Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1002

ตอนที่ 1002 กระดานหมาก

การปรากฏตัวของวิญญาณเพลิง เสี้ยวพริบตาเดียวก็ทำให้ฟ้าดินแห่งนี้กลายเป็นโลกสีแดงเพลิง ทะเลไฟร้อนระอุ อุณหภูมิเดือด สีหน้าเหี้ยมโหดของวิญญาณเพลิง รวมถึงแรงกดดันที่เกิดจากจำนวนของพวกมัน ทำให้ทุกคนที่นี่ใจสั่นสะท้าน!

ตรงที่ศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวตกลงไปก็คือจุดที่เกิดรอยแยก แทบเป็นช่วงที่วิญญาณเพลิงจำนวนมากหลั่งทะลักเข้ามา ขณะเดียวกับที่เกิดเสียงคำรามดังสนั่น ร่างศพตกลงไปในรอยแยกลึกและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ไม่มีใครกล้าตามไป ต่อให้เป็นบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่กระหายต่อศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวอย่างยิ่ง ยามนี้เห็นวิญญาณเพลิงจำนวนมากแล้วก็หน้าเปลี่ยนสี หากวิญญาณเพลิงเหล่านี้เป็นพวกธรรมดาก็ไม่เท่าไร ทว่าในนั้นมีวิญญาณเพลิงตัวใหญ่ที่มีขั้นพลังเกือบขั้นกุมปะปนอยู่ด้วยสิบกว่าตัว พวกมันต่างหาก…ที่เป็นสาเหตุให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี

ท่ามกลางเสียงคำรามดังก้อง บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหดจิตแรกให้เล็กลงอย่างไม่ลังเล ภายในจิตแรกพ่นเปลวเพลิงจำนวนมากออกมาแล้วให้มันวนเวียนทั่วร่าง ตัวเขาแน่นิ่งอยู่ข้างในไม่กล้าขยับไหว จากประสบการณ์ครั้งก่อนของเขา วิธีนี้ของตนหากรอบๆ ไม่มีคนอื่นจะมีผลไม่มาก แต่หากรอบๆ มีคนอื่น จะทำให้เขาหนีรอดจากการสังหารของวิญญาณเพลิงได้ก่อน

ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาแผ่มาจากร่างกายก็คือเพลิงเหมือนกัน

ซูหมิงหรี่ตาลง เขาในตอนนี้อยู่ในช่วงน้ำมันตะเกียงใกล้เหือดแห้ง ย่อมไม่มีทางหลบได้ สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวคือใช้ความเร็วสูงสุดถอยไปอย่างรวดเร็ว และสะบัดแขนเสื้อเก็บย่วนเว่ยที่บาดเจ็บสาหัสเข้าไปในถุงเก็บวัตถุ

ช่วงที่ซูหมิงทำสิ่งนี้เสร็จสิ้น วิญญาณเพลิงจำนวนมากที่หลั่งทะลักเข้ามาแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งส่วนตรงไปหาร่างสมบัติของพวกเสวียนซางสี่คน อีกส่วนร้องคำรามพร้อมกับพุ่งมาหาซูหมิง

สีหน้าเหี้ยมโหด แววตาดุร้าย บวกกับทั่วร่างแผ่กระจายทะเลเพลิงไม่มีที่สิ้นสุด ยังไม่ทันเข้าใกล้ แผ่นดินก็แทบจะถูกหลอมละลายแล้ว นั่นคือเปลวเพลิงที่เผาไหม้ ฟ้าดินได้!

ช่วงภยันตรายมาถึง หลังจากซูหมิงกัดฟันเก็บย่วนเว่ยไปแล้ว ขณะกำลังจะเรียกวิญญาณดินทรายออกมาเพื่อจัดการกับภัยพิบัติครั้งนี้ ทันใดนั้นก็เกิดภาพที่ทำให้สายตาเพ่งสมาธิ กระทั่งสีหน้ายังมีความประหลาดใจ

หลังจากเขาเก็บย่วนเว่ยไป วิญญาณเพลิงกลุ่มที่พุ่งมาหาเขาต่างหยุดชะงักกลางอากาศพร้อมกัน เหมือนที่พวกมันมาก็เพราะย่วนเว่ย แต่ตอนนี้ย่วนเว่ยหายไปแล้ว พวกมันจึงหันไปมองรอบๆ ราวกับมองไม่เห็นซูหมิง ก่อนจะทำสีหน้าดุร้ายอีกครั้ง แล้วร้องคำรามพร้อมกับพุ่งไปหา…บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่ทั่วร่างพ่นเปลวเพลิงหมายจะตบตา

