึ้นมากินข้าวกินโอสถแล้วก็หลับไปแล้วขอรับ”

เทพสงครามพยักหน้ารับรู้ ทรุดตัวลงนั่ง ยื่นมือแตะหน้าผากนวล “อืม…ดีขึ้นมากแล้ว”

แล้วเขาก็เสด็จออกไป

ศิษย์สี่มองตามอาจารย์ไปแล้วก็หันไปมองศิษย์น้องเล็ก อาจารย์คงจะเอ็นดูเจ้าห้ามากถึงได้คอยมาดูแลไม่ห่างเช่นนี้

ศิษย์พี่ใหญ่เดินเข้ามา “เจ้าไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวคืนนี้ข้าจะคอยดูแลเจ้าห้าเอง”

“ขอรับศิษย์พี่ใหญ่” ศิษย์สี่พยักหน้าแล้วก็เดินออกไป

ศิษย์พี่ใหญ่ก้าวไปนั่งที่เบาะนุ่มแล้วก็หยิบหนังสือที่ถือติดมือมาเปิดอ่านระหว่างที่คอยดูแลศิษย์น้องเล็ก

ล่วงเข้ายามค่ำ เทพสงครามก็เสด็จไปดูอาการศิษย์คนเล็กอีกครั้ง

“อาจารย์” ลี่จิ่นรีบลุกขึ้น เทพสงครามพยักหน้าแล้วก็ก้าวไปนั่งข้างเตียง ยื่นมือไปแตะหน้าผากนวล “ไม่มีไข้แล้ว”

“…แม่” ไป๋เมาละเมอเรียกแผ่วเบาพลางคว้ามือไว้แน่น “…แม่ข้าคิด…ท่านที่สุด”

เทพสงครามแย้มยิ้มเอ็นดู ลูบศีรษะปลอบ “นอนเถอะนะเจ้าห้า”

“อื้ม” ไป๋เมาละเมอพยักหน้ารับยังจับมือไว้แน่น

ลี่จิ่นเห็นเช่นนั้นก็ขยับเข้าไปจะช่วยแกะออก เทพสงครามยกมืออีกข้างห้าม “ไม่เป็นไร ปล่อยให้เจ้าห้าหลับให้สนิทก่อน”

ลี่จิ่นถอยไปนั่งเฝ้าดังเดิม

จนกระทั่งร่างน้อยพลิกตัวปล่อยมือ

เทพสงครามจึงดึงมือออกแล้วหันไปสั่งศิษย์เอกว่า “หากเจ้าห้ามีอาการผิดปกติอย่างไรเจ้าจงรีบไปบอกข้าทันที”

“ขอรับ” ลี่จิ่นรับคำสั่ง

เทพสงครามพยักหน้าอย่างเบาใจแล้วก็เสด็จออกจากห้องไป

วันรุ่งขึ้น ไป๋เมาตื่นแต่เช้ามืดดังเช่นเคย

พอหันไปเห็นศิษย์พี่ใหญ่นอนคุดคู้อยู่ข้างโต๊ะเขียนหนังสือก็หน้าเจื่อน “นี่ศิษย์พี่ใหญ่คอยเฝ้าข้าทั้งคืนเลยหรือ?”

นางลุกขึ้นแล้วก็เดินไปเขย่าแขนศิษย์พี่ใหญ่ “ศิษย์พี่ใหญ่ๆๆ”

“หือ…” ศิษย์พี่ใหญ่ลืมตาอย่างงัวเงีย “เจ้าห้า”

“ท่านกลับห้องไปนอนเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” ไป๋เมาบอกแล้วก็กุมมือคารวะ “ขอบคุณท่านมากที่ช่วยดูแลข้า”

“เจ้าหายแล้วก็ดีแล้ว รู้ไหมอาจารย์เป็นห่วงเจ้ามาก เมื่อวานแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรคอยมาดูแลเจ้าแทบทั้งวันเชียวนะ” ศิษย์พี่ใหญ่บอกพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง ไป๋เมาทำหน้าเหวอ “ห๊า!”

ศิษย์พี่ใหญ่ลูบศีรษะศิษย์น้องอย่างเอ็นดู “เจ้าต้องรีบเข้าครัวไปทำของอร่อยๆ มาตอบแทนข้าและศิษย์พี่คนอื่นๆ รวมทั้งอาจารย์ด้วย”

เขาบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป

ไป๋เมาได้แต่ยืนอึ้งหน้าเหวออยู่อย่างนั้น พอตั้งสติได้แล้วนางก็รีบไปที่ห้องครัวอย่างไว

ร้อยปีถัดมา ตำหนักซีฮันก็คึกคักมากกว่าแต่ก่อนนับตั้งแต่ศิษย์คนที่ห้าเข้ามาอยู่ในตำหนัก

ไม่ว่าจะเป็นเทพพฤกษาที่เสด็จมาบ่อยๆ ทุก 7 วัน

อีกทั้งยังมีองค์ชายรองเผ่าสิงห์ที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนไม่ขาด

