Skip to content

วุ่นรักแดนสวรรค์ 8

  • by

Chapter 8

ช่วยเหลือ

“ปิ่นนั้นเจ้าห้าบอกว่าองค์ชายรองฝากไว้ หากวันหน้าองค์ชายรองพบหญิงคนรักก็จะขอปิ่นคืน” เทพสงครามตอบตามที่ลูกศิษย์บอก

“แปลกมาก” องค์รัชทายาทคิดๆ “เหตุใดองค์ชายรองต้องทำเช่นนี้ด้วย? ปิ่นนั่นเปรียบเสมือนชีวิตขององค์ชายรองครึ่งนึง ไยจึงมอบให้แมวป่าเช่นนั้นได้?”

“หากท่านอยากรู้คงต้องไปถามองค์ชายรองเอาเอง” เทพสงครามตอบเสียงเรียบ ข่มความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ในใจ…ก็นางเป็นคู่หมั้นขององค์ชายรองน่ะซิ

“ศิษย์ท่านคนนี้มีแต่เรื่องน่าประหลาดใจหลายเรื่องนัก เอาล่ะข้าขอตัวกลับล่ะพะย่ะค่ะ” แล้วองค์รัชทายาทก็เสด็จกลับไป

เทพสงครามมองตาม แล้วเขาก็เสด็จกลับเข้าไปด้านใน

หลังจากเทพพฤกษาเสด็จกลับไปแล้ว ไป๋เมาก็ไปเดินเล่นเหมือนเคย

วันนี้ลูกทับทิมตรงหลังเขาคงแก่จัดแล้ว นางตั้งใจว่าจะเก็บไปฝากอาจารย์และศิษย์พี่

ระหว่างทางนางก็พบคนกลุ่มหนึ่งใส่เสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้มกำลังเดินหาอะไรบางอย่าง

“หาให้ทั่ว! หนีไปไม่ได้ไกลหรอก ต้องหลบอยู่แถวนี้แน่ๆ”

“ต้องฆ่าให้ได้”

ไป๋เมารีบหลบหลังต้นไม้ พลางชะโงกมองคนกลุ่มนั้น

“นี่ไง รอยเลือด ไปทางนี้ ตามไปเร็ว!” เสียงตะโกนดังก้องแล้วคนกลุ่มนั้นก็รีบวิ่งไป

ไป๋เมาได้แต่มองตามอย่างสงสัย “ใครกัน? แล้วเขาหาอะไรกันนะ?”

พอปลอดคนแล้วนางก็เดินไปทางป่าทับทิม แล้วก็เริ่มเก็บลูกทับทิมแก่ใส่ถุงผ้า พอเก็บไปได้หน่อยสายตาก็สะดุดกับร่างของชายคนหนึ่งนอนอยู่กับพื้น

“เอ๊ะ!” นางรีบเดินไปดู

“นี่ๆ เจ้าทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ?” มือบางแตะท่อนแขนเปื้อนเลือด

ฉับพลัน! ชายผู้นั้นก็ลืมตาขึ้นผุดลุกขึ้นมาคว้าลำคอเรียวบีบหมับ! แล้วกระชากร่างเล็กกดลงกับพื้น

“โอ๊ะ!” ไป๋เมาถูกพลังตรึงเอาไว้จนกระดิกตัวไม่ได้

“ตายเสีย…” ชายผู้นั้นออกแรงบีบลำคอแต่พอได้เห็นหน้าผู้ที่อยู่ในกำมือก็คลายแรงบีบลง “ไม่ใช่เจ้าพวกนั้นนี่!”

“โอ๊ย! ปล่อยข้านะ” ไป๋เมารีบพูด

ชายชุดดำมองร่างเล็กแล้วก็ปล่อยมือจากลำคอน้อย “เจ้ารีบไปซะ!”

