Skip to content

สู่วิถีอสุรา 999

ตอนที่ 999 อู๋โบราณสร้างความตะลึงไปทั่วใต้หล้า

“เจ้ากดขี่คนอื่นมากเกินไปแล้ว!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวได้ยินคำพูดซูหมิงแล้วก็งุนงงก่อน แต่ไม่นานก็คำรามด้วยความบ้าคลั่ง สองมือยกขึ้นตบหน้าอก กระดูกทั่วร่างเกิดเสียงดังโครมๆ

“สายเลือดอู๋โบราณ ขอเชิญวิญญาณบรรพบุรุษมาเยือน เผาสายเลือด ตามปณิธานจารึกแซ่อู๋!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ชั่วขณะที่ร้องคำราม ทันใดนั้นทั้งฟ้าดินขุ่นมัว

กลางฟ้าขุ่นมัวมีหมอกม้วนตลบ มันหมุนวนอยู่กลางเสียงโครมครามกลายเป็นน้ำวนยักษ์แห่งหนึ่ง น้ำวนมาแทนที่ฟ้า หมุนวนไม่หยุดหย่อน แรงกดดันมหาศาลลงมายังแผ่นดิน

จากนั้นมีลำแสงสีทองยักษ์ขนาดหลายร้อยจั้งโผล่มาจากที่ใดไม่รู้ในน้ำวน มันลงมายังพื้นดินแล้วปกคลุมเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเอาไว้ทั้งหมด

ในเวลาเดียวกันบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างเขากระเด็นถอยไปเหมือนจะระเหยเป็นไอ จนกระทั่งถอยไปหลายร้อยจั้งถึงเป็นปกติ สีหน้ามีความหวาดกลัวถึงขีดสุด

เขารู้สึกชัดว่าในลำแสงสีทองเมื่อครู่แฝงไว้ด้วยพลังน่ากลัวที่ทำให้เขาตกตะลึง กระทั่งสังหารผู้กุมชะตาเกิดดับได้

ดีที่พลังนี้อ่อนแอมาก อีกทั้งยังมีพื้นที่ไม่มาก ถ้าไม่อย่างนั้น วันนี้เขาบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงต้องตายแน่

ทางด้านย่วนเว่ย ภายใต้แสงทอง ทั่วร่างมันพลันปล่อยหมอกดำออกมาจำนวนมาก หมอกดำบิดเบี้ยวพร้อมกับรวมขึ้นเป็นร่างเงาเลือนราง ร่างเงาเหล่านี้ต่างเงยหน้าคำรามไร้เสียงขึ้นฟ้าไปยังลำแสงทองนั้น

ถึงรูปร่างพวกเขาจะดูเลือนราง ทว่าความรังเกียจ บ้าคลั่งและความแค้นต่อแสงทองจากตัวพวกเขากลับเผยออกมาอย่างแจ่มชัด

โดยเฉพาะย่วนเว่ย มันคำรามไปทางแสงทอง ท่าทางแบบนั้นเหมือนอยากจะทำลายต้นตอของแสงทอง!

ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน แสงทองก็ปกคลุมเขาเช่นกัน ความหนาวเยือกพลันอบอวลในใจ ความหนาวนี้แผ่มาจากในแสงทอง คลับคล้ายว่าแม้แต่วิญญาณก็ยังจะถูกแช่แข็ง แต่ร่างกายซูหมิงตอนนี้มีกำลังรบจุดสูงสุดขั้นกุม ตัวเขาจึงถอยหลังไปจนออกจาก แสงทองร้อยจั้งได้

ทว่าถึงจะถอยไป แต่ในร่างกายสมบัติล้ำค่ากลับมีเสียงร้องโหยหวนจากพวกเสวียนซางดังขึ้น อยู่ในแสงทองเพียงครู่เดียวก็ทำให้จิตใจและวิญญาณพวกเขาบาดเจ็บหนักแล้ว

นัยน์ตาซูหมิงเปล่งประกาย ก่อนเงยหน้ามองน้ำวนขุ่นมัวบนฟ้าที่ส่องแสงทองลงมา

“เผาสายเลือด อาศัยพลังโบราณอัญเชิญวิญญาณอู๋!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกลางแสงทองตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง ตัวเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีเส้นเลือดดำจำนวนมากปูดขึ้น ภายในมีฟองอากาศเคลื่อนไหว นั่นคือโลหิตทั่วร่างกำลัง เดือดพล่าน อีกทั้งร่างกายเขายังเปลี่ยนเป็นสีทองอย่างรวดเร็ว

