Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1003

ตอนที่ 1003 เช่นนั้นก็สู้เถอะ!

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้….” วิญญาณเพลิงแก่ชราที่ถอนหายใจส่ายศีรษะพลางพึมพำกับตัวเอง

“ใช่ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…” วิญญาณเพลิงทางซ้ายของกระดานหมากมีสีหน้าขมขื่น

“เจ้าคือทายาทของซูเซวียนอี เป็นชาวเผ่ายมโลก เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่ากระดานหมากนี้ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้” วิญญาณเพลิงทางขวาของกระดานหมากเงยหน้าขึ้น มองซูหมิงเป็นครั้งแรก

พริบตาที่อีกฝ่ายมองมา ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ดวงตาของวิญญาณเพลิงแก่ชราตนนี้เหมือนขุ่นมัว แต่กลับแฝงไว้ด้วยความรวดเร็วดุดันอย่างบอกไม่ถูก กระทั่งในแววตายังมีแรงกดดันบางอย่าง แรงกดดันนี้อยู่เหนือกว่าบรรพบุรุษธุลีแผดเผา กระทั่งในความรู้สึกซูหมิง เหมือนว่าเมื่อวิญญาณเพลิงตนนี้มองมา มวลอากาศรอบๆ จะเกิดการฉีกแยกอยู่รางๆ

นี่คือ…วิชาแห่งกฎชะตา!

“นี่คือหมากอะไร” ซูหมิงเงียบ ไม่ได้แปลกใจที่ถูกล่วงรู้ฐานะ

เขามองออกแล้วว่าวิญญาณเพลิงแก่ชราสองตนนี้คือส่วนหนึ่งที่มีสติปัญญาแล้วตามที่บรรพบุรุษธุลีแผดเผาบอก ทั้งยังมีขั้นพลังแกร่งอย่างยิ่งนัก ทว่ากลับไม่ยอมออกจากเตาหลอมลำดับห้ามาเป็นเผ่าธุลีแผดเผา พวกเขาปฏิบัติตามสัญญาตั้งแต่โบราณว่าจะปกป้องในเตาหลอมไว้

ในเมื่อต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งรู้ฐานะตนได้ ในเมื่อวิญญาณเพลิงเหล่านั้นเห็นตนแล้วกลับมองข้ามไป เช่นนั้นวิญญาณเพลิงแก่กล้าที่มีสติปัญญาสองตนนี้รู้ฐานะตนก็ไม่มีอะไรแปลก

“เป็นพวกเจ้าบรรพบุรุษเผ่ายมโลกที่เล่นหมากกับซูเซวียนอีในเตาหลอมลำดับห้าตอนสี่มหาโลกแท้จริงล้อมโจมตี จากนั้นเขาก็ออกจากเตาหลอมลำดับห้าไปสู้กับ โลกข้างนอก ก่อนเขาไปยังเคยหัวเราะเสียงดัง….เคยส่ายศีรษะ…”

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาที่ผ่านเรื่องราวมามากมายนัก ตอนนี้เงียบพลางมองกระดานหมาก และจะมองตัวหมากสีดำโดยเฉพาะ เวลาผ่านไปทีละน้อยจนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่

“เจ้าเองก็ไม่เข้าใจ” วิญญาณเพลิงทางขวาของกระดานหมากส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ

ซูหมิงไม่พูดตอบ แต่มองกระดานหมากตลอด ภายในถ้ำค่อยๆ มีวิญญาณเพลิงกลับมาจากข้างนอก เดิมทีพวกมันกลับมาพร้อมด้วยเสียงคำราม ทว่าเมื่อเข้ามาในถ้ำใต้ดินกว้างโล่งแล้ว ทุกตัวกลับสงบนิ่งลงและคุกเข่าอยู่รอบๆ

ครั้นวิญญาณเพลิงกลับมามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวิญญาณเพลิงทั้งหมดปรากฏตัวแล้ว ที่นี่จึงแน่นขนัดไปด้วยวิญญาณเพลิงอีกครั้ง โดยรอบยังมีแสงไฟสะท้อนอ่อนๆ จากตัวพวกมันด้วย

ในนั้น บนตัววิญญาณเพลิงตัวใหญ่สองตัวที่มีขั้นพลังเกือบถึงขั้นกุม บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงถูกพวกมันจับจิตแรกเอาไว้ เขาตัวสั่นเทา สีหน้าหวาดกลัว แต่ตอนที่เห็นซูหมิงไกลๆ เขาอึ้งงันไปทันใด

“กระดานหมากนี้เข้าใจง่ายมาก” ซูหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเบา

คำพูดเขาทำให้วิญญาณเพลิงแก่ชราสองตนเพ่งสายตามองมาทันที

“พวกเจ้าไม่เคยออกจากเตาหลอมลำดับห้าเลย หนำซ้ำขั้นพลังยังไม่ได้มาจากการฝึกฝน แต่ตอนที่พวกเจ้าสองคนมีสติปัญญา เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านไปก็มีขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ” ซูหมิงกวาดสายตามองวิญญาณเพลิงแก่ชราสองตน

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” วิญญาณเพลิงทางขวาของกระดานหมากตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงแหบแห้ง

“จักรวาลเก้าโลก เห็นได้ว่าเก้าคือจุดสูงสุด แต่บนกระดานหมากนี้กลับไม่ใช่เก้า แต่มีหมากสีดำเพิ่มมาหนึ่ง ทำให้รูปแบบกระดานหมากไม่สอดรับกันอีก และเกิด เค้าลางจะสับสนวุ่นวาย

ตัวหมากสีดำที่เพิ่มมาน่าจะเป็นเผ่ายมโลก บางทีอาจพูดได้ว่าเคยเป็นบรรพบุรุษเผ่ายมโลก” ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง ในคำพูดมีการปลงอนิจจังที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ เขาใช้มือขวาหยิบตัวหมากสีดำบนกระดานหมากขึ้นมา

เมื่อหมากสีดำถูกเอาไป การจัดวางหมากบนกระดานจึงสอดรับกันทันที สีเทาห้าตัว สีขาวสี่ตัว เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แม้ยังขาดหายอยู่ แต่ก็เหมือนกับยึดจักรวาลไว้โดยรอบ

“บางที นี่ก็คือจักรวาลเก้าโลก ตัวหมากสีขาวสี่ตัวคือสี่มหาโลกแท้จริง ตัวหมากสีเทาห้าตัวคือมหาโลกแท้จริงอีกห้าแห่งที่เคยถูกทำลาย ตอนนี้เป็นเพียงความว่างเปล่า” ซูหมิงส่ายศีรษะแล้ววางหมากสีดำในมือลงอีกครั้ง วางไว้ตำแหน่งเดิม

“โลกแท้จริงที่ห้า…ไม่ใช่หนึ่งในจักรวาลเก้าโลก!” ซูหมิงก้มหน้าลงกล่าวเสียงเบา ความจริงก่อนหน้านี้เขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ถึงเพิ่งจะมั่นใจความคิดในใจ โลกแท้จริงที่ห้า….คือลำดับห้า และก็เป็นลำดับสิบด้วย

“รูปแบบกระดานหมากนี้คือความเข้าใจของบรรพบุรุษเผ่ายมโลก การหัวเราะเสียงดังของเขาคือความภูมิใจในตัวเอง การส่ายศีรษะของเขาคือความเสียดาย เหตุที่ภูมิใจคือเขาก่อกวนรูปแบบกระดานหมากแล้ว เหตุที่เสียดายคือไม่ได้จัดการกระดานหมากต่อให้เสร็จ

เขาทิ้งรูปแบบกระดานหมากนี้ไว้ให้กับ…ซูเซวียนอี อยากให้ซูเซวียนอีทำกระดานหมากนี้ต่อให้เสร็จ” ซูหมิงเอ่ยอย่างสงบนิ่งด้วยสีหน้าปกติ

“เช่นนั้นเจ้าเห็นอะไร?” วิญญาณเพลิงแก่ชราทางขวาของกระดานหมากพลันกล่าวขึ้น

“อยากให้ข้าจัดการกระดานหมากนี้ต่อให้สำเร็จ” ซูหมิงเงียบงัน ผ่านไปพักหนึ่งจึงถอนหายใจ ความลับของโลกแท้จริงที่ห้าเผยอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความบังเอิญแล้ว

ความจริงหากไตร่ตรองดีๆ ถ้าเชื่อมร่องรอยที่เขาพบก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งเส้น เช่นนั้นสิ่งที่เส้นนี้บรรยายออกมาก็คือความลับที่ไม่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง

ความลับนี้ไม่ได้มีอะไรปิดบังเลย นี่คือความจริงที่ตอนนั้นสี่มหาโลกแท้จริงล้อมโจมตีโลกแท้จริงที่ห้า

วิญญาณเพลิงแก่ชราสองตนนั้นอาจไม่เข้าใจจริงๆ แต่บางทีพวกมันอาจจะเข้าใจ…

หากไม่เข้าใจจริงๆ ก็เป็นเพราะพวกมันไม่เคยออกจากเตาหลอมลำดับห้า บางทีพวกมันอาจไม่รู้ว่าโลกแห่งการฝึกฝนข้างนอกมีโลก มีภัยพิบัติ