หรือแม้แต่หัวหน้าเผ่าแมวที่คอยส่งของมาให้ศิษย์คนที่ห้าอยู่เนืองๆ

จนทำให้ศิษย์คนที่ห้าเป็นที่กล่าวถึงมากในวงสังคม

ข่าวว่าเทพสงครามเอ็นดูศิษย์คนเล็กยิ่งนักแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

เป็นเรื่องที่พูดกันปากต่อปากในวงกว้างว่า…เทพสงครามไม่ชอบสตรีแต่อาจจะชมชอบบุรุษรูปงามก็เป็นได้

อีกข่าวก็ว่าศิษย์คนเล็กของเทพสงครามเป็นคนรักของเทพพฤกษา

ส่วนอีกข่าวก็ลือกันว่า ศิษย์คนเล็กของเทพสงครามเป็นคนรักขององค์ชายรองเผ่าสิงห์ถึงขนาดมอบปิ่นมุกโลหิตหมั้นหมายแทนใจกันไปแล้ว

แต่ข่าวไหนๆก็ไม่ทำให้เทียนจวินร้อนใจเท่ากับข่าวที่ว่าเทพสงครามอาจจะชมชอบบุรุษรูปงามก็เป็นได้

หากเป็นเช่นนั้นจริงชื่อเสียงของตำหนักซีฮันคงเสื่อมเสียไปทั่วทั้งพิภพเป็นแน่ อันจะส่งผลให้เหล่าทวยเทพพลอยเสียชื่อไปด้วย

“หวังเหล่ย เจ้าจงไปตำหนักซีฮันสืบดูว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่” เทียนจวินสั่งองค์รัชทายาท

“พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” องค์รัชทายาทรับคำสั่งแล้วก็รีบเสด็จไปตำหนักซีฮันทันที

ณ ตำหนักซีฮัน เทพสงครามค้อมศีรษะรับการคารวะจากองค์รัชทายาทของเทียนจวิน “ท่านมาหาข้าถึงนี่มีธุระอันใดหรือ?”

“คือว่าข้าอยากมาปรึกษาท่านเรื่องเผ่ามารพะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทพูดพลางคอยสังเกตท่าทางอีกฝ่าย

“เชิญนั่ง” เทพสงครามบอกแล้วก็เสด็จไปนั่งที่เก้าอี้ประทาน

องค์รัชทายาทเสด็จไปนั่งใกล้ๆ

“พักนี้เผ่ามารเริ่มแข็งแกร่งขึ้นพะย่ะค่ะ ข้าเกรงว่าอีกหน่อยพวกมันคงเปิดศึกกับพวกเราแน่พะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทพูดอย่างเคร่งเครียด

“ท่าน…” เทพสงครามยังไม่ทันจะตรัสอะไร เสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามา “อาจารย์ขอรับ ข้ายกน้ำชากับขนมมาให้ขอรับ”

เทพสงครามหันไปมองแล้วพูดว่า “เข้ามาซิ”

ไป๋เมาก็เดินเข้าไปพร้อมกับถาดใส่ขนมและน้ำชาหอมกรุ่น ไป๋เมาวางถาดบนโต๊ะด้วยกริยาสง่างาม

“เจ้าห้า นี่องค์รัชทายาท” เทพสงครามแนะนำ

“น้อมคารวะองค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ” ไป๋เมากุมมือคารวะด้วยท่าทางสง่างาม

องค์รัชทายาทมองอีกฝ่าย “นี่คือ…”

“นี่คือไป๋เมา ศิษย์คนที่ห้าของข้าเอง” เทพสงครามแนะนำ

“อ่อๆ” องค์รัชทายาทยิ่งจ้องมองไป๋เมาอย่างละเอียดลออ

“เอ่อ…ข้าขอตัวขอรับ” ไป๋เมารีบขอตัวเพราะรู้สึกแปลกๆ ที่ถูกจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

เทพสงครามโบกมืออนุญาต “เจ้าไปได้แล้ว”

ไป๋เมารีบออกไปทันที

“นี่น่ะหรือศิษย์คนที่ห้าของท่าน?” องค์รัชทายาทถาม “มิน่าเล่า ถึงมีข่าวว่าท่านพึงใจบุรุษมากกว่าสตรี ศิษย์ท่านผู้นี้รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ผิวพรรณหน้าตาก็งดงามเกินสตรีใด จนผู้ใดได้พบเห็นก็ไม่อาจชายตาแลสตรีนางใดได้อีก”

เทพสงครามนิ่งเงียบ

ยิ่งทำให้องค์รัชทายาทแน่ใจว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริง…นี่ท่านหลงรักศิษย์คนเล็กจริงงั้นหรือ

“เอาล่ะๆ มาคุยเรื่องเผ่ามารกันดีกว่าพะย่ะค่ะ” เขาตัดบทเมื่อเห็นว่าเทพสงครามไม่โต้แย้งอะไร

หลังจากนั้นองค์รัชทายาทก็ถามถึงการเตรียมการจัดทัพไว้ต่อสู้กับจอมมาร

หลังจากถามความเห็นเทพสงครามพอสมควรแล้ว องค์รัชทายาทก็ขอตัวกลับ แล้วก็เสด็จออกไป

เทพสงครามตามไปส่ง แต่พอเสด็จไปถึงหน้าตำหนักก็ได้พบกับญาติผู้น้องกำลังยืนกอดไป๋เมาอยู่

“คิดถึงเจ้าที่สุดเลย” เทพพฤกษากอดแนบแน่น

“ข้าก็คิดถึงท่านที่สุดเลยท่านหนิงเฟิ่ง” ไป๋เมากอดตอบ

องค์รัชทายาทชะงักกึก!

