Skip to content

สตรีน่าตาย 3

  • by

Chapter 3

หนี

พูดจบแล้วเธอก็จั๊มไปอยู่บนต้นไม้เหนือหัว แอบซ่อนตัวอยู่บนนั้น คอยมองดูคนที่กำลังพุ่งมาทางนี้อย่างใจจดใจจ่อ

ไม่นานนักคน 5 คนก็มาถึง พวกเขาเห็นชายรูปงามนอนอยู่บนพื้นก็ตกใจ “เจ้าสำนัก!”

คนที่ถือจานหิน ชื่อหานหมิงห้าว (韩明昊) พุ่งเข้าไปถึงตัวชายรูปงามก่อนใคร แตะชีพจรดู พบว่าชีพจรยังเต้นเป็นปกติสม่ำเสมอก็ถอนหายใจ หันไปพูดกับอีก 4 คนว่า “เจ้าสำนักไม่เป็นอะไร เพียงแต่ยังไม่ออกจากการหลับลึก”

“อา…ดีๆๆ” หานห้าวเฟิง (韩昊锋) พูดอย่างโล่งใจ ส่วนหานเสียนห้าว (韩贤浩) ก็พูดอย่างสงสัย “ยังไม่ออกจากการหลับลึก แล้วเหตุใดเจ้าสำนักถึงได้มาอยู่ตรงนี้เล่า?”

“ต้องมีคนพาเจ้าสำนักออกมาแน่นอน” หานห้าวตง (韩浩冬) พูดอย่างมั่นใจ หานรั่วเฟย (韩若飞) พูดอย่างสงสัย “ใครกัน? ถึงขนาดเล็ดรอดหูตาพวกเราทั้งห้า เข้าไปลักพาตัวเจ้าสำนักออกมาได้?”

“ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ต้องหาตัวมันออกมาให้ได้ หานหมิงห้าวพูดพลางมองไปรอบๆ ค้นหาคนที่แอบเข้ามา หานรั่วเฟยก็มองไปรอบๆ เช่นกัน เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หาตัวมันเจอเมื่อไหร่ ข้าจะสับมันเป็นหมื่นๆชิ้นเลยทีเดียว ฮึ่ม!”

หานเสียนห้าว ขยับไปนั่งลงข้างๆ เจ้าสำนัก แล้วตรวจหาร่องรอยบนร่างเจ้าสำนัก เขาได้กลิ่นหอมแปลกๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นกายของเจ้าสำนัก เขาก้มลงไปสูดดมกลิ่นราวกับสุนัข “มีกลิ่นเจ้าคนๆ นั้นติดอยู่บนตัวเจ้าสำนัก!”

เมื่อเขาพูดคำนี้ออกมา อีกสี่คนก็เบิกตาโต ทรุดลงไปรุมดมกลิ่นบนตัวเจ้าสำนัก สูดจมูกฟุดฟิดราวกับสุนัขอย่างไรอย่างนั้น

“มีกลิ่นจริงๆ ด้วย!” หานห้าวตงพูด พลางเบิกตากว้าง “ใครกันบังอาจถึงเพียงนี้?”

หานห้าวเฟิงซึ่งอยู่ตรงช่วงขา พลันเห็นความผิดปกติบางอย่าง เขายื่นมือไปปัดชายเสื้อคลุมออก เห็นเชือกผูกกางเกงหลุดลุ่ย กางเกงเลื่อนต่ำอย่างหมิ่นเหม่ จนแทบจะเห็นเครื่องเพศของเจ้าสำนักแล้ว เขาตกใจจนอ้าปากค้าง “นี่…!!!”

สายตาอีกสี่คนก็ตกไปอยู่ตรงจุดเดียวกันอย่างไม่ได้นัดหมาย พวกเขากลืนน้ำลายเอือกหนึ่ง ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดใช่ไหม?