โลกก็คือต้นกำเนิดโลก เป็นพลังต้นกำเนิดของโลก ทำได้เพียงรักษาผู้ฝึกฌานที่มีจำกัดไว้เพื่อกลายเป็นโลก เปรียบได้กับตำแหน่ง ตำแหน่งแน่นอนจะมีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น หากถูกยึดตำแหน่งไป คนที่มาทีหลังจะเลือกได้ว่าจะจากไปหาโลกอื่นเพื่อแสวงหาการยอมรับจากต้นกำเนิดโลก หรือจะสังหารเพื่อแย่งตำแหน่ง

นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีวิธีอื่นอีก เว้นแต่จะทนยอมให้ขั้นพลังหยุดนิ่งไปยาวนาน มิเช่นนั้นแล้วจะต้องเลือกหนึ่งข้อจากสองข้อนี้

ในเวลาเดียวกัน เมื่อฝึกฝน เมื่อได้รับการยอมรับจากต้นกำเนิดหมื่นโลก ก็จะรวมออกมาเป็นภัยพิบัติ ภัยพิบัติที่ว่าก็คือขั้นพลังภัยพิบัติจันทรา เมื่อรวมอีกครั้งถึงจะออกมาเป็นขั้นพลังภัยพิบัติตะวัน

นี่คือกฎของจักรวาล ภายใต้กฎนี้ ทุกสิ่งมีชีวิตถึงจะฝึกฝนได้…ความเข้าใจของซูหมิง เหตุที่ก่อนหน้านี้เกิดความลังเลต่อโลกแท้จริงที่ห้าก็เป็นเพราะว่าเขามีพรสวรรค์ของเผ่ายมโลก

พรสวรรค์นี้คือการแย่งชิงอย่างเปิดเผย เป็นความชั่วร้ายบ้าอำนาจ เป็นสิ่งที่กดข่มอยู่เหนือกฎจักรวาล เป็นความบ้าคลั่งที่มองข้ามกฎเกณฑ์ไป เขาไม่ต้องใช้ต้นกำเนิดโลกใดๆ และก็ไม่ต้องรวมหมื่นโลกเป็นภัยพิบัติ เพราะพลังการยึดร่างของเขาเหนือกว่าทุกสิ่งได้

เป็นความลังเลต่อพรสวรรค์ของตัวเองที่ทำให้ส่วนลึกในใจเขา….เกิดการคาดเดาต่อโลกแท้จริงที่ห้า

จินตนาการได้ว่าบรรพบุรุษเผ่ายมโลกในตอนนั้นคงจะเป็นโอรสสวรรค์ ใช้อภินิหารวิชาและพรสวรรค์ยึดร่างทุกสรรพสิ่ง พลิกกลับจักรวาล เมินเฉยกฎ ทำให้ตัวเขาบรรลุถึงระดับที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ดังนั้นแล้ว ย่อมต้องดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ แน่นอน และนำพาภัยพิบัติสังหารมาสู่ตน จุดนี้ก็พอจะเข้าใจได้

เพียงแต่ในใจซูหมิงยังมีความสงสัยอยู่อย่างหนึ่งมาตลอด หากได้ไขความสงสัยนี้ก็จะเข้าใจถ่องแท้

ยิ่งเผ่ายมโลกแกร่งมากเท่าไร ถึงแม้จะมีอำนาจคุกคามต่อคนอื่นมากขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะดึงดูดให้สี่มหาโลกแท้จริงร่วมมือกันปิดล้อมโจมตีและทำลายทุกอย่างในโลกแท้จริงที่ห้า มิหนำซ้ำยังเกือบฆ่าล้างเผ่ายมโลกให้สิ้น ต่อให้ตอนนั้นเป็นเขาที่ยังเป็นทารกในครรภ์มารดา ก็ยังยากจะหนีรอดจากโชคชะตาต้องสาป

เรื่องนี้…มีบางส่วนที่ไม่กระจ่างอยู่

เว้นก็แต่บรรพบุรุษเผ่ายมโลกจะทำเรื่องผิดมหันต์ ทำให้สี่มหาโลกแท้จริงต้องลงมือ แต่ว่า…ด้วยสติปัญญาและขั้นพลังของบรรพบุรุษเผ่ายมโลก รู้ทั้งรู้ว่าตนมีพรสวรรค์แข็งแกร่ง จะไม่รู้จุดจบหากตนเป็นที่จับตามองได้อย่างไร และจะทำเรื่องน่าโกรธแค้นที่สี่มหาโลกแท้จริงไม่มีวันให้อภัยได้เสียที่ไหน

‘ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง…’ ซูหมิงเงยหน้า มองผนังหินข้างบน นัยน์ตาปลงอนิจจังเล็กน้อย เขานึกไปถึงคำพูดของชื่อหั่วโหวในตอนนั้นที่ว่าบรรพบุรุษเผ่ายมโลกขาดอีกเพียงครึ่งก้าวก็อยู่จุดสูงสุดแล้ว ถึงบอกว่าขาดเพียงครึ่งก้าว ทว่ากำลังรบจริงๆ ของเขาสามารถสู้กับคนที่อยู่จุดสูงสุดได้ถึงสองคน!