ไป๋เมาจ้องหน้าชายชุดดำตาวาวอย่างเอาเรื่อง

“เจ้านั้นแหละที่ต้องรีบไปซะ ดูซิทับทิมข้าแตกหมดแล้ว” นางตวาด พลังที่ตรึงร่างเอาไว้หายไปแล้ว นางรีบลุกขึ้นหันไปเก็บถุงผ้าขึ้นมา

“รีบไปซะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!” ชายชุดดำตวาดไล่ พลางใช้มือกุมแขนข้างที่บาดเจ็บ

ไป๋เมามองอย่างตกใจ “เจ้าบาดเจ็บนี่น่า”

นางขยับเข้าไปใกล้อย่างลืมตัว เพราะเสด็จพ่อเสด็จแม่สอนไว้ว่าให้มีเมตตาต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า

“ยุ่งน่า!” ชายชุดดำตวาด

“เจ็บจะตายอยู่แล้วยังปากดีอีกนะ!” ไป๋เมาตวาดกลับแล้วก็ลุกขึ้นยืน

แต่แล้วเสียงตะโกนก็ดังใกล้เข้ามา “ทางนี้แน่ๆ ต้องอยู่ทางนี้แน่”

ชายชุดดำชะงักไปชั่วครู่

ไป๋เมาตะลึงไปชั่ววูบพอตั้งสติได้ก็รีบถามว่า “พวกนั้นตามหาเจ้าอยู่ใช่ไหม?”

ชายชุดดำพยักหน้า

ไป๋เมารีบคว้าถุงผ้าขึ้นมาแล้วก็รีบดึงตัวชายชุดดำให้ลุกขึ้น “มาเร็ว!”

ชายชุดดำมองดูท่าทีเจ้าตัวน้อยไม่เห็นแววว่าจะเป็นภัยกับตัวเองจึงยอมลุกขึ้นตามแรงฉุด “จะไปไหน?”

“ตำหนักซีฮัน” ไป๋เมาบอกแล้วก็ช่วยประคองร่างใหญ่

“เจ้าเป็นคนของตำหนักซีฮันรึ?” ชายชุดดำถามทั้งที่ก้าวตามไป

“ใช่ ข้าเป็นศิษย์คนที่ห้าของตำหนักซีฮัน” ไป๋เมาตอบแล้วก็รีบประคองเขากลับตำหนัก

คำบอกเล่าผุดขึ้นมา…ศิษย์คนที่ห้าของตำหนักซีฮันเป็นแมวป่าขาว…

ชายชุดดำเหลือบมองคนข้างๆ…นี่น่ะหรือศิษย์คนที่ห้าของตำหนักซีฮันที่เขาเล่าลือกัน

ไป๋เมาประคองชายชุดดำไปจนถึงซุ้มประตูอาณาเขตด้านเหนือ

จากนั้นนางก็ถอดเสื้อตัวนอกออกมาคลุมหัวชายชุดดำ

“เจ้าทำอะไรน่ะ?” ชายชุดดำปัดออกอย่างไม่พอใจที่ถูกเสื้อผ้าคนอื่นคลุมหัวเช่นนี้

“เอาคลุมไว้ ไม่งั้นเจ้าก็ผ่านเข้าไปไม่ได้หรอก อาจารย์ข้าลงผนึกเขตแดนเอาไว้ คนนอกไม่อาจฝ่าผนึกเข้าไปได้” ไป๋เมาบอกแล้วก็รีบหยิบเสื้อมาคลุมหัวเขาไว้

“งั้นรึ” ชายชุดดำมองไปรอบๆ สัมผัสได้ถึงไอพลังเทพแข็งแกร่ง…คงต้องยอมไปก่อนล่ะ ดีกว่าถูกเจ้าพวกนั้นฆ่าตาย

แล้วไป๋เมาก็ประคองเขาผ่านซุ้มประตูเข้าไป

ชายชุดดำมองไปทั่วอย่างสำรวจสถานที่ จมูกก็ได้กลิ่นหอมหวานจากเสื้อที่คลุมตัวพลางคิดในใจว่า…เจ้าแมวนี่แปลกนักกลิ่นกายหอมหวานยิ่งกว่าสตรีเสียอีก

“ข้าจะพาเจ้าไปตรงใต้ผานั่นก็แล้วกัน” ไป๋เมาบอกแล้วก็ประคองเขาไป

ชายชุดดำพยักหน้า

พอถึงใต้ชะง่อนหินผาไป๋เมาก็ประคองเขาให้นั่งลงบนพื้นหิน จากนั้นนางก็ช่วยดูแผลให้เขา

“แผลไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ลึกพอควร” นางบอกแล้วก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบขวดโอสถออกมา “นี่เป็นผงหญ้าเสือเหม็น ใช้ห้ามเลือดได้ดีนัก”

ชายชุดดำมองดูท่าทางเจ้าแมวน้อยที่พยายามรักษาบาดแผลให้ตัวเอง…เจ้านี่ช่างไม่มีความระแวดระวังเอาซะเลย เป็นศิษย์เทพสงครามได้ยังไงกัน? ไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิดว่าเจ้าพวกนั้นก็คือคนของเผ่ามาร แล้วก็ไม่ได้รู้เลยว่าข้าคือองค์ชายใหญ่แห่งเผ่ามารที่ถูกพระสนมส่งคนมาตามฆ่าอย่างลับๆ

ไป๋เมาค่อยๆ เทผงหญ้าเสือเหม็นลงบนบาดแผล แล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาพันแผลให้เขา “เอาล่ะ เสร็จแล้ว”

“เจ้าชื่ออะไรหรือ?” องค์ชายใหญ่ถาม

“ข้าชื่อไป๋เมา” ไป๋เมาตอบแล้วก็ย้อนถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ?”

“ข้าชื่อห่าวหราน” องค์ชายใหญ่บอก “ขอบใจที่ช่วยเหลือข้า”

เขามองรอบๆ ลำคอเล็ก “คอเจ้ายังเจ็บไหม?”

ไป๋เมาเลื่อนมือไปคลำตามลำคอ “ไม่เจ็บแล้วล่ะ”

“ดีแล้ว” องค์ชายใหญ่พยักหน้า

ไป๋เมามองดูชายชุดดำเห็นว่าไม่มีบาดแผลที่ไหนให้ต้องรักษาแล้วก็บอกว่า “งั้นเจ้าก็เอาทับทิมนี่ไว้กินล่ะกัน พอมีแรงดีแล้วก็เอาเสื้อนั่นคลุมตัวออกไป แล้วก็กลับบ้านไปซะ ถ้าขืนเจ้าอยู่ที่นี่นานๆ คนอื่นมาเจอเข้าข้าต้องถูกอาจารย์ลงโทษแน่”

“ได้ ข้าจะรีบไป ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้า” องค์ชายใหญ่พูด

ไป๋เมายิ้มให้ “งั้นข้าไปล่ะ ป่านนี้พวกศิษย์พี่คงตามหาข้าแล้วล่ะ”

“เจ้าไปเถอะ” องค์ชายใหญ่แย้มยิ้มให้

ไป๋เมามองเขาแล้วก็ลุกจากไป

องค์ชายใหญ่มองตามจนร่างเล็กหายลับไปในแนวพุ่มไม้ เขาหันไปมองถุงใส่ผลทับทิมกับเสื้อตัวนอกที่ไป๋เมาทิ้งเอาไว้ให้…หึๆๆๆๆๆ หนีการตามล่าของพระสนมมาจนถึงเขตแดนตำหนักซีฮัน ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับศิษย์คนที่ห้าที่เขาเล่าลือกัน บอบบางอ้อนแอ้นดั่งอ้อลู่ลม ดวงตางามสะกดใจคน วงหน้าหวานล้ำเสียยิ่งกว่าหญิงงามในใต้หล้า กลิ่นกายหอมหวานยิ่งกว่ามวลบุปผาใดๆ น้ำใจงามหาใดเปรียบ หากข้าได้เจ้ามาเป็นขุนศึกคู่ใจ ไม่ว่าแดนใดข้าก็จะพาเจ้าท่องไปให้ทั่วพิภพ สักวันเราคงได้พบกันอีกแน่ ไป๋เมา…

แล้วองค์ชายใหญ่ก็หยิบผลทับทิมมาแกะกิน

ครั้นกินเสร็จแล้วเขาก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อขาวเสด็จกลับไปตามทางที่เข้ามา แม้ว่าอยากจะพักอยู่อีกสักหน่อย แต่ก็กลัวว่าใครจะมาเจอเข้าแล้วเจ้าแมวน้อยจะเดือดร้อนได้