ส่วนเทพสงครามมองเฉยเพราะเห็นบ่อยจนชินเสียแล้ว

“วันนี้ข้ามีน้ำผึ้งบุปผาที่เจ้าชอบมาให้ด้วยนะ” เทพพฤกษาบอกแย้มยิ้ม พลางดันตัวออก

“จริงเหรอท่านหนิงเฟิ่ง” ไป๋เมาตื่นเต้นดีใจ

ทั้งสองคุยกันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าตกเป็นเป้าสายตาของใครๆ จนเทพสงครามต้องแกล้งกระแอมไอขัดจังหวะ “อะแฮ่มๆ”

พอได้ยินเสียงกระแอมไอ ทั้งสองก็หันไปดู

เทพพฤกษาค้อมศีรษะให้นิดหนึ่งหน้านิ่งสนิท

“องค์รัชทายาท” นางค้อมศีรษะให้นิดนึงก่อนในฐานะที่เขาเป็นองค์รัชทายาทของเทียนจวิน

องค์รัชทายาทค้อมศีรษะตอบแล้วก็ทักทายว่า “น่าแปลกนักที่ท่านออกจากสวนบุปผามาถึงที่นี่ได้”

“ข้าก็มาของข้าออกบ่อยไป ข้าว่าท่านน่าแปลกมากกว่าที่มาถึงที่นี่ได้ทั้งๆ ที่ราชกิจออกจะรัดตัวเช่นนั้น” เทพพฤกษาสวนกลับสีหน้าราบเรียบ

“ดูท่าทางท่านจะสนิทสนมกับศิษย์คนนี้ของเทพสงครามยิ่งนัก” องค์รัชทายาทหยั่งเชิง

“ข้าจะสนิทสนมกับใครก็เป็นเรื่องของข้า หาใช่เรื่องของท่านไม่” เทพพฤกษาสวนกลับสีหน้าเรียบเฉย

ไป๋เมาได้แต่ยืนดูอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านหนิงเฟิ่งถึงได้ไม่ชอบองค์รัชทายาทขนาดนี้

ส่วนเทพสงครามก็มองเฉยๆ ไม่คิดจะแทรกแซงการปะทะคารมของทั้งสองคน

“ไปกันเถอะไป๋เมา” แล้วเทพพฤกษาก็คว้าแขนไป๋เมาเสด็จไป

องค์รัชทายาทได้แต่มองตามอย่างอึดอัดใจ “นางยังโกรธข้าอยู่พะย่ะค่ะ”

“สักวันนางคงหายโกรธท่านได้เอง” เทพสงครามพูดอย่างเป็นกลาง

“เฮ้อ…” องค์รัชทายาทถอนใจ แต่พอคิดถึงภาพเมื่อครู่ก็สงสัยยิ่งนัก “ไยนางจึงสนิทสนมกับศิษย์ท่านปานนั้นพะย่ะค่ะ?”

“ข้าก็ไม่รู้” เทพสงครามส่ายหน้า “ข้ารู้แต่ว่านางสนิทสนมกับเจ้าห้ามาก ทุกๆ 7 วันนางจะมาเยี่ยมเจ้าห้าครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้นับตั้งแต่ที่เจ้าห้าอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”

องค์รัชทายาทพยักหน้ารับรู้ “เช่นนั้นข่าวลือที่ว่าศิษย์ท่านเป็นคนรักของนางก็ไม่ผิดซินะพะย่ะค่ะ”

เทพสงครามนิ่งเงียบเพราะเขาก็ไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของทั้งสองเลยสักนิด สนิทสนมกันถึงขนาดนอนร่วมห้องเดียวกันก็ไม่แปลกในเมื่อนางเป็นหญิงทั้งคู่ แต่ความสัมพันธ์ที่เหมือนเพื่อน เหมือนศิษย์กับอาจารย์ เหมือนแม่กับลูก เหมือนพี่สาวกับน้องสาวเหล่านี้นั้นเขาไม่แน่ใจว่าระหว่างทั้งสองนั้นคือความสัมพันธ์ใดกันแน่?

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” เขาส่ายหน้าอย่างไม่อาจจะหาคำตอบได้

“อ่อ ข้ายังได้ยินเขาลือกันอีกว่าศิษย์ท่านคนนี้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายเผ่าสิงห์ เมื่อครู่ข้าเห็นปิ่นมุกโลหิตแล้ว เหตุใดปิ่นนั่นจึงอยู่กับศิษย์ท่านได้ล่ะพะย่ะค่ะ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version