หานเสียนห้าว กลั้นใจจับขอบกางเกงดึงขึ้น “ขออภัยด้วยขอรับ”

เขาพูดแล้วมองเข้าไปในกางเกง เห็นทิวทัศน์ใต้กางเกงเต็มตา แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ยังอดใจเต้นไม่ได้ ที่ใจเต้นเพราะกลัวว่าถ้าเจ้าสำนักรู้เรื่องนี้เข้า ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักจะโกรธมากเพียงใด อาจถึงขึ้นควักลูกตาเขาเลยก็ได้ แต่เมื่อเกิดความสงสัยแล้ว เขาก็จำเป็นต้องตรวจสอบให้ถึงที่สุด เพราะถ้าไม่มีคำตอบที่ละเอียดให้เจ้าสำนัก ชีวิตเขาก็ไม่รอดเช่นกัน!

เขาเห็นรอยคราบแห้งกรังเล็กน้อยติดอยู่บนเครื่องเพศของเจ้าสำนัก “นี่…!!!”

เขาเบนสายตาไปมองหานหมิงห้าวที่อยู่ข้างๆ ซึ่งหานหมิงห้าวเองก็เห็นเหมือนกับที่เขาเห็น สีหน้าของหานหมิงห้าวเปลี่ยนสีพลัน “นี่…”

เจ้าสำนักถูกคนล่วงเกินแล้ว!

ประโยคนี้ผุดขึ้นในใจพวกเขาทั้งสอง อีกสามคนไม่อาจมองเห็นทิวทัศน์ใต้กางเกงได้ จึงได้แต่ถามหานเสียนห้าว “เกิดอะไรขึ้น?”

หานเสียนห้าวกลืนน้ำลายเอือกหนึ่ง หันไปพูดกับคนอื่นๆ ว่า “ไป! ไปหาตัวเจ้าคนๆ นี้ที่บังอาจล่วงเกินเจ้าสำนักให้ได้! ไม่เช่นนั้นพวกเราก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดพ้นจากความผิดครั้งนี้ไปได้!”

“ห๊ะ!?”

อีกสามคนหน้าเปลี่ยนสีทันที หานเสียนห้าวใช้พลังธาตุลมของตัวเอง ม้วนพัดไปบนร่างเจ้าสำนัก กวาดม้วนเอากลิ่นแปลกปลอมที่ติดอยู่บนร่างเจ้าสำนักออกมา แล้วส่งลูกบอลลมให้หานรั่วเฟย “ไป ไปตามหาตัวมันมาให้ได้”

หานรั่วเฟยรับลูกบอลลมไป แล้วผิวปากเรียกนกแร้งดำที่เลี้ยงไว้ทันที

หานหมิงห้าวก้มลงไปจัดแจงผูกเชือกกางเกงจนแน่นแล้วอุ้มเจ้าสำนักขึ้นมา “ข้าจะพาเจ้าสำนักกลับไปก่อน พวกเจ้าไปตามจับเจ้าคนชั่วช้าสารเลวมาให้ได้!”

“อืม” หานรั่วเฟยพยักหน้ารับ สีหน้าขึงขัง แล้วหานหมิงห้าวก็พุ่งตัวจากไป

อีกสี่คนจึงรออยู่ที่เดิม จนกระทั่งแร้งดำบินมาราว 7 ตัว ร่อนลงตรงหน้าหานรั่วเฟย หานรั่วเฟยก็ผลักลูกบอลลมไปตรงหน้าพวกมัน สั่งว่า “ตามหาคนที่มีกลิ่นนี้มาให้ข้า!”

“กี๊ดๆ” แร้งดำส่งเสียงรับอย่างรู้ความ ดมกลิ่นจากลูกบอลลม แล้วก็เชิดหน้าขึ้น สายตาพวกมันมองจ้องไปบนต้นไม้เหนือหัวพวกมันเป็นตาเดียว ส่งเสียงร้องยาวๆ “กี๊ดดดดดด….”