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหรี่ตาลง พลันก่นด่าในใจ เขาใช้วิธีนี้มาหลายครั้ง ทุกครั้งจะตบตาผ่านไปได้ มีเพียงครั้งนี้ที่ถูกพบ และสิ่งที่ทำให้เขาคับอกคับใจกว่าเดิมคือ ซูหมิงยืนทนโท่อยู่ตรงนั้น แต่วิญญาณเพลิงเหล่านี้…กลับไม่มองแม้แต่หางตา เรื่องนี้ทำให้เขาเกิดความอัดอั้นตันใจ ขณะเดียวกันก็ไม่มีเวลาคิดมากนัก จึงขยับวูบไหวกลายเป็นสายรุ้งยาวหนีไกลออกไปอย่างว่องไว

เกิดเสียงฉีกแยกมวลอากาศขึ้น วิญญาณเพลิงจำนวนมากไล่ตามบรรพบุรุษ หุ่นเชิดเพลิงไปอย่างบ้าคลั่ง

ในเวลาเดียวกันด้านร่างสมบัติล้ำค่า เพราะซูหมิงออกไป วิญญาณหลักจึงเป็นเสวียนซางแทน ตอนที่วิญญาณเพลิงเข้ามาใกล้ ในใจเขาสั่นไหว ให้ร่างสมบัติลุกขึ้นจากดินในทันที แล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวหนีไกลออกไป ทำให้ส่วนที่ไล่ตามไปเหมือนกับที่ไล่ตามบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงด้วย

ซูหมิงอึ้งงันอยู่ครู่หนึ่ง เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นในไม่กี่ลมหายใจ จากมีวิญญาณเพลิงอยู่เต็มฟ้า พริบตาเดียวที่นี่ก็กลายเป็นที่กว้างโล่ง…วิญญาณเพลิงทั้งหมดแบ่งกลุ่มไล่ตามบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกับร่างสมบัติล้ำค่าไป มีเพียงซูหมิงที่ถูกเมินเฉยอยู่ที่นี่….

ซูหมิงกะพริบตาปริบๆ เขาพลันนึกไปถึงการคาดเดาของตนก่อนหน้านี้ เหมือนว่าวิญญาณเพลิงที่นี่จะไม่มีเจตนาร้ายต่อตนแม้แต่น้อย

นัยน์ตาสองข้างเป็นประกายบางๆ สายตามองรอยแยกบนพื้นดินที่อยู่ไกลลิบ เขาไม่ได้ผลีผลามในทันที แต่นั่งขัดสมาธิลงโคจรขั้นพลังเพื่อรักษาฟื้นฟู

หนึ่งก้านธูปต่อมา เขาลืมตาขึ้น อาการบาดเจ็บในร่างกายถูกยับยั้งเอาไว้เล็กน้อยแล้ว จึงขยับกายวูบไหวพุ่งเข้าไปในรอยแยกแผ่นดินอย่างไม่ลังเล เขาไม่สนใจศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว แต่สนใจถุงเก็บวัตถุของอีกฝ่าย เพราะ….หญิงแมวอยู่ในถุงเก็บวัตถุนั้น

กล่าวได้ว่าที่เขากับเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเกิดการต่อสู้จนตายไปข้างหนึ่งก็เพราะ หญิงแมวจริงๆ ถึงนางจะไม่เกี่ยวกับเขามากนัก แต่เขารับทุกอย่างของเต้าคงมา เช่นนั้นหญิงแมวก็นับเป็นผู้ใต้บัญชาเขา จะไปยอมให้คนอื่นมากินเลือดเป็นอาหารได้อย่างไร

รอยแยกใหญ่มาก ข้างในลึก พื้นที่กว้างกว่า เขาพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยกด้วยความว่องไว ไม่นานเมื่อมายืนอยู่ใต้ดินที่ลึกที่สุดของรอยแยก เขาหรี่ตาลงพลางมองพิจารณาไปรอบๆ

ที่นี่เป็นเส้นทางลับ เพียงแต่ข้างบนพังลงมาจึงทำให้วิญญาณเพลิงเหล่านี้พุ่งออกไปได้ ระหว่างมองไปรอบด้าน สายตาเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวที่นอนแน่นิ่งอยู่

