Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1000

ตอนที่ 1000 ข้าเคยสัญญา

หลังจากเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวคว้าแสงสีทอง แสงทองนั้นพลันบิดเบี้ยว ในเวลาเดียวกันก็เกิดระลอกคลื่นไม่มีสิ้นสุด ต่อมามีเงามายาของดาบยาวสีทองเล่มหนึ่งโผล่มาในมือเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว

ตอนที่มองไป เงามายาดาบทองเล่มนี้ถูกเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวดึงมาจากใน แสงทอง เมื่อดาบปรากฏ ก็เกิดแรงกดดันไร้รูปรุนแรงกดทับลงมายังพื้นดินทันที ทางด้านบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ทั่วร่างเขาเกิดเสียงโครมคราม พร้อมกันนั้นร่าง จิตแรกยังพุ่งลงพื้นดิน ถูกแรงกดดันราวกับของจริงกดไว้กับพื้น ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำจิตแรกเขายังเกิดเค้ารางจะหย่อนยานอีก เหตุการณ์นี้ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี ดูหวาดกลัวอย่างชัดเจน

ส่วนซูหมิง ร่างสมบัติล้ำค่าสั่นสะท้านภายใต้แรงกดดัน ตัวเขาค่อยๆ ลดระดับลงคล้ายกับทั่วฟ้าพังพินาศลงกดทับบนตัวเขาทั้งหมด จนกระทั่งกดเขาติดกับพื้น ขาสองข้างก็ยังยุบลงไปในพื้นดิน

ประหนึ่งว่าไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดต้องก้มกราบใต้แรงกดดันนี้ หากไม่ก้มกราบจะต้องสิ้นชีพไป ซูหมิงยากจะยืนอยู่ได้แล้ว เขาเงยหน้าขึ้นจ้องเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวบนฟ้า นัยน์ตาฉายประกายเย็นชา

หากบอกว่ามีใครที่ได้รับผลกระทบน้อยสุดจากแรงกดดันนี้ ก็คงมีเพียง….ย่วนเว่ย

ม้าดำหัวมังกรสองหัวตัวนี้ แทบเป็นช่วงที่พลังแห่งอู๋โบราณของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกดทับลงมา มันส่งเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น เสียงดังกึกก้อง ก่อนรวมขึ้นเป็นหมอกดำเข้มข้นรอบตัว ระหว่างที่หมอกดำเหล่านี้บิดเบี้ยวก็ยังกลายเป็นร่างเงาเลือนรางจำนวนหนึ่ง ร่างเงาเหล่านี้มองเห็นรูปร่างไม่ชัด แต่จากเค้าโครงจะเห็นว่ามีชายหญิง มีคนชราและผู้เยาว์

พวกเขาล้วนคำรามใส่แสงสีทองรอบตัวเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวราวกับเสียสติ และยังร้องลั่นใส่ดาบยาวสีทองที่เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวดึงออกมาจากแสงทองอีกด้วย

ความแค้นที่คนธรรมดายังรู้สึกได้ปล่อยมาจากตัวย่วนเว่ยโดยไม่กักไว้แม้แต่น้อย เห็นรางๆ เหมือนว่าจะต่อต้านกับแสงทอง

“เบิกฟ้า!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวที่ร่างกายส่วนใหญ่กลายเป็นสีทองชูดาบยาวขึ้นอย่างยากลำบากแล้วฟันลงมายังพื้นดิน จะเห็นได้ว่าการฟันครั้งนี้สร้างภาระให้กับเขาอย่างใหญ่หลวง

ตัวเขาพลันซูบผอมลงอย่างไร้ที่เปรียบ ประหนึ่งว่าแก่นสำคัญเลือดเนื้อทั้งหมดจนกระทั่งวิญญาณยังกลายเป็นแหล่งพลังงานในการฟันดาบนี้