คนทั้งสี่ สีหน้าเปลี่ยนพลัน หานรั่วเฟยจ้องเขม็งไปบนต้นไม้ “เฮอะ! ข้าคิดว่ามันหนีไปไกลแล้วเสียอีก ที่ไหนได้ กลับแอบซ่อนอยู่บนนี้นี่เอง”

หลินจื่อเซียนสะดุ้งโหยง เธอไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นพลังแปลกๆ แบบนี้ อีกทั้งยังเห็นแร้งดำๆ ที่ดูราวกับฟังภาษาคนออก สามารถทำตามคำสั่งได้อีก ที่นี่คือที่ไหนกัน?

ความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นมาในใจ หรือว่าเราจะกลายเป็นเหมือนนิยายน้ำเน่าพวกนั้นที่ทะลุมิติ ย้อนยุคอะไรแบบนั้น?

เธอสลัดความคิดนี้ออกจากหัว ถ้างั้นก็หลับ แล้วฝันไป?

เธอลองแอบหยิกเนื้อตัวเองทีหนึ่ง อูย…เจ็บจริงอ่ะ

หานรั่วเฟยก็ตะโกนว่า “ออกมา!”

หลินจื่อเซียนดึงสติกลับมาแล้วมองลอดใบไม้ลงไป พวกเขาไม่เห็นเธอแน่นอน แต่เธอเห็นพวกเขาชัดเจน หานห้าวเฟิงก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ถ้ายังไม่ออกมาอีก! เจ้าได้ตายเป็นหมื่นชิ้นแน่!”

เงียบ… ไม่มีเสียงใดๆ นอกจากเสียงลมพัด ใบไม้ไหว

หลินจื่อเซียนรู้ดีว่าถ้าเธอออกไป เธอได้ตายแน่นอน แต่ถ้าเธอหนีก็ยังมีโอกาสรอด จากที่ดูฉากเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าหนุ่มหล่อคนนั้นจะเป็นเจ้านายของคนพวกนี้ ดูสีหน้าท่าทางแต่ละคนห่วงใยเจ้านายไม่น้อยทีเดียว เป็นเธอที่เข้าใจผิดไปเองว่าเขาถูกขังอยู่ในห้องปิดตายให้ตายอย่างโดดเดี่ยว ในเมื่อดูรูปการณ์แล้วหนุ่มหล่อที่โดนเธอกินไปไม่น่าจะมีอันตรายอะไรแล้ว เธอจึงตัดสินใจหนีไปได้อย่างหายห่วงล่ะ

เธอเงยหน้ามองตรงไป มองลอดกิ่งไม้ออกไป เธอแผ่พลังจิตออกไปค้นหาสถานที่ที่มีน้ำ ในเมื่อคนพวกนี้ใช้นกตามกลิ่น ถ้างั้นเธอก็ต้องล้างกลิ่นน้ำหอมที่ติดตัวอยู่ออกไปซะก่อน ถ้าไม่ล้างออกไป ไม่ว่าเธอจะหนีไปไหน แร้งพวกนี้ก็ย่อมตามกลิ่นเธอไปได้อยู่ดี

แต่จากระยะที่แผ่พลังจิตออกไป ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเธอเอาเสียเลย เธอไม่พบแหล่งน้ำที่พอจะลงไปแช่ทั้งตัวเพื่อล้างกลิ่นได้ คงมีแต่ต้องหนีไปก่อน แล้วค่อยหาแหล่งน้ำล้างกลิ่นตัวอีกที

เมื่อคิดแล้วเธอก็จั๊มทันที!

แร้งดำฝูงนั้นรู้สึกว่ากลิ่นหายไปจากบนต้นไม้แล้ว พวกมันจึงหันไปส่งเสียงบอกหานรั่วเฟย “กี๊ดๆ กี๊ดๆ”

หานรั่วเฟยฟังเสียงร้องของแร้งดำ พูดออกมาสามคำอย่างงุนงง “หนีไปแล้ว!?”