ยามเดินเข้าไปใกล้ ซูหมิงมองเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวที่นอนตายตาไม่หลับ ยังคงลืมตาค้าง ทว่าดวงตาไม่มีประกายนานแล้ว จากนั้นพูดเย้ยเยาะ

“เจ้าเป็นยอดฝีมือคนแรกที่แซ่ซูสังหาร แต่ไม่ใช่คนสุดท้ายอย่างแน่นอน” ซูหมิงยกมือขวาสะบัดไป ถุงเก็บวัถตุของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวลอยมาหาเขาทันที เมื่อคว้าเอาไว้แล้วก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ เพราะการตายของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว ถุงเก็บวัถตุนี้จึงไร้เจ้าของ จากการตรวจด้วยจิตสัมผัส เขาเห็นหญิงแมวถูกผนึกอยู่กลางมิติของถุงเก็บวัตถุ ตอนนี้นางหมดสติ ตรงระหว่างคิ้วยังมีสัญลักษณ์ตะขาบตัวหนึ่งกำลังจางลงช้าๆ

เขาจ้องสัญลักษณ์ตรงระหว่างคิ้วหญิงแมวในถุงเก็บวัถตุ ดวงตาสองข้างพลันขยับประกาย แล้วยกมือขวาขึ้นตบตัวเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวอย่างเงียบเชียบ เมื่อเก็บศพไปแล้วถึงยืนขึ้น จากนั้นหมุนตัวกลับพร้อมกับชี้นิ้วมือซ้ายไปข้างหลังในฉับพลัน

ทว่าพลังวิชาจากสายลมดัชนีกลับไม่ได้ปล่อยออกไป เพราะห่างจากข้างหลังเขาไปไม่ไกล ในเส้นทางลับมีวิญญาณเพลิงที่ยังเยาว์วัยอย่างชัดเจนตัวหนึ่งกำลังเบิกตากว้างเหม่อมองเขา

วิญญาณเพลิงตัวนี้เล็กมาก ไม่ถึงหัวเข่าเขาด้วยซ้ำ มันนั่งยองอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่มีความดุร้ายใดๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ตอนที่ซูหมิงมองมัน ก็เหมือนมันจะตกใจกลัวกับนิ้วของเขา วิญญาณเพลิงเยาว์วัยรีบถอยหลังไปหลายก้าวทันที สีหน้ามีความหวาดกลัวและสับสน ความสับสนทำให้มันเดินหน้ามาอีกเล็กน้อยพลางมองซูหมิง สีหน้าอ่อนโยนขึ้นทีละน้อย ภายในไม่มีความหวาดกลัวอีก แต่กลายเป็นความสุขสบาย

ความสุขสบายทำให้มันเข้ามาใกล้อีกครั้ง จนกระทั่งห่างจากซูหมิงราวหลายจั้ง มันก็พุ่งเข้าใส่ซูหมิงในพริบตา นัยน์ตาซูหมิงเผยความดุดัน แต่กลับไม่หลบหลีก เขาอยากพิสูจน์การคาดเดาของตนจึงปล่อยให้มันเข้ามาใกล้ จนกระทั่งเห็นว่าวิญญาณเพลิงตัวเล็กนอนหมอบอยู่บนเท้าตน สีหน้าดูมีความสุข ทั้งยังกอดขาตนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ตอนนี้เองซูหมิงถึงใจสั่นไหว

‘หรือว่าวิญญาณเพลิงตัวนี้จะเหมือนกับต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้ง…’ ขณะซูหมิงกำลังตรึกตรองก็ขยับกายจะออกไปจากรอยแยก แต่ขณะเดียวกับที่ขยับตัว วิญญาณเพลิงเยาว์วัยก็ปล่อยมือออกทันที แล้วรีบกลับไปนั่งยองยังจุดเดิม เมื่อกวักมือเรียกเขาแล้ว มันก็หมุนตัวกลับ หายเข้าไปในเส้นทางลับ

นัยน์ตาซูหมิงฉายแววครุ่นคิด ความหมายของวิญญาณเพลิงตัวเล็กชัดเจนมาก คือจะให้เขาตามมันเข้าไปในเส้นทางลับ ครั้นตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ซูหมิงถึงก้าวเดินเข้าไปในเส้นทางลับ เมื่อเข้าไปในนั้นจริงๆ เขาก็เห็นวิญญาณเพลิงตัวเล็กกำลังรออยู่ตรงทางแยกไกลๆ มันเห็นซูหมิงตามมาแล้วจึงยิ้มมุมปากทันที จากนั้นก็วิ่งเข้าไป