เมื่อฟันดาบลงไป แผ่นดินใต้เท้าซูหมิงส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นและเกิดรอยร้าว ขาสองข้างถูกแรงกดดันกดจนลึกลงไปอยู่ใต้ดิน เผยออกมาเพียงครึ่งตัวเท่านั้น ระดับความแกร่งของแรงกดดันทำให้โลหิตทั่วร่างซูหมิงแข็งค้าง นี่ขนาดเขาใช้ร่างสมบัติล้ำค่าแล้ว หากไม่มีร่างกายนี้และแรงกดดันไม่ได้ถูกแบ่งให้กับทุกคนในร่างกาย เช่นนั้นถึงจะให้เป็นร่างแยกเอ้อชางก็แทบจะแหลกสลายไปภายใต้แรงกดดันนี้

ถึงอย่างไรเอ้อชางของซูหมิงก็ยังไม่สมบูรณ์

การฟันดาบนี้ไม่ได้ฟันซูหมิง แต่ฟันย่วนเว่ยที่คำรามอยู่ข้างๆ มิหนำซ้ำซูหมิงยังเห็น อีกว่าในดวงตาเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวถูกสีทองเข้ามาแทนที่ ประกายแววตาเหมือนไม่ใช่สติปัญญาเดิม แต่เป็นแววตาที่อยู่สูงส่ง มองจักรวาลจากข้างบนราวกับมองมดปลวก

“มดปลวกจากโลกข้างล่างอย่างพวกเจ้าคิดจะสู้กับอู๋อย่างนั้นรึ?” เสียงจาก เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวแฝงไว้ด้วยทำนองพิลึก และยังมีความรู้สึกชำเลืองตามองฟ้าดิน เหมือนกับยืนอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์

สายตานี้ไม่ว่าจะมองหุ่นเชิดเพลิงหรือซูหมิงก็เป็นเช่นนี้ มีเพียงตอนที่มองย่วนเว่ยที่จะดูจริงจังขึ้นมา คลับคล้ายว่ามีเพียงย่วนเว่ยที่ทำให้เขาสนใจและคิดว่าอยู่ระดับเดียวกัน

“เซียนแห่งแคว้นชั้นสูง!” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตัวสั่น น้ำเสียงสั่น ถึงจะพูดเบาๆ ทว่าซูหมิงก็ยังได้ยิน ตอนที่ได้ประโยคนี้ ความเย็นชาในแววตาเขามากขึ้นอีก

สามแคว้นโบราณ ในสายตาคนจากสี่มหาโลกแท้จริง เรียกว่าเซียนแห่งแคว้นชั้นสูงได้จริงๆ!

หนึ่งดาบฟันฉากฟ้า กลายเป็นแสงทองสว่างพร่างพราว ภายในแสงทองแฝงไว้ด้วยความสว่างไม่อาจบรรยาย มันเหมือนกับความงดงามจากการแยกมวลอากาศในยุคสมัยฟ้าดินแรกเริ่ม นี่ ก็คือการเบิกฟ้า!

เปิดความขมุกขมัวออก กดอัดรวมให้กลายเป็นแผ่นดิน เปลี่ยนอย่างเบาๆ ให้เป็นพลังงานของท้องฟ้าแล้วรวมอยู่กลางดาบเล่มนี้ ถึงเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวจะปล่อยพลังแท้จริงของดาบเล่มนี้ไม่ได้ ทว่าอู๋โบราณที่ใช้สายเลือดเหนี่ยวนำมาก็ยังมีผลให้ ดาบเล่มนี้ระเบิดพลานุภาพที่แน่นอนอยู่

นี่คืออภินิหารชีวิตของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว ชีวิตนี้เขาเผาสายเลือดได้ครั้งเดียว หากใช้ไปแล้วจะต้องตายแน่นอน ทว่าเวลานี้ต่อให้ต้องตาย เขาก็ต้องเผาสายเลือดที่เป็นจุดสูงสุดของตัวเอง ต้องปลุกเร้าความภูมิใจของอู๋โบราณที่มีอยู่ในสายเลือด

หนึ่งดาบฟันลง ฟ้าดินถอดสี ในมิติที่ซูหมิงอยู่เหมือนหยุดนิ่ง บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตัวสั่น วิญญาณเพลิงที่กำลังดุร้ายใต้ดินพากันสงบลงในยามนี้