“หือ?” หานห้าวตงขมวดคิ้ว “จะหนีไปได้อย่างไร? ข้าไม่รู้สึกเลยว่ามีความเคลื่อนไหวออกไปจากที่นี่”

หานเสียนห้าวขยับตัวปล่อยพลังธาตุลม พุ่งขึ้นไปบนต้นไม้ พลังลมกวาดพัดผ่านใบไม้กิ่งไม้ขึ้นไปจนทั่วทุกซอกมุม แล้วพลังลมก็ม้วนกลับลงมา กวาดเอากลิ่นที่หลงเหลืออยู่บนต้นไม้ลงมาด้วย เขาได้กลิ่นแล้วก็พูดว่า “เจ้าสารเลวนั่นแอบอยู่บนนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว”

“บัดซบ! มันลอบหนีไปตอนไหน!” หานห้าวเฟิงสถบออกมา หานเสียนห้าวก็หันไปพยักเพยิดหน้า สั่งหานรั่วเฟยว่า “ตาม!”

หานรั่วเฟยจึงสั่งแร้งดำ “ตามกลิ่นมันไป! เมื่อครู่มันยังอยู่ที่นี่ มันย่อมยังหนีไปได้ไม่ไกลแน่แท้”

“กี๊ดๆ” แร้งดำส่งเสียง แล้วก็กางปีกกระพือพับๆ วิ่งไปข้างหน้าราวกับเครื่องบินที่กำลังจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นพวกมันก็โผบินขึ้นฟ้าไป หานรั่วเฟยก็รีบวิ่งตามฝูงแร้งดำไป อีกสามคนที่เหลือก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามหานรั่วเฟยไปอย่างรวดเร็ว

หลินจื่อเซียน ปรากฏตัวขึ้นบนต้นไม้ที่เธอเห็นจากต้นไม้ต้นเดิม ระยะสายตาของเธอสามารถมองได้ไกลขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ราวกับดวงตาเธอมีกล้องส่องทางไกลที่สามารถมองเห็นได้ไกลกว่าสายตาคนปกติ เธอจึงจั๊มมาปรากฏตัวบนต้นไม้ที่อยู่ห่างจากต้นเดิมถึง 10 กิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย เมื่อก่อนในระยะสายตาที่มองเห็นเธอสามารถจั๊มไปได้ไกลประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ตอนนี้ระยะทางเพิ่มขึ้นกลายเป็น 10 กิโลเมตร นี่ต้องยกให้เป็นความดีความชอบชองยาเพิ่มสมรรถภาพร่างกายโดยแท้ แต่ความเจ็บปวดจากผลข้างเคียงของยาก็รุนแรงจนหัวใจเธอแทบจะหยุดเต้นหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะร่างกายเธอแข็งแรงดี ก็คงจะช็อคตายเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหวไปแล้ว

ยังต้องปรับปรุงยาให้ไม่มีผลข้างเคียงซะก่อนจึงจะให้พ่อกินได้!

แร้งดำสูดจมูกรับกลิ่น แล้วบินตรงไปทางหนึ่งโดยไม่แตกฝูง หานรั่วเฟยจับตาดูแร้งดำตลอดเวลา จึงหันไปตะโกนบอกอีกสามคนว่า “มันอยู่ทางนั้น!”

“รีบตาม!” หานห้าวเฟิงพยักหน้า เร่งฝีเท้าตามฝูงแร้งดำไป อีกสองคนก็รีบเร่งฝีเท้าเช่นกัน นกแร้งบินนำหน้า คนหนึ่งตามหลัง อีกสามคนเกาะกลุ่มกันวิ่งตามสุดฝีเท้า ความเร็วของคนทั้งสี่เกือบจะเร็วเท่าๆ แร้งดำเลยทีเดียว