แทบเป็นขณะเดียวกับที่แสงทองมาเยือน ภายในเตาหลอมลำดับห้า ภายในมิติแห่งหนึ่งในชายขอบชั้นสาม เซียนจื่อหลงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนที่ราบ รอบตัวมีหญ้าป่านับไม่ถ้วนกำลังแกว่งไกว ท้องฟ้าเป็นสีดำ ทว่าเพราะสีดำนี้เองจึงทำให้หญ้าป่ารอบตัวเกิดเสียงดังซ่าๆ และยังมีความพิลึกไม่มีที่สิ้นสุด

ทว่าเซียนจื่อหลงกลับมีสีหน้าปกติ แต่ตอนนี้เอง สีดำทึบบนฟ้ากลับถูกแสงทองเข้ามาแทนที่ แสงทองส่องสะท้อนไปมากกว่าครึ่งฟ้า และยังส่องแผ่นดิน เสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กดังแว่วมา เมื่อแผ่นดินสว่างขึ้น จะเห็นได้ว่ากลางหญ้าป่ามีแมงมุมขนาดเท่ากำปั้นอยู่หลายตัว

พวกมันทยอยกันหายไปภายใต้แสงทอง เสียงร้องดังกึกก้อง แต่กลับไม่ดึงดูดความสนใจของเซียนจื่อหลงแม้แต่น้อย เขาจ้องฟ้าตาเขม็ง ร่างเขายืนขึ้นแล้ว นัยน์ตาเปลี่ยนไปมาอย่างเร็วไวพลางสูดลมหายใจเข้าลึก

‘พลังแห่งอู๋โอราณ เป็นใครกัน….ที่บีบให้สหายอู๋ตกอยู่ในสภาพลำบากขนาดนี้ ถึงกับยอมเผาชีวิตเพื่ออัญเชิญวิญญาณแห่งอู๋โบราณมา!’

ในเวลาเดียวกัน ในมิติต่างกัน ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองกำลังเดินอยู่บนพื้นดิน ตรงหน้าเป็นสัตว์ยักษ์คล้ายหมีจำนวนมาก ทว่าเขากลับไม่สนใจแม้แต่น้อย จุดที่ผ่าน สัตว์ร้ายเหล่านั้นจะทยอยกันกระดูกแตกหัก มันสมองลอยมาทางชายร่างกำยำ ก่อนถูกเขาสูบเข้าไปทีเดียวหายไปทั้งหมด

ขณะกำลังเคี้ยวอยู่นี้ บนฟ้าสว่างพลันเกิดแสงสีทองสว่างจ้าแสบตา มันดูเด่นชัดยิ่ง ปกคลุมท้องฟ้าไม่จางหาย เขาหยุดชะงักครู่หนึ่งในทันใด ตอนที่เงยหน้าขึ้น สีหน้ายังดูจริงจังอย่างยิ่งขึ้นมาโดยพลัน

“พลังแห่งอู๋โบราณ…”

ขณะเดียวกัน จูโหย่วไฉก็อยู่อีกมิติหนึ่ง ช่วงที่กำลังจะเดินออกจากรอยแยกมิตินั้น กลับถูกแสงสีทองสว่างจ้าแสบตาบนฟ้าดึงดูดสายตาไป พอมองไปแล้วเขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง หน้าเปลี่ยนสีไม่มั่นคงพลางเงียบไปกล่าวใดๆ

หากเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเตาหลอมลำดับห้าก็คงจะไม่ดึงดูดความสนใจของคนเป็นพิเศษ ทว่าตอนนี้…กลางฟ้ากระจ่างดาวนอกเตาหลอมลำดับห้าก็มีแสงสีทองเด่นชัดสายหนึ่งเช่นกัน มันล้อมเตาหลอมลำดับห้า ซึ่งแสงทองจากใน เตาหลอม…ก็มาจากตรงนี้!

ทิศทางการมาของแสงทองไม่ใช่จากส่วนลึกของฟ้ากระจ่างดาว แต่มาจากข้างบน

บนฟ้ากระจ่างดาวไม่มีที่สิ้นสุด!