ซูหมิงตามวิญญาณเพลิงตัวเล็กไปเช่นนี้ เดินทางไปเรื่อยๆ อยู่ใต้ดินที่เต็มไปด้วยเส้นทางลับประดุจเขาวงกต เวลาผ่านไปช้าๆ ราวครึ่งชั่วยามต่อมา ตอนที่วิญญาณเพลิงข้างหน้าพุ่งออกไปและซูหมิงเข้าไปใกล้ เขาเห็นถ้ำใต้ดินกว้างโล่งที่ใหญ่ยิ่ง แห่งหนึ่ง!

ที่นี่มีขนาดหลายพันจั้ง รอบๆ มืดมิด แต่ในสายตาซูหมิงกลับเห็นหลุมบ่อบนพื้นอย่างชัดเจน ผนังหินรอบๆ มีโพรงอยู่นับไม่ถ้วน หากเปรียบโลกใต้ดินแห่งนี้เป็นเขาวงกต เช่นนั้นที่นี่ก็จะเป็นใจกลางเขาวงกตแห่งนี้

ซูหมิงจ้องโครงกระดูกครึ่งตัวที่อยู่ชิดกับผนังหินตรงมุมหนึ่งบนพื้นเงียบๆ รวมถึง….ทวนยาวในมือโครงกระดูก!

ทวนยาวมีสีม่วง แต่พอมองดีๆ แล้ว เขาเห็นทันทีว่าสีของทวนยาวเปลี่ยนเป็นสีดำ ราวกับว่ามันอยู่ระหว่างสีดำกับม่วง และจะเปลี่ยนเป็นบางครั้ง

รอบตัวโครงกระดูกมีวิญญาณเพลิงชราอยู่สองตัว พวกมันดูอายุมากแล้วอย่างชัดเจน ตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ราวกับผู้ฝึกฌาน ตรงกลางวิญญาณเพลิงสองตัววางกระดานหมากเอาไว้หนึ่งกระดาน ด้านบนมีตัวหมากอยู่เล็กน้อย

วิญญาณเพลิงสองตัวนี้กำลังเล่นหมากกันอยู่!

ยามนี้วิญญาณเพลิงเยาว์วัยนั่งยองอยู่ข้างกระดานหมาก กำลังกวักมือเรียกซูหมิง

นัยน์ตาซูหมิงเพ่งมอง เขาวูบไหวตัวพลางตรึกตรองไปด้วย ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ดูไปเสียเลย ตอนเข้ามาใกล้กระดานหมากที่วิญญาณเพลิงชราสองตัวอยู่ สายตาเขามองวิญญาณเพลิงสองตัวนั้นก่อน พวกมันเหมือนไม่สังเกตเห็นเขา ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น เพียงแค่กำลังใช้ความคิดในการวางตัวหมากบนกระดาน

เหตุการณ์นี้ค่อนข้างประหลาด จากนั้นซูหมิงมองกระดานหมากอย่างเงียบๆ

ศิลปะในการเดินหมากเช่นนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แนวขวางบนกระดานมี ตัวหมากเพียงสิบตัว ในนั้นมีห้าตัวเป็นสีเทา มีสี่ตัวเป็นสีขาว มีตัวเดียวที่เป็นสีดำ

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ตัวหมากสีดำก็ให้ความรู้สึกเหมือนเกิดขึ้นโดยไร้ที่มา เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สอดรับกัน ถึงอย่างไรเก้าตัวก็มีจำนวนมากกว่า แต่พอมีสีดำเพิ่มมาอีกตัวหนึ่ง จึงทำให้ทั้งกระดานหมากดูเหมือนแฝงไว้ด้วยความหมายแห่งการเข่นฆ่าอย่างชัดเจน

ตัวหมากสีขาวสี่ตัวเหมือนกำลังล้อมโจมตีจะสังหารตัวหมากสีดำ จึงส่งผลให้กระดานหมากเกิดความรู้สึกไม่สอดรับกัน

ซูหมิงมองกระดานหมาก สายตามองตัวหมากสีดำพลางขมวดคิ้ว

เวลาผ่านไปช้าๆ จนกระทั่งผ่านไปพักหนึ่ง วิญญาณเพลิงแก่ชราทางขวาของกระดานหมากถอนหายใจด้วยเสียงที่แฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version