หลินจื่อเซียนอยู่บนต้นไม้ แผ่พลังจิตออกไปรอบๆอีกครั้ง เพื่อค้นหาแหล่งน้ำ แต่จากระยะที่แผ่พลังจิตออกไปก็ไม่พบแหล่งน้ำเลย มีแต่ป่าทึบ สัตว์ป่าประปราย ส่วนมากเป็นสัตว์เล็กๆ อย่างพวกกระต่าย นก ไก่ งู กบ เขียด คางคง จำพวกนั้น ไม่มีสัตว์ใหญ่อย่างเก้งกวาง หมาป่า เสือ หมี หรือว่าช้างเลยสักตัว คาดว่าคงเพราะบริเวณนี้ยังอยู่ใกล้กับแหล่งที่มีคน จึงไม่มีสัตว์ใหญ่จำพวกนั้น หากอยากจะหาสัตว์ใหญ่ คงต้องเข้าไปลึกๆ ในฝืนป่าล่ะมั้ง

เสียงร้อง กี๊ดดดดดด… ยาวๆ ดังมา เธอหันไปมองตามทิศที่ได้ยินเสียง แล้วก็เห็นแร้งดำกำลังบินตรงมาทางเธอ “หึ! ไอ้นกน่าเกลียดนี่ก็ช่างตามติดซะจริง น่าเอาปืนไรเฟิลยิงทิ้งซะจริงๆ”

แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอไม่มีปืนซักกระบอก ไม่งั้นล่ะก็ต่อให้เป็นปืนพกสั้นอย่างพวก .22 หรือ .38 เธอก็มั่นใจว่าสามารถสอยพวกมันลงไปได้ แต่เธอก็ยังสงสัยอยู่ดี นี่เธอจั๊มมาโผล่ที่ไหน? ทำไมมันมีแต่ป่าที่มีแต่ต้นไม้ต้นโตๆ ยังกับป่าดึกดำบรรพ์ยังไงอย่างงั้น คงไม่ใช่ว่าเธอข้ามมิติ หรือทะลุโลกอะไรพวกนั้นหรอกนะ นั่นน่ะ มีแต่ในนิยายน้ำเน่าเฟ้ย!

เธอคิดความเป็นจริงที่ใกล้เคียงได้ที่สุดคือเธออาจจะจั๊มมาโผล่แถวๆ ป่าดงดิบในแอฟริกาล่ะมั้ง? แต่ยังไงก็ต้องหนีไอ้นกฝูงนี้กับคน 4 คนนั่นให้ได้ก่อน แล้วเธอค่อยหาทางจั๊มออกจากป่า ไปหาแหล่งที่มีผู้คนอาศัย เพื่อจะได้สอบถามว่าเธออยู่ตรงส่วนไหนของโลกกันแน่?

เธอไม่กลัวกับการพบคนแปลกหน้าหรอก อย่างน้อยเธอก็พูดได้นับสิบภาษาล่ะ ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ เยอรมัน สวีดิช ฝรั่งเศส สแปนนิช รัชเซีย หรือแม้แต่ภาษาแถบตะวันออกกลางเธอก็พอพูดได้บ้าง ยิ่งภาษามือ เธอยิ่งถนัดนักล่ะ

ครั้นพอแร้งดำบินมาใกล้ เธอก็จั๊มอีกครั้ง เมื่อแร้งดำมาถึงต้นไม้ที่เธอเคยอยู่มันก็เกาะบนกิ่งก้านต้นไม้ต้นนั้นแล้วกรีดร้องเสียงยาว “กี๊ดดดดดด….”

หานรั่วเฟย ได้ยินเสียงแร้งดำร้องเช่นนั้นก็ตาลุกวาว “มันอยู่ที่นั่น!”

หานเสียนห้าวรีบพุ่งนำหน้าไป พอใกล้ๆ ถึงต้นไม้ต้นนั้น เขาก็ปล่อยพลังธาตุลมไปโอบล้อมต้นไม้ต้นนั้นทันที พลังลมพัดซอกซอนไปทั่วทุกกิ่งใบของต้นไม้ แล้วก็หอบเอากลิ่นที่หลงเหลืออยู่บนต้นไม้กลับไปให้หานเสียนห้าว หานเสียนห้าวสถบอย่างเดือดดาล “บัดซบ! มันไม่อยู่แล้ว!”