ดังนั้นแล้ว คนที่เห็นแสงทองจึงไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขา เผ่าธุลีแผดเผา ถึงพวกเขาจะหายไปในฟ้ากระจ่าวดาว แต่ความจริงยังอยู่ พวกเขามองแสงทองที่ลงมาเยือนจากบนฟ้ากระจ่างดาว และยังรู้สึกถึงแรงกดดันแก่กล้าจากในแสงทอง

เผ่าขวางสวรรค์ไปจนถึงเผ่าขวางคุณธรรม กระทั่งเผ่าเหลิงอูยังพากันมองแสงทอง

ไกลออกไปยิ่งกว่า ในวงแหวนชั้นในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนในนั้นที่หลบทะเลเพลิงของเตาหลอมลำดับห้ามาได้ ตอนนี้ทันทีที่เห็นแสงสีทองบนฟ้ากระจ่างดาว พวกมันต่างพากันใจสั่นสะท้าน

ระหว่างวงแหวนชั้นในกับชั้นนอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ชาวเผ่าลำดับเก้าตรงนั้น กระทั่งที่อยู่รอบนอกล้วนเห็นแสงทองเหมือนกันหมด!

นั่นคือลำแสงจากบนฟ้ากระจ่างดาวลงมาเป็นเส้นตรง!

กระทั่งบนดาวทมิฬก็ยังเห็นเลือนราง ต่อให้เป็น…รักษาการณ์ขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริงก็ยังเห็นแสงทองกันทั้งหมด!

ภายในขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริง ตอนนี้ยอดฝีมือที่ปิดด่านนั่งฌานตลอดปีพากันออกฌาน ตอนที่เพ่งมองแสงทอง พวกเขาล้วนมีสีหน้าต่างกัน

“นี่คือพลังแห่งอู๋โบราณของสหายอู๋…”

“เขาเจออันตรายใดกันแน่ถึงอัญเชิญวิญญาณแห่งอู๋โบราณมา ตามที่ข้ารู้ หากเขาใช้วิชานี้จะต้องรับไม่ไหวแน่ สายเลือดเขายัง…น้อยเกินไป”

ไกลออกไปยิ่งกว่า ในพื้นที่ที่ไกลกว่าแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ตรงนั้นมองไม่เห็นแสงทอง แต่หากมีคนขยายจิตสัมผัสขึ้นฟ้าไปเรื่อยๆ ได้ เช่นนั้นตามขั้นพลังที่ต่างกัน บางที…อาจมีคนเห็นสุดปลายของแสงก็ได้

จุดที่เปล่งแสงทองมาคือสุดปลายด้านบนฟ้ากระจ่างดาว ที่นั่น…มีน้ำวนขุ่นมัวอยู่ มันมีลักษณะเหมือนกับที่ซูหมิงเห็นในเตาหลอมลำดับห้า หากเป็นคนขั้นพลังสูงพอ บางทีจิตสัมผัสของเขาอาจจะมองผ่านน้ำวนตรงสุดปลายฟ้ากระจ่างดาวไปเห็นว่าตรงนั้น…มีฟ้ากระจ่างดาวแห่งใหม่อยู่

นั่นคือฟ้ากระจ่างดาวโลกด้านบนของสามแคว้นโบราณ

ตรงนั้น แสงทองส่องมาจากเขตดาราของแคว้นอู๋โบราณ ต้นกำเนิดมาจาก… ดาวแท้จริงลักษณะดาวห้าเหลี่ยมดวงหนึ่ง ตรงกลางดาวมีดาบสงครามยักษ์ปักลงไปอยู่เล่มหนึ่ง!

ทุกส่วนของดาบสงครามเป็นแสงสีทอง ใต้ดาบสงครามมีศพตะขาบขนาดเท่า นิ้วมืออยู่สามตัว ตอนนี้ร่างพวกมันแห้งเหี่ยว นอนหมอบนิ่งอยู่ตรงนั้น

เป็นดาบสงครามเล่มนี้เองที่เปล่งแสงทอง ทะลวงผ่านมวลอากาศไม่มีสิ้นสุดลงมายังเตาหลอมลำดับห้า ตอนนี้ในฟ้าดินที่ซูหมิงอยู่ ภายใต้แสงทองนี้ เขาเห็นกับตาว่าร่างเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกลายเป็นสีทองไปมากกว่าครึ่ง แรงกดดันน่าเกรงขามลุ่มลึกจนไม่อาจคาดเดารุนแรงขึ้นไม่หยุดในตัวเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว

“พลังแห่งอู๋โบราณ…” ซูหมิงหรี่ตาลง มีสีหน้าปกติ เพียงขมวดคิ้วมองแผ่นดิน เขาสังเกตเห็นรางๆ เหมือนว่าในแผ่นดินมีกลิ่นอายพลังกำลังตื่นขึ้นด้วยความยุ่งเหยิง