ไม่ใช่เพียงแค่พวกมัน แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเตาหลอมลำดับห้า กระทั่งต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งยังรู้สึกถึงความน่าเกรงขามแห่งการเบิกฟ้าของแคว้นอู๋โบราณ

เซียนจื่อหลงหน้าทะมึนทึบ เขายังคงยืนมองฟ้าอยู่บนที่ราบ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่แน่วแน่ ผ่านไปพักใหญ่ถึงถอนหายใจ เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องตายแน่แล้ว

‘น่าเสียดายสัญญาความร่วมมือกับเขา ถ้าอย่างนั้นแล้วในการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าตอนท้าย ก็คงไม่ต้องร่วมมือกับหวงเหมยนั่นจริงๆ’ จื่อหลงส่ายศีรษะ

ในอีกมิติหนึ่ง ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองขมวดคิ้ว ตอนที่มองสีทองบนฟ้า นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวบางๆ

‘นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าคนที่มีสายเลือดอู๋โบราณจะระเบิดกำลังรบได้แกร่งถึงขนาดนี้……’

ซูหมิงจ้องหนึ่งดาบฟันลงของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวตาเขม็ง ตัวเขาถูกแรงกดดันกดอัดลงบนพื้นแน่นสนิท มันทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงมองดาบสีทองฟ้าลงมายังย่วนเว่ย

ด้านย่วนเว่ย ตอนนี้ขณะร้องคำราม หมอกดำทั่วร่างพลันหมุนวนกลายเป็นน้ำวนคล้ายกับหลุมดำนอกตัว ก่อนพุ่งเข้าไปหาดาบเบิกฟ้าที่ฟันลงมา

ก่อนที่มันจะพุ่งไป ยังหันหน้ามามองซูหมิงที่ถูกกดอัดจนขยับตัวไม่ได้แวบหนึ่ง ในสายตาเหมือนมีความหมายแห่งการลาจาก ก่อนหันกลับแล้วพุ่งไปยังดาบสีทอง เบิกฟ้าราวกับดาวตกสีดำ

นี่คือภารกิจของมัน มันคือตราประทับวิญญาณที่เกิดความแค้นของแคว้นเว่ยโบราณ เมื่อเห็นสายเลือดอู๋โบราณปรากฏตัว ความแค้นจะบรรลุถึงจุดสูงสุด มันต้องพุ่งออกไป ต้องสู้กับสายเลือดอู๋โบราณ!

ซูหมิงเห็นดวงตาที่ย่วนเว่ยมองมาแวบหนึ่ง เห็นการจากลาซ่อนอยู่ในแววตามัน สายตานี้ทำให้เขาใจสั่นสะท้านและเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

ดวงตาเขาเกิดเส้นเลือดฝอยจางๆ เขานึกไปถึงคำสัญญาที่ตนให้ไว้กับย่วนเว่ย!

‘ย่วนเว่ย จากนี้ไปข้าจะสังหารสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งที่เจ้าคิดสังหาร นี่คือคำสัญญาที่ข้าให้ไว้กับเจ้าก่อนหน้านี้ และก็เป็นคำสัญญาที่ข้าซูหมิงเอ่ยต่อทั้งจักรวาล!’

‘คำสัญญาของข้า……’ เส้นเลือดฝอยในดวงตาซูหมิงมากขึ้นอีก หัวใจกำลังสั่นไหว วิญญาณกำลังเดือดพล่าน จิตใจแน่วแน่ทั้งหมดในร่างกายเกิดการต่อต้านกับแรงกดดันจากนอกโลกอย่างบ้าคลั่ง

ตอนนี้เองฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวคล้ายกับว่าจะแยกโลกนี้ออกอีกครั้ง นั่นคือการปะทะกันของดาบเบิกฟ้าสีทองกับดาวตกสีดำจากย่วนเว่ย

ท่ามกลางเสียงดังก้องปัมปนาท ย่วนเว่ยกระเด็นถอยไป ร่างกายถูกฟันกลางอากาศ ภายใต้เสียงดังอึกทึก ตัวมันกลายเป็นหมอกดำจำนวนมาก ซึ่งมีหมอกดำ ไม่น้อยที่หายไปในฉับพลัน ส่วนที่เหลืออยู่ม้วนตลบถอยไป หลังจากรวมขึ้นมาอีกครั้งแล้วจึงกลายเป็นร่างย่วนเว่ย ทว่าร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลน่ากลัว มิหนำซ้ำกลิ่นอายพลังยังอ่อนแอถึงขีดสุด