“วะ! มันเป็นใครกันจึงได้หนีไวปานนี้? จับได้เมื่อไหร่ข้าจะถลกหนังมันทิ้ง ตัดมือตัดเท้ามัน ดูซิ มันยังจะหนีไปได้อีกหรือไม่?” หานห้าวตงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หานรั่วเฟยจึงตะโกนสั่งแร้งดำ “ตาม!”

แร้งดำจึงกางปีกถลาลงจากยอดไม้ แล้วกระพือๆ โผไปในอากาศอีกครั้ง

หลินจื่อเซียนปรากฏตัวอีกครั้งบนต้นไม้ที่ห่างจากต้นเดิมประมาณ 11 กิโลเมตร เธอรีบแผ่พลังจิตออกไป ในที่สุดโชคก็เข้าข้างเธอแล้ว ห่างออกไปราว 5 กิโลเมตร มีแม่น้ำสายหนึ่ง จากพลังจิตที่รับรู้ได้เป็นแม่น้ำที่ใหญ่พอประมาณ เธอรีบจั๊มไปที่แม่น้ำสายนั้นทันที

“อา…โชคดีแล้ว” เธอพูดอย่างดีใจแล้วโดดพลิ้วลงไปราวกับปลาเจอน้ำ เธอดำให้หัวจมน้ำลงไป เพื่อจะได้ล้างกลิ่นน้ำหอมให้หมด ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธออีกอย่างที่แม่น้ำสายนี้ขุ่นแดงมองไม่เห็นก้นแม่น้ำ เธอจึงดำลงไปจนไม่อาจมองหาตัวเธอจากผิวน้ำได้ เธอปล่อยให้สายน้ำเปียกชุ่มร่าง ชะล้างกลิ่นน้ำหอมออกไปจนหมด จนกระทั่งกลิ่นตัวเธอกลมกลืนไปกับกลิ่นน้ำในแม่น้ำแล้ว เธอจึงรีบจั๊มหายไปจากตรงนั้นทีนที

ราว 10 นาทีหรือ 15 นาทีต่อมา แร้งดำฝูงนั้นก็มาบินวนอยู่ตรงจุดสุดท้ายที่ได้กลิ่นนั้น ส่งเสียงร้องยาว “กี๊ดดดดดด….”

หานรั่วเฟยตามมาถึงก็มองริมฝั่งแม่น้ำซึ่งเป็นทรายสีแดงโคลน ปรากฏรอยรองเท้า 1 คู่ย่ำลงไปบนพื้นทรายสีแดงโคลน หายลงไปในน้ำ เขาแค่นเสียงเยาะหยัน “เฮอะ! คิดว่าแม่น้ำแค่นี้จะขวางข้าได้รึ”

เขาเหยียบไปบนผิวน้ำราวกับเดินบนพื้นดิน ก้าวเดินไปดูอีกฟากหนึ่ง ฝั่งนี้พื้นทรายราบเรียบ ไร้รอยคนย่ำขึ้นจากน้ำ ทำเขาหรี่ตาหดลงอย่างประหลาดใจ “ไม่มีรอยเท้า!?”

อีกสามคนตามมาถึงริมฝั่ง ก็มองหานรั่วเฟยเป็นตาเดียว หานเสียนห้าวคาดการณ์ว่า “มันคงหนีไปฝั่งนั้นแล้วซินะ”

หานรั่วเฟยส่ายศีรษะ “ไม่ มันไม่ได้ขึ้นมาฝั่งนี้”

“ไม่ได้ข้ามไปฝั่งนั้น?” หานห้าวเฟิงหรี่ตาลง “หรือว่ามันจะว่ายไปตามกระแสน้ำ?”