ตรงส่วนลึกใต้ดินของภูเขาไฟเหลือคณานับบนพื้น ตอนนี้มีโลกใบหนึ่งที่มีน้อยคนนักที่จะเข้าไปได้ ต่อให้ซูหมิงสู้กับหุ่นเชิดเพลิงอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วก็ยังไม่สังเกตเห็นโลกนี้

มันเป็นถ้ำดินแห่งหนึ่ง เป็นลักษณะโพรงลึก ที่นี่รวมขึ้นจากเส้นทางนับไม่ถ้วน แน่นขนัดซับซ้อนอย่างยิ่งเหมือนกับเขาวงกต ตรงส่วนลึกของเขาวงกตยังเป็นถ้ำค่อนข้างกว้างใหญ่

ตรงนั้นมืดทึบ หากมีแสงสว่างก็จะเห็นว่าในนั้น…มีวิญญาณเพลิงจำนวนมากกำลังหลับใหลอยู่ ทั่วร่างพวกมันปล่อยความร้อนเบาๆ แต่กลับไม่เกิดแสงสว่าง!

พวกมันต่างนอนซ้อนกันไปมา ดูมากมายไม่เห็นขอบสุดปลาย เกรงว่ามีมากกว่าหลายหมื่นตัว ในนั้นมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน มิหนำซ้ำยังแผ่กลิ่นอายพลังเทียบเท่าขั้นกุม ที่นี่…คือรังของวิญญาณเพลิง!

ณ ถ้ำลึกของวิญญาณเพลิงหลายหมื่นตัว ใต้ผนังหินสุดปลายตรงจุดที่วิญญาณเพลิงกลุ่มนี้นอนอยู่มีโครงกระดูกอยู่ร่างหนึ่ง มันอยู่ชิดกับผนังหิน ไม่รู้ว่าตายมานานกี่ปีแล้ว อาภรณ์หายไปแล้ว เหลือเพียงกระดูก

ต่อให้เป็นกระดูก ตอนนี้ก็ยังเหลือเพียงครึ่งตัวบน ในมือถือทวนยาวสีม่วง ถึงคนนี้จะตายแล้ว แต่ก็ยังกำทวนนั้นเอาไว้แน่น

ถ้ำพิลึก โครงกระดูกประหลาด และยังมีทวนในมือโครงกระดูกอีก ภาพนี้ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของพื้นดิน ไม่รู้ว่ากี่ปีมาแล้วที่ไม่มีใครรู้และเข้ามา

ทว่ายามนี้เมื่อแสงสีทองจากบนพื้นดินลงมา ความมืดทึบใต้ดินจึงเกิดแสงสีทองในทันที แสงทองลอดผ่านผนังหินจากข้างบนเข้ามา ช่วงที่เกิดแสงทอง มันก็ส่องสะท้อนแสงไปทั่วถ้ำ

สำหรับวิญญาณเพลิงที่ชินกับความมืดแล้ว แสงทองนี้แสบตาอย่างยิ่ง แทบเป็นช่วงที่เกิดแสงทอง วิญญาณเพลิงนับไม่ถ้วนในถ้ำต่างส่งเสียงคำราม พากันลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววเหี้ยมโหด ไม่นานเสียงคำรามก็ดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากพวกมันลืมตาหมดแล้ว เสียงคำรามก็ดังกังวานไปทั่วถ้ำใต้ดิน

ที่ซูหมิงสังเกตเห็นก็คือกลิ่นอายพลังการตื่นของวิญญาณเพลิงกลุ่มนี้!

แทบเป็นช่วงที่กลิ่นอายพลังของพวกมันส่งมาจากแผ่นดิน ทันใดนั้นเด็กหนุ่ม ชุดคลุมขาวที่ถูกแสงทองปกคลุมอยู่ตรงหน้ามีสีหน้าเหยเกย ดูเจ็บปวดอย่างยิ่ง ร่างกายเจ็ดส่วนกลายเป็นสีทอง ดวงตาสองข้างยังเป็นสีทองอ่อน ตอนนี้จ้องซูหมิงเขม็งด้วยความบ้าคลั่ง

เขายกมือขวาขึ้นคว้าไปทางแสงทองข้างบน

“ขอใช้พลังอู๋ของข้า เบิกฟ้าผ่าปฐพี!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version