ส่วนไป๋เมาพอกลับไปถึงห้องพัก ก็รีบหยิบเสื้อตัวใหม่มาใส่แล้วก็ออกจากห้องตั้งใจว่าจะไปหาศิษย์พี่ พวกศิษย์พี่ก็กำลังตามหาพอดี

“หายไปไหนมาเจ้าห้า?” ศิษย์พี่สี่ถาม

“ข้าไปเดินเล่น มีอะไรเหรอศิษย์พี่สี่?” ไป๋เมาถาม

“อาจารย์เรียกหา” ศิษย์สี่ตอบ “อาจารย์อยู่ที่ห้องหนังสือนะ”

“ขอบคุณศิษย์พี่” ไป๋เมาบอกแล้วก็รีบเดินไปที่ห้องหนังสือ

เมื่อถึงห้องหนังสือ นางก็เคาะประตูเบาๆ “อาจารย์ ข้ามาแล้วขอรับ”

“เข้ามาซิ”

ไป๋เมาเปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไป “อาจารย์เรียกข้า มีอะไรหรือขอรับ?”

“พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปตำหนักเก้าชั้นฟ้าด้วยกัน เจ้าไปเตรียมตัวให้ดีพรุ่งนี้เช้าออกเดินทางแต่เช้า” เทพสงครามบอก

“ไปตำหนักเก้าชั้นฟ้าหรือขอรับ? ไปทำไมขอรับ?” ไป๋เมาถามอย่างสงสัย

“พรุ่งนี้เทียนจวินจะปรึกษาหารือเรื่องพิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาทกับเหล่าเสนา” เทพสงครามตอบ

“อ่อ…ขอรับ” ไป๋เมาพยักหน้ารับรู้ เทพสงครามโบกมือ ไป๋เมาจึงกุมมือคารวะแล้วก็ออกจากห้องไป

เทพสงครามมองตามจนประตูปิดดังเดิม…ร้อยกว่าปีแล้วซินะที่เจ้าอยู่ที่นี่ศึกษาวิชาความรู้ นับวันพลังเทพของเจ้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ความงามของเจ้าก็เพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ข้ายังจดจำได้ดีถึงดวงตาของเจ้าที่ข้าเห็นครั้งแรก ดวงตาน้อยๆ ใสซื่อที่พยายามช่วยชีวิตข้าไว้ และขโมยหัวใจข้าไปนับตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไป๋เมาหากเจ้าไม่ได้เป็นคู่หมั้นองค์ชายเผ่าสิงห์ ข้าคงบอกรักเจ้าไปแล้ว

วันรุ่งขึ้น เทพสงครามก็พาศิษย์คนเล็กไปตำหนักเก้าชั้นฟ้าด้วยกัน

ตำหนักเก้าชั้นฟ้าสวยงามโอ่อ่าน่าเกรงขาม แต่หากเทียบกับถ้ำสิงห์แล้วเป็นความงดงามคนละแบบในความคิดของไป๋เมา

ภายในท้องพระโรง เทียนจวินนั่งเด่นเป็นสง่า ส่วนเหล่าเสนาก็ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบ

“นี่ก็ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว นับตั้งแต่ที่ธิดาเผ่าสิงห์กำเนิดมา บัดนี้นางคงโตพอสมควรแล้ว ข้าว่าถึงเวลาแล้วที่จะจัดพิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาทกับธิดาเผ่าสิงห์ให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที” เทียนจวินพูดพลางมองเหล่าเสนา

“ห๊า!” ไป๋เมาตกใจอ้าปากค้าง ทุกคนต่างหันไปมองไป๋เมาเป็นตาเดียว

เทพสงครามรีบเตือนศิษย์ “สำรวมกริยาหน่อยเจ้าห้า”

“เอ่อ…ขอรับ” ไป๋เมารีบก้มหน้างุดๆ สมองคิดหลายตลบ…อภิเษก! ข้าเนี่ยนะต้องอภิเษกกับองค์รัชทายาท!