“อาจเป็นได้” หานห้าวตงพยักเพยิด หานรั่วเฟยแสยะยิ้ม “ยิ่งมันว่ายไปตามกระแสน้ำ มันคิดว่าจะหนีรอดพ้นเงื้อมมือข้าไปได้รึ หึ!”

แล้วเขาก็ใช้พลังธาตุน้ำของตัวเอง เชื่อมต่อกับแม่น้ำทั้งสาย สักพักใหญ่เขาก็เงยหน้าขึ้น หน้าตาบิดเบี้ยวไม่น่าดู “มันไม่อยู่ในแม่น้ำนี้!”

อีกสามคนพูดพร้อมกัน “ไม่อยู่!”

“เช่นนั้นมันหนีไปไหน?” หานห้าวตงถามออกมา สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ หานรั่วเฟยจึงเงยหน้าตะโกนสั่งแร้งดำว่า “ตาม!”

แร้งดำบินวนๆ ไม่อาจตามต่อได้ เพราะไม่ได้กลิ่นนั้นแล้ว มันส่งเสียงร้องอย่างอดสู “กี๊ดๆๆๆๆ”

หานรั่วเฟยหน้าตาบิดเบี้ยว ไม่น่าดู “ตามไม่ได้แล้ว!”

แร้งดำส่งเสียงอีกครั้ง “กี๊ดๆๆๆๆๆ”

“บัดซบ!” หานรั่วเฟยสถบลั่น ฟาดมือทีหนึ่งจนสายน้ำพุ่งขึ้นมาราวกับมีลูกระเบิด ระเบิดอยู่ในน้ำ ตูม! น้ำแตกกระจายพุ่งขึ้นไปในอากาศ

“เช่นนั้นพวกเราแยกย้ายกันไปหา ข้าคิดว่ามันคงยังหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก”  หานเสียนห้าวพูดขึ้น แล้วเขาก็พุ่งตัวไปทางต้นน้ำ หานรั่วเฟยจึงมุ่งหน้าไปค้นหาอีกฝั่งของแม่น้ำ ส่วนหานห้าวตงกับหานห้าวเฟิง ก็พุ่งไปทางปลายน้ำ แร้งดำก็บินตามหานรั่วเฟยไป พวกมันก็ช่วยค้นหาคนเท่าที่สายตาพวกมันจะมองเห็น

หลินจื่อเซียนจั๊มอีกสามครั้ง ก็มาหยุดอยู่ใต้ผาแห่งหนึ่ง มีซอกเล็กๆ ซึ่งเกิดจากหินสองก้อนเกยซ้อนกัน จนใต้ก้อนหินมีพื้นที่โล่งราว 10 ตารางเมตร พอให้เธอได้อาศัยพักเหนื่อย เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มเธอก็ใช้พลังจิตทำให้มันแห้งไป แต่ไม่อาจขจัดคราบน้ำสีแดงขุ่นออกไปได้ เสื้อเธอจากสีขาวสะอาดจึงเป็นสีตุ่นๆ เหมือนซักด้วยน้ำโคลน เธอมองไปบนฟ้า “หวังว่าคงสลัดไอ้นกน่าเกลียดนั่นได้แล้วนะ”

เธอล้วงเอามือถือออกมา มือถือของเธอแสนจะแพงย่อมต้องกันน้ำได้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะชูมันหาสัญญาณยังไงก็ไม่มีสัญญาณขึ้นซักขีด “เฮ้อ!”

เธอเก็บมือถืออย่างเซ็งๆ พลัน! ท้องก็ร้อง จ๊อกกกกก…

เสียงร้องนี้เตือนว่าเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายมื้อแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่อง เธอจึงสอดส่ายสายตามองหาของกิน เธอจึงเดินเข้าไปในผืนป่าเบื้องหน้า บนพื้นมีเห็ดมากมายผุดขึ้นเต็มไปหมด รูปร่าง สีสันต่างจากเห็ดที่เธอเคยเห็น เห็ดเหล่านี้ดอกหนึ่งใหญ่เท่าร่ม มีสีแดงยังกับเลือด เพียงแค่เห็น ความรู้หนึ่งก็ผุดขึ้นมา ‘เห็ดเลือด’