แม้ขั้นพลังชื่อหั่วโหวจะอยู่เพียงภัยพิบัติจันทรา แต่ยุคสมัยนั้น สายตาผู้ฝึกฌานภัยพิบัติจันทราก็ยังมองเห็นได้ไม่กว้างไกลนัก คำว่าจุดสูงสุดที่เขาเอ่ยถึงคือขั้นกุมชะตาเกิดดับ ทว่าหลังจากเข้าใจขั้นกุมชะตาเกิดดับแล้ว ซูหมิงรู้ว่าขั้นกุมก็เป็น กุมชะตาเกิดดับ ขั้นดับเองก็เช่นกัน กระทั่งระดับผู้ยิ่งใหญ่ก็พูดได้ว่ามาจากขั้น กุมชะตาเกิดดับ แต่อยู่คนละระดับพลัง ต่างกันราวฟ้าดิน

กล่าวเช่นนี้แล้ว คำว่าจุดสูงสุดนั้น…ในเมื่อมีโอกาสที่ความจริงจะเป็นระดับ ผู้ยิ่งใหญ่ จึงกล่าวได้อีกเช่นกันว่าบรรบุรุษเผ่ายมโลกขาดอีกครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงระดับผู้ยิ่งใหญ่!

แต่กำลังรบของเขาสู้กับระดับผู้ยิ่งใหญ่ได้ถึงสองคน!

‘ความเป็นไปได้นี้คือ…ไม่ว่าจะฝึกอะไรก็มักจะมีคอขวดขวางเอาไว้หนึ่งครั้ง การทะลวงคอขวดล้วนมีตำแหน่งที่แน่นอน เหมือนกับทุกสิ่งมีชีวิตฝึกฝนต้นกำเนิดโลก

จักรวาลเก้าโลก ทุกโลกมีระดับผู้ยิ่งใหญ่ได้เพียงคนเดียว นี่คือกฎ

ดังนั้น สี่มหาโลกแท้จริงถึงมีระดับผู้ยิ่งใหญ่แค่สี่คน กดข่มอยู่เหนือเจ้าภัยพิบัติอย่างเต้าเฉิน หากโลกแท้จริงที่ห้าเป็นหนึ่งในจักรวาลเก้าโลก เช่นนั้นก็คงไม่เกิดเรื่องการทำลายล้างโลกขึ้น

แต่โลกแท้จริงที่ห้ากลับไม่ใช่หนึ่งในจักรวาลเก้าโลก ดังนั้นหากบรรพบุรุษ เผ่ายมโลกบรรลุถึงระดับผู้ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นในบรรดาสี่ผู้ยิ่งใหญ่ของสี่มหาโลกแท้จริง จะต้องมีหนึ่งคนตายตกไป!

ตำแหน่งมีเพียงสี่เท่านั้น และยังเต็มแล้ว แต่กลับมีบรรพบุรุษเผ่ายมโลกที่มีอำนาจคุกคามรุนแรงต่อพวกเขาสี่คนโผล่ขึ้นมา!’ ซูหมิงเงียบ นี่คือการคาดเดาของเขา แต่ก็มั่นใจเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้น การคาดเดาของเขา…คือสาเหตุจริงๆ ที่โลกแท้จริงที่ห้าถูกทำลาย

ซูหมิงถอนหายใจเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองตัวหมากสีดำบนกระดานหมาก หลังเงียบไปพักหนึ่งแล้ว นัยน์ตาก็เผยประกายแวววาว เขาใช้มือขวาหยิบตัวหมาก สีดำขึ้นมาอีกครั้ง กำมันเอาไว้ในมือ

เดิมทีซูหมิงไม่อยากเดินทางนี้ แต่เขาเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นซูเซวียนอีหรือตน ขอเพียงเดินหนึ่งก้าวนั้นไป ก็จะต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกับบรรพบุรุษยมโลก

ในเมื่อเป็นอย่างนั้น….

‘เช่นนั้นก็สู้เถอะ!’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา เขากำมือขวา ตัวหมากสีดำหายไปกลางฝ่ามือ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version