“ข้าเห็นด้วยพะย่ะค่ะ” / “ข้าก็เห็นด้วยพะย่ะค่ะ” เหล่าเสนาต่างเห็นชอบกันทุกคน

“แต่ข้ายังไม่เคยเห็นนางเลยสักครั้งนะพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” องค์รัชทายาทแย้ง

“ข้าเคยพบนางตอนยังเด็ก นางงดงามมากทีเดียวพะย่ะค่ะ” เสนาซ้ายกราบทูล “หากองค์รัชทายาทได้พบนางสักครั้งข้าว่าพระองค์คงไม่อิดออดที่จะอภิเษกเข้าเรือนหอกับนางเป็นแน่พะย่ะค่ะ”

“ถ้างั้นคงต้องเชิญนางมาที่ตำหนักเก้าชั้นฟ้าสักครั้งแล้วกระมัง” เทียนจวินตรัส “ใช้วันเกิดข้าในเดือนหน้าเชิญธิดาสิงห์มาร่วมงานก็แล้วกัน”

“ข้าเห็นด้วยพะย่ะค่ะ” / “ข้าก็เห็นด้วยพะย่ะค่ะ” เสนาซ้ายกับเสนาขวาเห็นด้วยพร้อมเพรียง

ไป๋เมาลอบมององค์รัชทายาทด้วยแววตาเฉยเมย…ผู้ชายคนนี้น่ะหรือที่ข้าต้องแต่งงานด้วย

หลังจากประชุมเสร็จแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป ส่วนเทพสงครามก็ไปคุยกับเทียนจวินเป็นการส่วนตัว ไป๋เมาจึงได้โอกาสออกไปเดินเล่น นางเดินเล่นไปเรื่อยๆจนถึงสวนดอกไม้

“ฮือๆๆๆๆๆ จนป่านนี้ท่านก็ยังไม่กล้าพูดเรื่องขอยกเลิกการหมั้นหมายกับเทียนจวินเลย ท่านไม่ได้รักข้าจริงเลยสักนิด! ฮือๆๆๆๆๆ” เสียงร้องไห้ดังมา

“เอ…ใครกำลังร้องไห้กันนะ?” ไป๋เมาเดินตามเสียงไปแต่แล้วนางก็เห็นองค์รัชทายาทกำลังกอดหญิงสาวนางหนึ่งอยู่

“ข้าคิดอยู่ เจ้ารอข้าสักนิดเถอะนะเยี่ยนฟาง(艳芳) ข้ารักเจ้าจริงๆ รักเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่เรื่องการหมั้นหมายนั้นเสด็จพ่อได้ตกลงกับราชาสิงห์เอาไว้ก่อนที่ข้าจะได้พบเจ้าเสียอีก” องค์รัชทายาทพยายามปลอบใจหญิงคนรัก

“เมื่อไหร่กันเล่า! ท่านถึงจะบอกเรื่องของเรากับเทียนจวิน หากข้าไม่ได้เป็นชายาเอก เสด็จพ่อข้าคงไม่ยอมยกข้าให้ท่านแน่ ข้าเป็นองค์หญิงเผ่ามัจฉา ศักดิ์ศรีข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าธิดาสิงห์เลยแม้แต่น้อย นางเป็นองค์หญิง ข้าก็เป็นองค์หญิงเหมือนกัน! ฮือๆๆๆๆๆๆ…”

“เอาล่ะๆ เจ้าอย่าเพิ่งโกรธไปเลย ข้าจะรีบหาโอกาสบอกเสด็จพ่อเร็วๆ นี้แหละ” องค์รัชทายาทพยายามกล่อมหญิงคนรัก พลางจูบซับน้ำตาให้นาง

ไป๋เมาแอบมองแล้วก็คิดในใจว่า…นี่น่ะหรือคนที่ข้าต้องอภิเษกด้วย ช่างอ่อนปวกเปียกไม่กล้าตัดสินใจให้เด็ดขาดจนทำให้ผู้หญิงต้องเสียน้ำตา เฮอะ! ผู้ชายเช่นนี้ข้าไม่คิดจะเอามาเป็นสวามีเด็ดขาด!

ขณะกำลังคิดเพลินๆ อยู่นั้นจู่ๆ ก็มีมือหนึ่งเลื่อนมาปิดปากพร้อมกับท่อนแขนหนึ่งโอบรอบเอวบาง “อื้อ…”

“จุ๊ๆ ข้าเอง” เสียงคุ้นเคยบอก

ท่านหนิงเฟิ่ง! ไป๋เมาเหลือบมองเจ้าของมือที่ปิดปาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version