ความรู้นี้มาจากตำราของราชันย์โอสถ เห็ดเลือด มีพิษร้ายแรง ใช้สกัดเป็นยาพิษได้หลายชนิด เมื่อความรู้นี้ผุดขึ้นมาในสมอง หลินจื่อเซียนก็ไม่คิดที่จะกินเจ้าเห็ดสีสวยนี้ลงไปเด็ดขาด เธอจึงเบนเท้า ไม่เดินเข้าไปในดงเห็ด

เมื่อเดินไปอีกสักพักเธอก็เห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง มีไม้กาฝากเกาะอยู่ กิ่งก้านเป็นสีเหลือง ไร้ใบ ไม้กาฝากชนิดนี้เรียกว่าหลงเสอ แกนข้างในกินได้ เมื่อเห็นไม้กาฝากชนิดนี้เธอจึงไม่รอช้า ใช้มือกระชากดึงมันลงมาทั้งต้น แล้วใช้พลังจิตกรีดผ่ามันออกดึงเอาแกนข้างในออกมากิน เธอนั่งกรีดผ่าไป หยิบกินไปจนกระทั่งหมดต้นแล้วก็ทิ้งซากมันไว้อย่างนั้น รสชาติแกนมันคล้ายกับกินบัวหิมะ หวานๆ เย็นๆ ชุ่มคอ

เมื่อก่อนเธอใช้พลังจิต ก็ใช้ได้ไม่นาน และรัศมีไม่กว้างมากนัก แต่ตอนนี้ราวกับร่างกายเธอสามารถสร้างพลังจิตได้เรื่อยๆ ราวกับเป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ไม่มีวันมอดดับ ใช้พลังจิตอย่างไรก็ไม่หมดไม่สิ้น สิ่งนี้ทำให้เธอดีใจนัก เพราะตอนนี้ต่อให้ไม่มีมีด ไม่มีปืน แต่เธอก็ยังมีพลังจิตที่สามารถใช้แทนมีดได้ แต่การใช้พลังจิตต่อหน้าคนอื่นก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอยู่ดี เพราะไม่งั้นเธอจะถูกกลุ่มองค์กรที่ชุบเลี้ยงคนที่มีความสามารถพิเศษตามล่า ถ้าเธอไม่ยอมเป็นพวกมัน เธอก็ถูกหมายหัวให้ต้องตาย เหมือนอย่างเช่นพ่อของเธอที่ต้องยอมเป็นมือสังหารเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหมายหัว ต้องรับจ้างฆ่าตามใบสั่ง เป็นคนขององค์กรมืดไปจนตาย

หลังจากกินอิ่มแล้ว เธอก็เดินกลับไปนอนใต้ซอกหิน ถึงแม้เธอจะหลับ แต่เธอก็เปิดประสาทสัมผัสไว้ส่วนหนึ่งคอยระวังภัย ถ้ามีเสียงไม่ชอบมาพากลดังขึ้นในระยะ 50 เมตร เธอก็จะสามารถตื่นขึ้นมารับมือกับสถานการณ์ได้ เธอนอนหงาย มือทั้งสองข้างวางแนบตัว ฝ่ามือแนบกับพื้น คอยรับรู้การสั่นสะเทือนบนพื้นดิน ต่อให้เป็นงูเล็กๆ เลื้อยมาใกล้เธอก็สามารถรับรู้ได้ทันที ศาสตร์การเอาตัวรอดนี้เธอเรียนมาจากพ่อซึ่งเป็นมือสังหารระดับท็อปขององค์กร ก็อย่างที่เขาว่ากันนั้นแหละ ‘พ่อเป็นพยัคฆ์ ลูกจะเป็นสุนัขได้อย่างไร’

เธอจึงเป็นมือสังหารโดยสายเลือดนั่นแหละ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version