กลิ่นอายมรณะเข้มข้นวนเวียนรอบตัว

ส่วนดาบยาวสีทองหยุดชะงักกลางอากาศครู่หนึ่ง แสงทองอ่อนลงเล็กน้อย แต่ความเร็วกลับไม่ลดลงเลย เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกำเอาไว้ ก่อนฟันลงมายังย่วนเว่ย อีกครั้ง

ซูหมิงตัวสั่นอย่างรุนแรง เสียงคำรามต่ำดังมาจากปากดุจฟ้าผ่า เขาต้องทำตามคำสัญญากับย่วนเว่ยให้ได้!

ถึงราคาในการทำตามสัญญาจะสูงมากจริงๆ แต่ในเมื่อตอนแรกเอ่ยไปแบบนั้นแล้ว ตอนนี้เขาก็จะไม่ยอมเอาแต่ตัวเองปลอดภัย แต่ให้ย่วนเว่ยต้องรับดาบทองของ เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวอย่างเด็ดขาด เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวต้องสิ้นชีพไป ส่วนตัวเขาจะต้องได้ชัยชนะมา

แต่ว่าเรื่องนี้ บางทีคนอื่นอาจจะลังเลก่อนแล้วถึงจะเลือกแบบนี้ แต่ซูหมิง ไม่มีวันเป็นแบบนั้น!

ร่างสมบัติล้ำค่าของเขาพุ่งออกจากแรงกดดันนี้ไม่ได้ ทว่าเขายังมีวิธีอื่นอยู่ ทันทีที่การฟันเบิกฟ้าของดาบทองพร้อมด้วยพลานุภาพที่เหลือเข้ามาใกล้ย่วนเว่ยที่ใกล้จะตาย ซูหมิงส่งกระแสจิตไปยังพวกเสวียนซางสี่คนอย่างไม่ลังเล มีความแน่วแน่จนไม่ยอมให้ใครปฏิเสธ

“เปิดร่างสมบัติล้ำให้ข้าจะออกไป!”

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงกล่าวประโยคนี้ วิญญาณเขาพลันปะทุออกมาจากใน ร่างสมบัติล้ำค่า ทำให้พวกเสวียนซางสี่คนใจสั่นและรีบทำตามทันที แต่ก็ไม่แยกร่างสมบัติล้ำค่าออก เพียงตัดการเชื่อมต่อกับตัวซูหมิง

ทันทีที่การเชื่อมต่อถูกตัด ตรงระหว่างคิ้วร่างสมบัติล้ำค่าพลันขยับแสงวิบวับ จากนั้นเกิดร่างมายาซ้อนทับขึ้นบนตัวร่างกายสมบัติ แล้วตามด้วยร่างจริงซูหมิงเดิน ออกมาจากร่างมายาซ้อนทับ

ช่วงที่เขาเดินออกมาและแรงกดดันรอบตัวถาโถมเข้ามานั้น เขายกมือขวาขึ้นกำหมัด ในฝ่ามือมีบางสิ่งอยู่ก่อนแล้ว

นั่นคือ……ผึ้งพิษที่มีน้ำหวานดอกผนึกจิต

เหล็กในของผึ้งโผล่มาแล้ว เมื่อซูหมิงกำมือ คนอื่นจึงไม่สังเกตเห็นว่าเหล็กในได้ปักเข้าไปในกลางมือเขา พิษปะปนกับน้ำหวานดอกผนึกจิตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย

หัวใจเขาเต้นดังโครมเหมือนจะระเบิดออก วินาทีนี้ หลังจากเกิดเสียงอึกทึกแล้ว ในร่างกายเกิดการเดือดพล่านขึ้นมา น้ำหวานดอกผนึกจิตไหลเวียนในโลหิต บนใบหน้าเขามีเส้นเลือดปูดโปน จากนั้นก็เข้าต่อต้านกับแรงกดดันจากบนฟ้าทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version